…ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้นะ
“น้ำ…น้าม…ขอน้ำ…”
อินซอบก้มมองซอแจฮาที่นอนร้องขอน้ำอยู่ที่พื้นพลางครุ่นคิด
“น้าม…!”
ซอแจฮาหวีดร้อง อินซอบบอกว่า “สักครู่นะครับ” ก่อนจะหันตัวไป แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจ อีอูยอนยืนอยู่โดยที่ถือแก้วน้ำไว้ในมือข้างหนึ่ง
“คะ คุณอูยอน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ แล้วตื่นตั้งแต่เมื่อไรเหรอครับ”
เขาเพิ่งจะทำให้อีอูยอนที่เมาเหล้านอนลงที่ห้องนอนและออกมาข้างนอก
“ผมไม่เป็นไรครับ”
“โผมขอน้าม…”
ซอแจฮาที่นอนอยู่บนพื้นเห็นแก้วน้ำที่อีอูยอนถือไว้และยื่นมือออกมา อีอูยอนจึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คอแห้งเหรอครับ”
“อือ…คอแห้ง…”
“โธ่”
อีอูยอนทำสีหน้าสงสารพลางดื่มน้ำที่อยู่ในแก้วจนหมด ท่าทางของเขาดีพอที่จะถ่ายโฆษณาน้ำแร่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ อินซอบมองอีอูยอนที่ทำแบบนั้นอย่างมึนงง เขารีบตั้งสติและเอ่ยถามว่า “เราควรทำยังไงดีครับ”
“ทำยังไงเรื่องอะไรเหรอ”
“ก็คุณซอแจฮาไงครับ ดูเหมือนเขาจะกลับบ้านไม่ไหวเพราะเมามาก”
“งั้นเหรอครับ”
อีอูยอนตอบกลับด้วยท่าทีไม่สนใจราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง อินซอบลังเลก่อนจะเอ่ยถามว่า “ให้เขานอนที่ห้องนอนแขกดีไหมครับ” นอกจากห้องที่คนทั้งคู่ใช้แล้ว ยังมีห้องเหลืออยู่ถึงสี่ห้อง แค่ปูผ้าห่มให้ในห้องสักห้องก็ใช้ได้แล้ว แต่อีอูยอนกลับยืนนิ่งและไม่ตอบอะไรเลย
“…หรือให้นอนที่โซฟาดีครับ”
อินซอบเอ่ยถามอีกครั้งอย่างระมัดระวัง
“เป็นแฟนคลับเหรอครับ”
“ครับ?”
คำถามที่กะทันหันของอีอูยอนทำให้อินซอบตกใจและทำตาโต
“คุณอินซอบเป็นแฟนคลับของซอแจฮาเหรอครับ”
“เอ่อ…เขาน่าจะพูดเพราะเมาน่ะครับ”
อินซอบเหลือบมองซอแจฮาที่นอนแผ่อยู่บนพื้น ซอแจฮายังคงตามหาแต่น้ำราวกับคนที่หลงทางอยู่ในทะเลทรายมาสามวัน อินซอบกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องไร้สาระออกมาจึงตัดสินใจว่าจะทำให้อีอูยอนหลับก่อน
“…!”
