ฮ่องเต้ได้ยินข่าวอย่างรวดเร็วทันทีภายในพระราชวัง
“เกิดอันใดขึ้น” ฮ่องเต้ไม่พอใจอย่างมาก “เหตุใดเล่อหยงจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้”
เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนยามกลางวัน ฮ่องเต้อารมณ์ดีอย่างหาได้ยาก ทรงเรียกเหล่าองค์ชายมาพูดคุย แม่ทัพหน้ากากเหล็กที่พักอยู่ตำหนักด้านนอกก็มาด้วย เขากำลังเล่าเรื่องสนามรบให้แก่เหล่าองค์ชาย ในขณะที่กำลังสนุกนั้นก็ได้ยินเรื่องนี้
องค์ชายห้าดีใจอย่างมาก “คนอย่างพี่สอง ทูลดีไม่ทูลร้าย เมื่อประสบปัญหา ตนเองจะหลบก่อน…”
ฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา “เจ้าเงียบเสีย! เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปก่อกวนที่จวนโหวหรือ พี่สองของเจ้าไม่ให้เจ้าเข้าประตู เจ้าจึงโกรธแค้น!”
เนื่องจากเรื่องของเหล่าท่านอ๋อง สิ่งที่ฮ่องเต้ทรงไม่โปรดปรานที่สุดคือเหล่าองค์ชายไม่สมานฉันท์ องค์ชายห้าย่อมรู้ ถึงแม้โกรธแต่เขาก็โน้มตัวยอมรับผิด
ฮ่องเต้ไม่สนใจเขา ทรงโปรดให้คนไปเรียกองค์ชายสองมา ไม่รอเขารับสั่ง ด้านนอกก็มีคนทูลว่าองค์ชายสองเสด็จมา
“เสด็จพ่อ” องค์ชายสองเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก
ฮ่องเต้เห็นสีหน้าของเขา ไม่ทันได้ตำหนิ รีบถาม “เหตุใดเจ้าจึงกลับมา อาเสวียนเป็นอย่างไร”
หรือว่าถูกตีจริง?
สวรรค์…
ฮ่องเต้ยื่นมือกุมหน้าอก เหลือบมองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เป็นเพราะเขาตามใจเฉินตันจู!
หากเฉินตันจูตีโจวเสวียนจริง ถึงแม้ครานี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กจะคัดค้านอย่างไร เขาก็ไม่ให้อภัย!
แม่ทัพหน้ากากเหล็กราวกับมองไม่เห็นสายตาของฮ่องเต้ เขานั่งนิ่งไม่ขยับ
สีหน้าขององค์ชายสองสับสนเล็กน้อย “อาเสวียนไม่เป็นอันใด แต่ เขาออกจากจวนโหว ไป อารามดอกท้อของคุณหนูตันจูแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ รวมไปถึงคนภายในห้องต่างผงะ สายตาของแม่ทัพหน้ากากเหล็กจับจ้องไปที่องค์ชายสองเช่นกัน
“ไปตีกันหรือ” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “เป็นเช่นนี้แล้ว เหตุใดเขาจึงยังอยู่ไม่สงบ เหตุใดเจ้าจึงไม่ห้ามเขาเอาไว้”
สายตาขององค์ชายสองเลิ่กลั่ก “เสด็จพ่อ มิใช่ตีกัน อาเสวียนบอกว่าจะพักอยู่ที่อารามดอกท้อของคุณหนูตันจู หายดีแล้วค่อยกลับมา”
เอ๊ะ?
ฮ่องเต้ฉงน เหตุใดต้องไปพักรักษาตัวที่อารามดอกท้อของเฉินตันจู หรือต้องการหลอกปล้นคุณหนูตันจู?
