รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 296 สวดบ้าสวดบอกระไร ทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว!

บทที่ 296 สวดบ้าสวดบอกระไร ทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว!

บทที่ 296 สวดบ้าสวดบอกระไร ทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงสบตากัน นึกในใจพร้อมกันว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือเกิน เข้ามาพบตอนท่านเซียนกำลังจะตุ๋นเนื้อพอดี คราวนี้พวกเขามีลาภปากแล้ว!

“รบกวนแม่นางเสวี่ยนำเครื่องครัวออกมาให้ข้าที”

หลี่จิ่วเต้าบอกกับอันหลานเสวี่ย

อันหลานเสวี่ยมีศาสตราบรรจุของ พกพาสิ่งใดก็สะดวก เขาจึงนำเครื่องครัวและเครื่องปรุงชนิดต่าง ๆ จากบ้านมาด้วย

ตอนมา เขายังห่วงเรื่องกินเนื้ออสูร พวกเซี่ยเหยียนกับอ้ายฉานต่างเก่งกาจกันทั้งหมด การจับอสูรเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

เขาจึงคิดไปว่าเมื่อมาถึงภาคกลาง มีโอกาสเมื่อไรเขาจักตุ๋นเนื้อสูรกินอีก

“ได้เลยคุณชาย!”

อันหลานเสวี่ยหัวเราะเสียงหวาน นำเครื่องครัวที่ท่านเซียนนำมาจากบ้านออกมาทั้งหมด

ขณะหยิบเครื่องครัว นางสะท้อนใจเหลือแสน หากมิได้ท่านเซียน ไฉนเลยนางจะมีโอกาสสัมผัสเครื่องครัวสูงส่งไม่ธรรมดาเยี่ยงนี้

‘นี่หรือคือท่านเซียน!? ละเปลือกนอกอันหรูหรา กลับสู่ความเรียบง่ายดั้งเดิม…วัตถุดิบหายากยิ่งในใต้หล้านี้ กลับมิได้สลักสำคัญอะไรต่อหน้าท่านเซียน ท่านนำไปหลอมเป็นเครื่องครัวเสียอย่างนั้น…’

หลังจากผู้อาวุโสเก้าเห็นเครื่องครัวเหล่านั้นก็ยิ่งสะท้านใจ

เขาจำวัสดุเครื่องครัวเหล่านี้ได้ ล้วนแต่เป็นวัตถุดิบสะท้านโลการะดับตำนาน ใช้วัตถุดิบเหล่านี้เพียงนิดหน่อยก็สามารถสร้างอาวุธมหาจักรพรรดิสุดแกร่งกล้าขึ้นมาได้!

วัตถุดิบสะท้านโลการะดับตำนานเยี่ยงนี้ ผู้ใดมีในครอบครองย่อมต้องรักษาอย่างดีดั่งสมบัติล้ำค่า ทะนุถนอมถึงที่สุด และนำวัตถุดิบสะท้านโลกาเหล่านี้ไปหลอมเป็นศัสตราทรงพลัง

ทว่าเมื่ออยู่กับท่านเซียน…ท่านเซียนกลับไม่ยี่หระแม้แต่น้อย นำมาหลอมเป็นเครื่องครัวเสียอย่างนั้น!

หากมิใช่ว่าเขาเห็นกับตา ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่าวัตถุดิบสะท้านโลการะดับตำนานเยี่ยงนี้จักถูกหลอมเป็นเครื่องครัว…

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ท่านเซียนก็คือท่านเซียน มิใช่คนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขาจะหยั่งถึง!

หลังจากอันหลานเสวี่ยนำเครื่องครัวออกมา หลี่จิ่วเต้าก็เริ่มชำแหละเนื้ออสูร

ฝีมือหั่นตัดของเขาสมบูรณ์แบบเกินไป อสูรตัวเท่าภูเขาแปรเปลี่ยนเป็นเนื้อชิ้นเล็กชิ้นแล้วชิ้นเล่าเมื่ออยู่ในมือเขา สะดวกต่อการตุ๋น

ผู้อาวุโสเก้าซึ่งได้เห็นกระบวนการทั้งหมด พลันหัวใจสะท้านราวกับถูกเกลียวคลื่นมหึมาซัดสาด ทึ่งจนสั่นเทิ้มไปถึงดวงวิญญาณ

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

การใช้มีดของท่านเซียน ทุกฝีมีดล้วนมีเจตจำนงมีดแฝงอยู่ ทุกอากัปกิริยาล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าเกินหยั่งไหลเวียนอยู่ เมื่ออยู่ต่อหน้าจังหวะแห่งเต๋าเยี่ยงนี้ สามพันวิถีก็เป็นเพียงพลังเล็กน้อยเท่านั้น!