อินซอบที่เงยหน้าขึ้นมาสะดุ้งตกใจ อีอูยอนเอ่ยถามในสภาพที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนอยู่ในระยะที่ริมฝีปากเหมือนจะชนกัน
“ทำไม? ตอนนี้รู้สึกเฉยๆ กับผมแล้วเหรอ เพราะผมโดนไอ้หมอนั่นแย่งโฆษณาไปหมดเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“ไม่ใช่อะไรล่ะ ตอนที่ซอแจฮาพูดแบบนั้นคุณอินซอบก็นั่งฟังเฉยๆ นี่ครับ”
อีอูยอนพูดว่า “หรือว่าไม่ใช่” พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาอีกครั้ง อินซอบคว้าแขนของเขาไว้และลากไปที่ห้องนอน โชคดีที่อีอูยอนยอมให้ลากไปง่ายๆ
“คุณเมาแล้วครับ รีบนอนเถอะครับ”
อินซอบจับอีอูยอนให้นั่งลงบนเตียง อีกฝ่ายกอดเอวอินซอบไว้แน่น เขาตกใจและพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก ถึงจะอยู่ในสภาพเมามาย แต่ซอแจฮาก็ยังนอนอยู่ด้านนอกโดยมีแค่ประตูบานเดียวกั้น
“เพราะผมเป็นนักแสดงที่ไม่ได้เรื่องเหรอครับ…คุณถึงไม่ชอบผมแล้ว”
สายตาของอีอูยอนยากที่จะบอกความรู้สึกได้ สายตานั้นเหมือนจะยิ้ม แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเศร้า และสะท้อนให้เห็นถึงความยินดีจากตรงไหนสักที่แม้จะแกล้งทำเป็นร้องไห้อยู่ก็ตาม นักวิจารณ์จำนวนหนึ่งเคยแสดงความคิดเห็นว่าความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนอยู่ในดวงตาของอีอูยอนมีเสน่ห์ราวกับจะข่วนใจคน
อีอูยอนอ้อนวอนอินซอบด้วยแววตาที่แม้จะยิ้ม แต่ก็ดูเปล่าเปลี่ยว
“ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ใช่แบบนั้น คุณอูยอนได้รับรางวัล และได้แสดงผลงานที่ดีอยู่ตลอดเลยนะครับ แค่จำนวนงานที่ทำลดลงนิดหน่อยเองครับ อย่าพูดแบบนั้นเลยนะครับ”
“เพราะแบบนั้นคุณก็เลยตัดสินใจที่จะเป็นแฟนคลับของซอแจฮาเหรอครับ ซอแจฮาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเหรอ?”
อย่าว่าแต่จะรำคาญอีอูยอนที่พูดวกไปวนมาเพราะเมาเหล้าเลย อินซอบกลับรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะคนที่ทำให้นักแสดงที่ชื่ออีอูยอนหมดกำลังใจไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเขาเอง
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะครับ คุณอีอูยอนแสดงดีกว่า แล้วก็เท่กว่ามากด้วย ทำไมผมต้องเป็นแฟนคลับของนักแสดงคนอื่นด้วยล่ะครับ ผมไม่ทำเด็ดขาดครับ”
“…ถ้าผมไม่มีชื่อเสียงแล้ว…คุณจะทิ้งผมไปเหรอครับ”
อินซอบตกใจก่อนจะบอกว่า “ไม่ครับ” พร้อมกับส่ายหน้า
“ผมไม่ทำแบบนั้น คุณก็รู้นี่ครับว่าผมจะไม่ทำแบบนั้น ทำไมผมต้องทิ้งคุณอีอูยอนด้วยล่ะครับ ผมจะทิ้งคุณได้ยังไง…”
น้ำตาเอ่อขึ้นมาที่ดวงตาของอินซอบทันที เขารีบใช้หลังมือเช็ดน้ำตาก่อนจะพูดต่อ
“ต่อให้คุณอีอูยอนเลิกทำงานผมก็ไม่สนใจหรอกครับ ผมชอบคุณ…”
“งั้นจูบผมได้ไหมครับ”
“แต่ข้างนอก…”
“แค่ครั้งเดียวก็ได้ครับ”
อีอูยอนทำหน้าหงอยเหมือนกับเด็กโดนทิ้ง และถูหน้ากับเอวของอินซอบ อินซอบนั่งคุกเข่าลงช้าๆ และสบตากับอีอูยอน จากนั้นก็กุมหน้าของเขาไว้ก่อนจะกระซิบ
“…รักนะครับ รักที่สุดในโลกเลย”
เป็นเสียงที่เหมือนจะได้ยินแต่ก็ไม่ แต่ความจริงใจที่ชัดเจนอยู่ในนั้นได้พรั่งพรูไปถึงอีอูยอน
ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาและถูกถอนออกไปพร้อมกับเสียงดัง จุ๊บ พอถอยห่างออกมาได้ประมาณหนึ่ง เขาก็เห็นหน้าของอีอูยอนได้อย่างชัดเจน อีอูยอนที่ทำสายตาราวกับเด็กหนุ่มที่ตกหลุมรักกำลังมองอินซอบอยู่ เขารู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมาทุกครั้งที่กะพริบตา บรรยากาศเริ่มแปลกไป อินซอบจึงก้มหน้าพร้อมกับลุกขึ้น
“ผมจะไปดูคุณซอแจฮา…”
ตัวของเขาโอนเอนและถูกดึงลงมาที่เตียง ตอนที่ตั้งสติได้อย่างยากลำบาก อีอูยอนที่ขึ้นคร่อมเขาไว้ก็เริ่มพรมจูบอย่างเร้าร่อนแล้ว เขาไม่สามารถตั้งสติได้เลย อีอูยอนจับด้านหลังหัวของอินซอบไว้และจูบอย่างลึกซึ้งต่อไป
“เอ่อ…ข้างนอก…เดี๋ยวครับ”
“ผมบอกว่าอย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่นบนเตียงไงครับ”
แปลก นี่มันต่างจากเมื่อสักครู่นี้อย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงนั้นชัดเจนจนน่าขนลุก และไม่รู้สึกถึงฤทธิ์ของเหล้าเลยแม้แต่น้อย
อินซอบหอบหายใจและช้อนตามองอีอูยอน
“ต่อให้มีอะไรกันตอนนี้ทันทีผมก็ไม่แคร์ แต่ผมทำไม่ได้เพราะคุณอินซอบไม่ชอบ”
อีอูยอนเสยผมหน้าม้าที่ยุ่งไม่เป็นทรงขึ้น และยิ้มอย่างสดใสพร้อมกับลุกขึ้น
“จะ จะไปไหนครับ”
“ไปจัดการไอ้นั่น”
อินซอบที่รู้ตัวช้าเกินไปว่าไอ้นั่นหมายถึงอะไรรีบลุกขึ้น และตามอีอูยอนออกไป อีอูยอนกำลังกำคอเสื้อของซอแจฮาที่นอนแผ่อยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นและเขย่า
“ลุกเถอะครับ ต้องกลับบ้านแล้วนะ”
นี่เป็นภาพที่ทำให้คนที่เห็นเสียวสันหลังวาบอย่างน่าประหลาด แม้เจ้าตัวจะยิ้มและพูดอย่างสุภาพอยู่ก็ตาม
“อ่า ขอน้าม…”
พอซอแจฮาเริ่มพูดถึงน้ำซ้ำๆ อีกครั้ง อินซอบก็บอกว่า “ผมจะเอามาให้ครับ” และหมุนตัวกลับไป ตอนนั้นเองเสียงดัง แควก ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ตั้งสติหน่อยครับ”
อีอูยอนยิ้มพร้อมกับตบแก้มซอแจฮาเบาๆ ไม่สิ นั่นเป็นการฟาดที่แม่นยำว่าการตบเบาๆ ถึงขนาดที่อินซอบที่กำลังดูอยู่ว่าเขาจะตีอีกฝ่ายอย่างรุนแรงหรือเปล่าไม่คิดที่จะห้าม และตัวสั่นราวกับโดนตีเอง
“จะ…เจ็บครับ”
ซอแจฮากุมแก้มพร้อมกับพึมพำ แต่ไม่ว่าเขาจะทำแบบนั้นหรือไม่ อีอูยอนก็ยังค้นเสื้อผ้าของซอแจฮาและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“รหัสผ่าน”
“หา?”
อีอูยอนยิ้มและฟาดแก้มของซอแจฮาอีกครั้ง ซอแจฮาที่โดนฟาดจนหน้าหันพึมพำตอบว่า “1234ครับ” อีอูยอนกดรหัสโทรศัพท์ เขาค้นประวัติการโทรก่อนจะเริ่มคุยโทรศัพท์
“สวัสดีครับ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณซอแจฮาใช่ไหมครับ”
เขาพูดอย่างนุ่มนวลและสุภาพ
…ไม่มีคลาดเคลื่อนไปจากปกติเลยแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
อินซอบมองด้านหลังของอีอูยอนที่คุยโทรศัพท์อยู่อย่างเหม่อลอยราวกับคนที่ถูกอะไรบางอย่างล่อลวง
“งั้นผมจะพิมพ์ที่อยู่ส่งไปให้ คุณช่วยมาทีนะครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ”
อีอูยอนที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จจับซอแจฮาให้ลุกขึ้น พออินซอบจะเข้าไปช่วย อีอูยอนก็ขวางเขาไว้
“วันนี้เราพอแค่นี้นะครับ”