ถึงแม้องค์ชายสองจะรั้งเหล่าองค์ชายและขุนนางไว้ด้านนอกจวนโหวด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว แต่เขาไม่กล้ารั้งโจวเสวียน อีกทั้งโจวเสวียนก็ไม่ให้พวกเขาติดตาม ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกลับมารายงาน เรื่องอื่นเขาไม่รู้ทั้งสิ้น
เนื่องจากเป็นกังวลว่าโจวเสวียนจะปะทะกับเฉินตันจูขึ้นมาจริง ฮ่องเต้จึงรีบส่งคนไปดูที่ภูเขาดอกท้อ ก่อนจะเหลือบมองแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่นั่งอยู่ด้านข้าง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กยังคงนั่งอย่างสงบ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่องค์ชายสองพูด
“ท่านแม่ทัพ” ฮ่องเต้ทำได้เพียงตรัสขึ้นก่อน “เจ้าให้คนดูไว้เสียด้วย”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลพระทัย ไม่เกิดการปะทะขึ้นอย่างแน่นอน”
องค์ชายสองอดถามสาเหตุไม่ได้ พวกเขาผู้เป็นองค์ชายต่างคุ้นเคยกับนิสัยของโจวเสวียน หากเขาบ้าคลั่งขึ้นมาจริง เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นองค์ชาย หรือเป็นชายเป็นหญิง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดเสียงเรียบ “เขาสู้ไม่ได้ คนที่กระหม่อมเหลือไว้ทางนั้นเพียงพอ”
เขายังกล้าพูด! ฮ่องเต้ถลึงตาใส่แม่ทัพหน้ากากเหล็ก ก่อนหน้านี้ องครักษ์หลวงสิบคนก็แล้วไป หลังจากกลับมายิ่งมากกว่าเดิม ส่งคนไปยังภูเขาดอกท้อ สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่สำคัญทางการทหารหรือ
เหล่าองค์ชายได้ยินไม่รู้สึกว่าเกินจริงมากนัก อย่างไรก็ตามพวกเขาเคยชินกับการปฏิบัติที่เกินจริงของเฉินตันจูเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้มากมาย
“โจวเสวียนสู้ไม่ได้ เฉินตันจูสู้ได้ ไม่ยิ่งแย่กว่าหรือ” องค์ชายสี่ถาม
โจวเสวียนถูกฮ่องเต้เฆี่ยนตีห้าสิบครั้ง อ่อนแออย่างมาก
แม่ทัพหน้ากากเหล็กยิ้ม “ไม่ โจวเสวียนไม่ลงมือ คุณหนูตันจูย่อมไม่ทำร้ายเขา คุณหนูตันจูเป็นเด็กที่เป็นมิตรมาก”
เป็นมิตร? คนภายในตำหนักมองเขาด้วยสีหน้าประหลาด ผู้ใดเป็นมิตร เฉินตันจูหรือ?
ชิงเฟิงเป็นหนึ่งในผู้ที่รู้สึกว่าเฉินตันจูเป็นมิตร เขานั่งอยู่บนขั้นบันได มองดูเยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อเดินไปเดินมาอยู่ในลานเล็ก ถามอย่างดีใจ “ชุ่ยเอ๋อ กินข้าวได้เมื่อใด”
ชุ่ยเอ๋อระอาเล็กน้อย นางชี้ไปที่ห้องตรงข้าม “รอคุณหนูของข้าจัดเตรียมที่พักให้คุณชายของเจ้าก่อนเถิด”
ชิงเฟิงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นลูบท้อง “เยี่ยนเอ๋อ เหตุใดจึงไม่มีชาร้อนและของว่าง”
เยี่ยนเอ๋อกลอกตาใส่เขา “รอคุณหนูของข้าอารมณ์ดีก่อนเถิด”
ชิงเฟิงหันกลับไปมองที่ประตู แม้ว่าในห้องจะไม่มีการต่อสู้หรือตะโกนสาปแช่ง แต่บรรยากาศก็ไม่ดีนัก
เฉินตันจูมองโจวเสวียนที่ถูกชิงเฟิงและบ่าวรับใช้โยกย้ายไปที่เตียง ไม่เพียงแต่คนเท่านั้นที่ถูกย้ายไปที่เตียง แต่ยังมีสัมภาระที่บอกว่าบรรจุเสื้อผ้าและขวดยาต่างๆ ที่ว่ากันว่าเป็นยาทาแผล
ห้องที่แคบอยู่แล้วก็แน่นไปด้วยสิ่งของในทันที ดูเหมือนว่าแม้แต่จะหมุนตัวยังอึดอัด
โชคดีที่เหล่าผู้ติดตามออกไปก่อน ภายในห้องเหลือเพียงแค่เฉินตันจูและโจวเสวียน
เฉินตันจูกุมหน้าผาก นี่มันเรื่องอันใดกัน!
“ท่านโหวโจว” นางถามอย่างหมดหนทาง “ท่านต้องการทำอันใด”
โจวเสวียนนอนหลับตาหนุนแขนราวกับว่าเขากำลังจะหลับ เมื่อได้ยินคำถาม เขาตอบอย่างใจเย็น “รักษาตัว ท่านไม่ยอมรับไม่ได้ บาดแผลของข้าเกิดขึ้นเพราะท่าน ท่านอย่าคิดที่จะทอดทิ้งข้า”
“ท่านบอกว่าบาดแผลของท่านเกิดจากข้า ข้ายอมรับ” เฉินตันจูทำได้เพียงยอมจำนน “แต่เรื่องทอดทิ้ง ท่านอย่าได้พูดอีก ข้าบอกแล้ว ข้าให้ท่านสาบาน ไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
โจวเสวียนหันกลับมามองนาง ส่งเสียงไม่พอใจ “หมายความว่าอย่างไร ถ้าท่านไม่ได้หลงรักข้า เหตุใดท่านถึงบังคับให้ข้าสาบานว่าจะไม่แต่งงานกับหญิงอื่น”
เฉินตันจูไม่มีแรงที่จะปิดปากเขาอีก นางพูดอย่างอ่อนแรง “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ องค์หญิงจินเหยาไม่ชอบท่าน พวกท่านอยู่ด้วยกันก็ไม่มีความสุข”
โจวเสวียนยิ้ม “จินเหยาไม่ชอบข้า? จินเหยากับข้าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เราเกิด ท่านเพิ่งรู้จักนางเพียงไม่กี่วัน พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข? ท่านรู้อนาคตของพวกเราหรือ?”
ใช่แล้ว นางรู้ เฉินตันจูเงียบ
“เพียงเพราะองค์หญิงจินเหยาบอกว่าไม่ชอบข้า ท่านจึงบังคับให้ข้าสาบาน? การกระทำนี้ไม่เหมือนวิธีของท่าน คุณหนูตันจู” โจวเสวียนพูดเสียงเย็น “คุณหนูตันจู นอกจากท่านชอบข้า ยังมีเหตุผลใดอีก”
เพราะ…เฉินตันจูหลุบตาไม่พูด
โจวเสวียนไม่กดดันอีก เขาหนุนแขนมองนาง
ห้องเงียบลง
คนที่ฮ่องเต้ส่งมาเดินทางมาถึงในเวลานี้ มีขันทีและหมอหลวงหลายคน แต่เมื่อเห็นพวกเขามา โจวเสวียน แสร้งทำเป็นวิงเวียนไม่สนใจพวกเขา ขันทีทั้งหลายทั้งอับอายทั้งระอา
“คุณหนูตันจู ท่านดู…” พวกเขาทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเฉินตันจู
เฉินตันจูทำได้เพียงอธิบายด้วยตัวเองว่าโจวเสวียนมาพักรักษาตัว “ข้าเป็นไต้ฟู เขาชื่นชมทักษะทางการรักษาของข้า ต้องการให้ข้ารักษา พวกท่านให้ฝ่าบาทวางพระทัย ไม่เป็นอันใด”
โจวเสวียนชื่นชมทักษะทางการรักษาของเฉินตันจู? เฉินตันจูยังยินดีรักษาให้โจวเสวียน? คำพูดนี้ฟังอย่างไรก็ดูประหลาด แต่โจวเสวียนไม่สนใจพวกเขา ส่วนคุณหนูตันจูพวกเขาก็ไม่กล้าถาม เพียงแค่ตอบรับแล้วถอยออกไป ยังไม่ทันก้าวออกจากประตู ก็ได้ยินโจวเสวียนเงยหน้าขึ้นเรียกเฉินตันจู “ข้าจะดื่มชา”
จากนั้นพวกเขาก็เห็นคุณหนูตันจูไปรินน้ำชา โจวเสวียนไม่แม้แต่จะยื่นมือออกไป คุณหนูตันจูป้อนให้เขากับมือ…
เหล่าขันทีกะพริบตา อยากจะมองอีกสักเล็กน้อย แต่ชิงเฟิงมายืนบังสายตาเอาไว้ กระแอมไอหนึ่งที คนทั้งหลายรีบก้มหน้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้ที่อยู่ภายในตำหนักใหญ่ทนรอไม่ไหว การสนทนาก่อนหน้านี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ แต่เหล่าองค์ชายรวมทั้งแม่ทัพหน้ากากเหล็กล้วนไม่ได้จากไป…ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็น
หลังจากที่ขันทีกลับมาทูล “โจวเสวียนชื่นชมทักษะการรักษาของคุณหนูตันจู ต้องการพักรักษาตัวอยู่ที่อารามดอกท้อ” ทุกคนไม่รู้สึกถูกไขข้อสงสัยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังฉงนกว่าเดิม
ฟังคำพูดนี้ เหมือนคำพูดของคนหรือ แต่ละคำล้วนแสดงออกถึงความประหลาด
โจวเสวียนชื่นชมทักษะการรักษาของเฉินตันจู?
เฉินตันจูยอมให้โจวเสวียนพักรักษา?
“นอกจากนี้…” ขันทีคนหนึ่งลังเลเล็กน้อย ฝ่าบาทให้พวกเขาไปดูสถานการณ์ แม้ว่าโจวเสวียนไม่ยอมให้พวกเขาดูอาการ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นยังคงต้องทูล “ท่านโหวโจวจะดื่มน้ำชา คุณหนูตันจูเป็นคนป้อนกับมือ…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮ่องเต้ขนลุกซู่ โจวเสวียนให้คนป้อนน้ำชา?
เขานึกถึงอดีต ตอนที่โจวเสวียนพักอยู่ในวัง เหล่านางในต่างชอบเขา แย่งชิงกันเพื่อปรนนิบัติเขา แต่น่าเสียดายอย่าว่าแต่ป้อนข้าวป้อนน้ำ แม้แต่เข้าใกล้เขาก็ล้วนถูกตี…นางในคนหนึ่งแสร้งข้อเท้าพลิกในสวนดอกไม้เพื่อให้เขาสงสาร สุดท้ายถูกโจวเสวียนถีบลงน้ำอย่างไม่ใยดี
การป้อนน้ำชาของเฉินตันจู โจวเสวียนกล้าดื่มได้อย่างไร ไม่กลัวถูกวางยาหรือ?
ฮ่องเต้ยิ่งคิดยิ่งประหลาด เขาคิดอะไรผิดไปแน่ สายตาของเขามองไปทางตำหนักใหญ่ เห็นสีหน้าของเหล่าองค์ชายที่นั่งอย่างเงียบสงบในเดิมทีเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ก่อนที่องค์ชายสี่จะตบขาขึ้นมา
“มันไม่ถูกต้อง!” เขาตะโกน “มีความแค้นที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่า…หญิงสาวชายหนุ่มมีใจรักใคร่กันมากกว่า?”
เดิมทีเขาอยากจะด่าว่าหญิงร้ายชายชั่ว แต่เมื่อนึกถึงฐานะของหญิงสาวและชายหนุ่ม สงสัยว่าหากตนเองพูดออกมา จะถูกฮ่องเต้ตีเหมือนสุนัข
ภายในตำหนักล้วนเป็นชาย ถึงแม้จะยังไม่แต่งงาน…ถึงแม้แม่ทัพหน้ากากเหล็กอายุมาก แต่ก็ยังไม่แต่งงาน…เมื่อได้ยินเสียงขององค์ชายสี่ แม้จะไร้เดียงสาเพียงใดก็กระจ่าง ใช่ อันที่จริงควรคิดได้ตั้งแต่แรก โจวเสวียนปฏิเสธการแต่งงานด้วยชีวิต หลังจากปฏิเสธจึงรีบวิ่งไปยังเรือนของหญิงอื่น…มีความลับชัดๆ !
แน่นอน พวกเขาไม่กล้าพูดออกมาเหมือนองค์ชายสี่ มีเพียงมองหน้ากัน ยักคิ้วหลิ่วตา
ไม่คิดว่า โจวเสวียนจะถูกเฉินตันจู…ไม่น่าเชื่อ!
สีหน้าของฮ่องเต้ไม่ดีอย่างมาก แปรเปลี่ยนไปเป็นพักๆ เนื่องจากฐานะของโจวเสวียน เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ในเวลานี้เมื่อได้ยินองค์ชายสี่พูด ความคิดจึงเปลี่ยนทิศทาง ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ชายหนุ่มอายุน้อยแล้ว อีกทั้งตอนที่ยังอายุน้อยก็ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่วังหลังมีหญิงสาวสิบกว่าคน เรื่องเช่นนี้แค่คิดก็กระจ่างแล้ว
เหลือเชื่อ? สายตาของฮ่องเต้กวาดผ่านภายในตำหนักอีกครั้ง จ้องมองเหล่าองค์ชายที่นั่งอยู่ด้วยความกังวล มีเพียงสองคนที่นั่งนิ่งไม่ขยับ
คนหนึ่งคือองค์ชายสาม อีกคนคือแม่ทัพหน้ากากเหล็ก
มีโจวเสวียนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน จะมีสิ่งใดน่าแปลกประหลาดกัน ฮ่องเต้หัวเราะเย็นชาภายในใจ เฉินตันจูนะเฉินตันจู ร้ายกาจยิ่งนัก