‘ท่านเป็นเซียนจริง ๆ ด้วย!’

ผู้อาวุโสเก้าหัวใจเต็มตื้น

ก่อนนี้แม้ว่าเขาจะได้ยินเรื่องราวทุกอย่างจากซางเหิงมาแล้ว กระนั้นยังไม่เต็มตื้นเท่าเขาได้ประจักษ์ด้วยตาตนเอง!

ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นเซียนท่านหนึ่งจริง ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย!

เซี่ยเหยียนก่อไฟที่อีกด้านหนึ่งเสร็จนานแล้ว หลังจากหลี่จิ่วเต้าชำแหละเนื้ออสูรเรียบร้อย ก็เริ่มการตุ๋น

เขามิได้ตุ๋นเนื้ออสูรทีเดียวทั้งหมด ตุ๋นไปเพียงครึ่งของครึ่งเท่านั้น

อสูรตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินไป หากตุ๋นทั้งหมดย่อมกินไม่หมด เขาให้เซี่ยเหยียนเก็บเนื้ออสูรที่เหลือ

เขาเริ่มจากขั้นตอนผัด แล้วใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไป ไม่นานนัก กลิ่นหอมยวนใจของเนื้อก็โชยออกมา

ผู้อาวุโสเก้าได้กลิ่นหอมแบบนี้ของเนื้อแล้วกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้ตัว กลิ่นหอมของเนื้อนี้ดึงดูดเกินไปแล้ว!

ซางเหิงยิ่งทนกลิ่นหอมของเนื้อนี้ไม่ไหว อาภรณ์ส่วนหน้าอกเปี่ยมชุ่มด้วยน้ำลายจากปาก

กลิ่นหอมเนื้อโชยออกไปตามลม สิ่งมีชีวิตยอดฝีมือซึ่งอาศัยอยู่ในวังอื่นบนยอดเขาต่างได้กลิ่นนี้กันถ้วนหน้า

“กลิ่นเนื้อนี้ช่างหอมนัก!”

“ชวนน้ำลายสอเกินไปแล้ว!”

สิ่งมีชีวิตยอดฝีมือที่ได้กลิ่นหอมจากเนื้อนี้ต่างถูกกระตุ้นความอยากอาหาร พวกเขาเดินตามกลิ่นหอมไปจนออกจากวัง พบกว่ากลิ่นหอมนั้นมาจากวังชั้นสูง

“นี่พวกเขา…เริ่มตุ๋นกันแล้วหรือ!?”

สิ่งมีชีวิตยอดฝีมือทั้งหลายมีสีหน้าซับซ้อนชอบกล

พวกเขาต่างรู้กันดีว่าผู้ใดพำนักในวังชั้นสูง และรู้ว่าน้องชายและบิดาของฉงคูต่างเสียท่าให้กับเซี่ยเหยียน

บัดนี้มีกลิ่นหอมของเนื้อโชยออกมาจากที่นั่น

ให้ตายสิ พวกเขาคงตุ๋นเนื้อของอสูรเผ่าฉงฉีไปแล้วแน่ ๆ!

ช่าง…สุดยอดไปเลย!

เนื้อของเผ่าฉงฉีมีรสชาติอย่างไร?

พวกเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ อยากเข้าไปชิมดูสักคำยิ่ง แต่อนิจจา…พวกเขามิกล้า!

สิ่งมีชีวิตที่พำนักในตำนักบนยอดเขาล้วนมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ต่างเป็นตระกูลโบราณ และสำนักโบราณระดับตระกูลซาง หรือลัทธิเจี๋ยเทียน

ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ยินว่าผู้อาวุโสเก้าแห่งตระกูลซางยอมรับว่าพวกเซี่ยเหยียนมีความเกี่ยวข้องกับยอดนิกาย พวกเขามิกล้าเข้าไปทำตัวอวดดีในพื้นที่ของพวกเซี่ยเหยียน…

“อมิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา หอมเกินไปแล้วโว้ย!”

ต้าเต๋ออ้าปากกว้าง น้ำลายไหลนองเต็มพื้น เขาไม่เคยได้กลิ่นเนื้อที่หอมยวนใจปานนี้มาก่อน หนอนตะกละในกระเพาะของเขาต่างถูกล่อออกมา

“บัดซบ! ทนไม่ไหวแล้ว ข้าต้องไปดูหน่อย!”

เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ วิ่งพรวดออกจากวังพำนักของตน

ตึก ตึก ตึก!