ก่อนที่เขาจะทันได้ถามว่าหมายความว่าอะไร อีอูยอนก็ลากซอแจฮาไปที่ประตูหน้าบ้าน อินซอบเป็นห่วงจึงตามหลังอีอูยอนไป
“จะไปไหนครับ”
“โชคดีที่ผู้จัดการส่วนตัวของหมอนี่บอกว่าใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการมาที่นี่ ถึงอากาศจะหนาว แต่ผมคิดว่าเอาเขาไปทิ้งไว้ที่ถนนใหญ่ได้นะครับ”
“…”
อีอูยอนพูดอะไรไม่สัมพันธ์กันเลยสักนิด และยิ้มราวกับคนที่ใจดีและอ่อนโยนที่สุดในโลก
“เดี๋ยวผมกลับมานะครับ”
“ผมไปด้วย…”
พออินซอบกำลังจะใส่รองเท้า อีอูยอนก็เดาะลิ้นราวกับไม่พอใจ
“อินซอบ”
“…”
อินซอบตัวสั่น การที่อีอูยอนเรียกเขาด้วยชื่ออย่างเดียวเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีให้เห็น ยิ่งเรียกด้วยน้ำเสียงที่โมโหขนาดนั้นด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีให้เห็นเข้าไปกันใหญ่
“ผมถูกแย่งช็อกโกแลตไปแล้ว ยังจะต้องเห็นคุณดูแลผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ”
อินซอบรู้สึกเหมือนเลือดไหลออกไปจนหมดตัว อีอูยอนซบหน้าลงกับไหล่ของอินซอบที่หน้าซีดเผือดและกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“อย่าออกมานะครับ เพราะถ้าผมโกรธจนไม่ลืมหูลืมตา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไร ใจจริงผมอยากจะแยกกบาลมันออกเป็นสองส่วนด้วยซ้ำ”
เพราะท่าทางการเขย่าซอแจฮาที่เมาเหล้าจนนอนแผ่และคำพูดที่พูดเสริมขึ้นมา อินซอบจึงคว้าชายเสื้อของอีอูยอนไว้ อีอูยอนหัวเราะเสียงดังก่อนจะตอบว่า “ล้อเล่นน่ะ” พร้อมกับทำตายิ้ม
“…”
แม้จะไม่แน่ใจ แต่ผมบอกแล้วไงครับว่านั่นไม่ใช่การล้อเล่น
“ผมไม่แยกกบาลมันหรอกครับเพราะขี้เกียจ”
“…ห้ามแยกนะครับ”
พออินซอบร้องขอด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ อีอูยอนก็หัวเราะ
“เฮ้อ ดีจริงๆ ที่คุยกับคุณอินซอบรู้เรื่องอย่างที่คิดไว้”
อีอูยอนตบไหล่ของอินซอบเบาๆ ราวกับปฏิบัติต่อเพื่อนที่สนิท
“เดี๋ยวมานะครับ ถึงจะคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่เราคงต้องคุยกันอีกทั้งคืน”
อีอูยอนยิ้มอย่างสดใสก่อนจะลากซอแจฮาออกไปข้างนอก
อินซอบที่ถูกทิ้งไว้ที่ประตูหน้าบ้านในสภาพที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเริ่มเรียบเรียงสถานการณ์ในหัวอย่างช้าๆ
การดื่มเหล้าวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อีอูยอนรู้ความจริงที่เขาให้ช็อกโกแลตซอแจฮาตั้งแต่แรกแล้ว หากลองเปรียบเทียบจากประสบการณ์ที่เรียนรู้มาจนถึงตอนนี้ การที่อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ
นอกเหนือจากนั้นความจริงที่อีอูยอนรู้ทุกอย่างหมดแล้วยัง…
“…”
ผ่านไปไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีอูยอนที่ขึ้นบันไดมา
ตึง ตึง ตึง
เสียงคีย์แพดตรงประตู และเสียงกดรหัสผ่านเข้ามาใกล้อย่างชัดเจน
ทำไมนะ เขาเป็นคนที่เรารัก และไม่มีทางที่จะทำร้าย แต่ทำไมเราถึง…
“กลับมาแล้วครับ”
อีอูยอนยิ้มอย่างอบอุ่นและอ่อนหวานที่สุดพร้อมกับเปิดประตูและเดินเข้ามา แล้วอินซอบก็ได้รู้ว่าตัวเองติดกับดักน้ำผึ้งที่ไม่สามารถหนีไปได้เข้าแล้ว
และประตูก็ถูกปิดตามหลังอีอูยอน