อีกด้านหนึ่ง พระอาจารย์เกาเซิงกำลังเคาะมู่อวี๋สวดมนต์อยู่

สีหน้าของเขาขึงขังน่าเกรงขาม หน้าตาน่าเลื่อมใสเหลือคณา ทว่าเมื่อกลิ่นหอมของเนื้อโชยเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป…

เป็นกลิ่นเนื้อที่หอมมากจริง ๆ แม้กระทั่งตัวเขาเองยังแทบทนไม่ไหว หัวใจว้าวุ่นไปหมด จมูกสูดดมอย่างอดไม่ไหว สูดกลิ่นหอมเนื้อนี้อย่างบ้าคลั่ง

ความขึงขังน่าเกรงขามก่อนหน้านี้ของเขามลายหายไปจนสิ้น!

เขาอยาก…กินเนื้อ!

“อมิตาภพุทธ บาปกรรมแท้ ๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดให้อภัยด้วย!”

เมื่อความคิดอยากกินเนื้อโผล่เข้ามาในหัว เขาก็ตะลึงยกใหญ่ รีบเอ่ยทันควัน

เขาต่างจากต้าเต๋อ ตัวเขานั้นปฏิบัติตามข้อห้ามศาสนาอย่างเคร่งครัด ไม่เคยฝ่าฝืน การกินเนื้อถือเป็นข้อห้ามใหญ่ของพุทธศาสนา เขากลับเกิดความคิดอยากกินเนื้อขึ้นมาเสียนี่ เป็นผลให้เขารู้สึกผิดอย่างมหันต์

“อาตมาทราบดีว่า ชะตาชีวิตเป็นไปตามกรรมที่ตนก่อ รูปลักษณ์ภายนอกแปรเปลี่ยนตามที่ใจนึก สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นภาพมายา เมื่อใจสงบ สรรพสิ่งย่อมสงบ เมื่อใจแน่วแน่ สรรพสิ่งย่อมเที่ยงแท้…”

เขารีบท่องบทสวด เพื่อให้หัวใจธรรมของตนสงบ สลัดความคิดอยากกินเนื้อเช่นนี้ออกไป

ทว่าเขาท่องไปได้ไม่กี่ประโยค ก็สติแตกขึ้นมา

“สวดบ้าสวดบออันใด! ทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว!”

กลิ่นหอมจากเนื้อนี้จู่โจมตรงเข้าวิญญาณของเขา เขาระงับประสาทสัมผัสการดมไปก็เปล่าประโยชน์ หัวใจธรรมของเขาสั่นคลอนอย่างสิ้นเชิง ความคิดอยากกินเนื้อไม่อาจสลัดหลุดได้เลย!

เขาเดินตามกลิ่นหอมเนื้อจนออกจากวังอย่างอดไม่ไหว พบว่ากลิ่นหอมของเนื้อนี้มาจากวังชั้นสูง

“แย่แล้ว อาตมายังทนไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าต้าเต๋อ!”

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อนึกถึงต้าเต๋อ

แต่เดิมต้าเต๋อก็โปรดปรานการกินเนื้ออยู่แล้ว บัดนี้ได้กลิ่นหอมจากเนื้อเยี่ยงนี้ไฉนเลยจะทนไหว?

เป็นไปไม่ได้เลย!

เขารีบกลับไปยังวังพำนัก ผลักประตูห้องของต้าเต๋อออก เกรงว่าต้าเต๋อจะทนกลิ่นหอมนี้ไม่ไหวแล้วพุ่งไปที่นั่น

หากต้าเต๋อไปที่นั่นจริง ไม่รู้ว่าจะก่อความวุ่นวายขนาดไหน!

คนที่นั่นล้วนมีความเกี่ยวข้องกับยอดนิกาย มิหนำซ้ำคันศรวิเศษในมือเซี่ยเหยียนยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนั้น หากต้าเต๋อสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นมาจริง ๆ ถึงครานั้นจะจบเรื่องอย่างไร!

ต้าเต๋อมีฐานะสำคัญอย่างยิ่งยวด เขามิกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องกับต้าเต๋อ!

แต่กลัวสิ่งใดมักได้สิ่งนั้นเสมอ ภายในห้องต้าเต๋อไม่มีใครสักคน ต้าเต๋อมิได้อยู่ในห้อง

“เวร! คราวนี้แย่แล้ว!”

หน้าของเขาเขียวไปหมด ถึงกับสบถออกมาเป็นคำหยาบ หากเกิดเรื่องกับต้าเต๋อ เขาไม่อาจรับผิดชอบได้ไหว!

จากนั้น เขารีบรุดหน้าไปยังต้นตอกลิ่นหอม!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท