Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 230 แก่นแท้ของหนังตลกคือโศกนาฏกรรม

ตอนที่ 230 แก่นแท้ของหนังตลกคือโศกนาฏกรรม

หลังจากออกมาจากห้องทำงานของประธานกรรมการ เหล่าโจวก็รีบโทรศัพท์หาหลินเยวียนทันที

“หัวหน้า”

หลินเยวียนรับสายเหล่าโจว น้ำเสียงสุขุมเฉกเช่นที่เป็นมาตลอด

เหล่าโจวกลับไม่สามารถรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยวียนอย่างที่ผ่านมาได้ ต่อให้เขาจะคุ้นเคยกับท่าทีของหลินเยวียนมานานแล้วก็ตาม

“นาย…”

เหล่าโจวมีสารพัดคำพูดอยากพูดออกไป สุดท้ายแล้วคำพูดก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ก็ยังคิดไม่ตกสักที

จะพูดยังไงดีล่ะ

นายตุ๋นฉันซะเปื่อยเลย?

แต่ลิขสิทธิ์หนังก็เป็นตัวเขาเองที่ตกลงยอมขาย

เรื่องนี้จะโทษหลินเยวียนไม่ได้ เป็นเขาเองที่ประเมินเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศต่ำไป หรือจะกล่าวได้ว่าเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก

“คืองี้นะ”

เขายิ้มขมขื่น “เรื่องที่บริษัทขายสิขสิทธิ์ให้นาย ทางที่ดีนายอย่าแพร่งพรายออกไปนะ ไว้หน้าฉันหน่อย”

หลินเยวียนถาม “แผนกภาพยนตร์ก็รู้กันตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอครับ”

เหล่าโจวยังคงยิ้มขื่น “ทางบริษัท ฉันจะไปแจ้งเอง เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศทำผลงานได้ดีมาก บริษัทอยากยืมหนังเรื่องนี้มาโฆษณาสักหน่อย…”

“ได้ครับ”

หลินเยวียนตอบตกลง

บริษัทขายภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับตน ในใจของหลินเยวียนก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ตอนนี้เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าตนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป จะไม่เท่ากับว่าบริษัทไร้วิสัยทัศน์หรอกหรือ?

หลินเยวียนรู้เรื่องน้ำใจไมตรีอยู่หรอกน่า

หลังจากวางสาย

ทันใดนั้นเหล่าโจวก็ฉีกยิ้ม รอยยิ้มในครั้งนี้ไม่ใช่รอยยิ้มขมขื่น หากแต่เป็นรอยยิ้มซึ่งระคนกับความ…

ตื่นเต้น

ไม่รู้ว่าวงการภาพยนตร์กระแสหลักจะคิดยังไง

ผลิตภาพยนตร์เหมือนกัน แต่ภาพยนตร์ออนไลน์กับภาพยนตร์ในโรงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

อย่างแรกเป็นงานสเกลเล็กทำเองขายเองนักเลงพอ ส่วนอย่างหลังนี่สิถึงจะเป็นกระแสหลักของตลาด

ทว่าเมื่อภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องหนึ่ง ซึ่งใช้เงินทุนไม่ถึงสิบล้านหยวน แต่กลับสร้างรายได้กว่าห้าสิบล้านหยวน ต่อให้เป็นภาพยนตร์ในโรงก็ไม่มีทางนิ่งดูดายได้

สร้างภาพยนตร์ไปเพื่ออะไรน่ะหรือ?

ผู้คนร้อยละ 95 ในทุกๆ สาขาอาชีพ รวมไปถึงแวดวงซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากศิลปะ ต่างก็ทำงานเพื่อเงินกันทั้งนั้น

ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อแดกดัน เพียงแต่อยากอธิบายว่า นี่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของงานสเกลเล็กอย่างภาพยนตร์ออนไลน์ และไม่ได้เป็นเพียงการตระหนักรู้เมื่อสายไปของสตาร์ไลท์เท่านั้น

หลังจากผลศึกและกระแสความร้อนแรงของภาพยนตร์ในสัปดาห์แรกปรากฏขึ้น ศักยภาพในการกอบโกยรายได้อันน่าสะพรึงกลัวของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ได้เห็นเป็นประจักษ์ในขั้นต้นแล้ว

แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น

ไม่ว่าจะสำหรับภาพยนตร์ในโรง หรือภาพยนตร์ออนไลน์ สัปดาห์แรกนับเป็นเพียงการเริ่มต้น สัปดาห์ที่สองถึงจะเป็นระยะปะทุที่แท้จริง!

พรึ่บๆๆ!

เมื่อสัปดาห์ที่สองจบลง ยอดเข้าชมของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ทะลุสามสิบล้านครั้งเป็นที่เรียบร้อย!

ในตอนนั้น

ความร้อนแรงของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับบรรดาหนังโรงทุนสร้างมหาศาลเหล่านั้น

‘หนังเรื่องนี้โคตรรรรรรรรตลก! ต้องขอโทษที่ผมดีดขนาดนี้ แต่นี่เป็นหนังที่ตลกที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา!’

‘ถ้าบอกว่าหนังเรื่องนี้ฉันดูมาสามรอบแล้วจะเชื่อมั้ย’

‘สารบบความคิดของเซี่ยนอวี๋ทำให้ฉันประหลาดใจมาก นอกจากจะตลกแล้วยังให้แง่คิด หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเนื้อหาออกมาในรูปแบบที่ย่อยง่ายดีมากๆ’

‘ที่ผมอยากจะบอกก็คือ…ตอนนี้แมลงสาบบ้านผมเปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยวเฉียงกันหมดแล้วนะค้าบ’

‘ตอนแรกคิดว่าเป็นแนวย้อนยุค ปรากฏว่าบทสนทนาดันทันสมัยมาก…นี่เป็นหนังย้อนยุคที่ให้สีสันของหนังร่วมสมัย ถ้ามองจากค่านิยมของยุคปัจจุบัน ถังปั๋วหู่ก็คือคนที่สูงหล่อรวย ส่วนชิวเซียงก็เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ทั้งฉลาดทั้งอ่อนโยน ถึงจะเกิดมาเป็นสาวใช้แต่ก็มีความสามารถโดดเด่น’

‘ฉันคิดมาตลอดว่านักแสดงนำหญิงอวี๋ซีลู่จะสวยแต่ไม่มีฝีมือการแสดง แต่พอดูเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ฉันก็…ยังคิดเหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกว่าอยู่ถูกที่ถูกทางจนดูลงตัวสุดๆ’

‘…’

ไม่ต้องสงสัย

หนังดังเป็นพลุแตก!

และหลังจากที่ยอดเข้าชมภาพยนตร์จากทั้งสองเว็บไซต์ในสองสัปดาห์แตะถึงสามสิบล้านครั้ง รายได้รวมของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็แตะถึง 150 ล้านท่ามกลางความตะลึงงัน!

ใช่แล้ว น่าสะพรึงกลัว!

ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องไหนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ออนไลน์ที่มีกระแสร้อนแรงเกินต้านจนดังเป็นพลุแตกเช่นนี้มาก่อน ต่อให้นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ซึ่งเข้าฉายในโรง ภาพยนตร์ที่เงินทุนเก้าล้านหยวนทำผลงานได้ถึงระดับนี้เรียกได้ว่าเหนือธรรมชาติแล้ว!

จนถึงตอนนั้น

วงการภาพยนตร์กระแสหลักของฉินและฉี บุคลากรในวงการมากมายซึ่งจับจ้องไปยังภาพยนตร์ในโรงมาโดยตลอด ก็ต้องตะลึงงันกับผลงานของภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องนี้

“เปิดตัวสัปดาห์แรกก็ขายได้ห้าสิบล้าน?”

“ผมช็อกไปเลย นี่มันหนังออนไลน์ในภาพจำของผมหรือเปล่าเนี่ย”

“ลงทุนไปแค่เก้าล้าน? อัตราผลตอบแทนน่ากลัวจริงๆ”

“หนังของบริษัทไหนน่ะ โหดอะไรขนาดนี้”

“เหมือนจะเป็นของสตาร์ไลท์…”

“เฮ้ย เป็นเรื่องธรรมดาที่สตาร์ไลท์จะตั้งความหวังสูงกับเรื่องอัสนีบาต แต่กลับเป็นหนังออนไลน์ที่กระแสฮ็อตฮิตขึ้นมาซะงั้น?”

“หนังออนไลน์ทำรายได้มากกว่าหนังโรงอีกเหรอเนี่ย!”

“…”

นี่เป็นปาฏิหาริย์เล็กๆ ที่เกิดขึ้น

ทว่าปาฏิหาริย์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับภาพยนตร์ในโรง หากแต่ผลิดอกออกผลในดินแดนแห่งภาพยนตร์ออนไลน์

หลังจากฉินฉีผนวกรวม

มีเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์เกิดขึ้นมากมาย ภาพยนตร์ออนไลน์ก็สามารถถูกรวมอยู่ในนั้นได้

และเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ซึ่งทรงอิทธิพลมากที่สุดในมณฑลฉินและมณฑลฉี มีชื่อว่า ‘สตาร์เน็ต’

ในสตาร์เน็ต

มีนักวิจารณ์ภาพยนตร์มืออาชีพ ได้เผยแพร่บทวิจารณ์ขนาดยาวของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศแล้ว

หัวข้อของบทวิจารณ์ชิ้นนี้คือ [นี่คือการปฏิวัติหนังตลก]

‘ไม่กี่วันก่อนมีเพื่อนแนะนำให้ฉันดูถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ฉันแปลกใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพยายามแนะนำหนังออนไลน์สักเรื่องหนึ่งให้ฉันดู ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกหนังออนไลน์หรอก เพียงแต่เรื่องหนึ่งที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ คุณภาพของหนังออนไลน์นั้นมีหลากหลาย เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเงินทุน จึงมักไม่ค่อยมีเรื่องที่โดดเด่นออกมาให้เห็น…’

‘แต่ฉันก็ดูหนังเรื่องนี้อยู่ดี’

‘ในตอนแรก ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากหรอก แค่สงสัยว่าทำไมเพื่อนรักที่มีสายตาเฉียบแหลมมาตลอด ถึงได้ชื่นชมหนังออนไลน์เรื่องหนึ่งมากถึงขนาดนี้ แต่เมื่อฉันดูหนังเรื่องนี้จบ ฉันก็เริ่มรู้สึกละอายกับความอวิชาและอคติของตัวเอง’

‘ฉันไม่ได้มีเจตนาตั้งหัวข้อเพื่อหลอกให้คุณเข้ามาอ่าน ฉันยังคงเชื่อว่าถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเป็นการปฏิวัติวงการหนังตลก!’

‘หนังเรื่องนี้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของหนังตลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หนังตลกก็มีการจำแนกประเภท ที่เราคุ้นเคยกันก็คือดาร์กคอมเมดี หรือหนังตลกซึ่งใช้อวัจนภาษาสร้างความขำขัน แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้ดูหนังซึ่งสร้างความตลกด้วยความชวนหัวไร้แก่นสาร…’

‘คำว่าชวนหัวไร้แก่นสารเป็นภาษาถิ่นมณฑลฉี ฟังดูไม่คุ้นหูนัก แต่กลับให้ความหมายที่สมเหตุสมผล คำคำนี้ฉันเองก็เพิ่งได้เรียนมาจากเพื่อนชาวมณฑลฉี และฉันก็คิดว่าคำนี้เป็นคำนิยามที่เหมาะสมที่สุด ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเป็นหนังตลกแนวชวนหัวไร้แก่นสาร!’

‘ความเป็นจริงที่เราคุ้นเคยกันอยู่ ไม่มีใครอยู่ดีไม่ว่าดีก็ร้องเพลงขึ้นมา แทนที่จะสนทนากันตามปกติ…ไม่มีใครใช้คนมาทำพู่กัน แทนที่จะวาดภาพทั่วไป…และยิ่งไม่มีใครทุบหัวตัวเองจนตาย เพื่อแข่งความเอน็จอนาถของชีวิตกับคนอื่น…’

‘แต่ในถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศกลับมีหลายฉากที่แลดูไร้เหตุผล อธิบายไม่ได้ หรือแม้แต่ไร้สาระ แต่เราดันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนท้องแข็งหลังจากดูจบ’

‘นี่ก็คือความชวนหัวไร้แก่นสาร!’

‘นี่เป็นวิธีใหม่แกะกล่องซึ่งถูกนำมาใช้ในหนังตลก ควรค่าที่นักแสดงหนังตลก นักเขียนบทหนังตลก หรือแม้แต่ผู้กำกับหนังตลกทุกท่านเรียนรู้’

‘พูดบทยาเม็ดครึ่งวันคาที่กับผงหนึ่งวันสิ้นชีพไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ นักแสดงก็หันหน้าเข้าหากล้อง พูดโฆษณาสินค้า ถ้าฉากนี้ไปปรากฏในหนังทั่วไปเรื่องอื่น ฉันจะตามไปอัดหน้าผู้กำกับและนักเขียนบทให้ดู แต่เมื่อฉากนี้ปรากฏในภาพยนตร์ชวนหัวไร้แก่นสาร ฉันกลับตบเข่าฉาดหัวเราะลั่นจนแทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่’

‘นี่เป็นหนังย้อนยุค แต่ฉันกลับเห็นโครงสร้างคลาสสิกของแนวคิดหลังยุคนวนิยม!’

‘ฉันกล้าคาดการณ์ได้เลย ว่าหนังตลกจำนวนมากสามารถพิจารณาทิศทางการพัฒนาได้ในอนาคต หนังตลกไม่เพียงสามารถถ่ายทำตามรูปแบบเดิม และสามารถทำตามรูปแบบของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศได้ และฉันเชื่อว่าผู้ชมจะชื่นชอบเช่นกัน!’

‘สุดท้ายนี้ ฉันอยากพูดถึงเซี่ยนอวี๋สักหน่อย’

‘เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าผู้เขียนบทเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ จะเป็นนักประพันธ์เพลงท่านหนึ่ง แถมยังเป็นนักประพันธ์เพลงที่ฝีมือโดดเด่นท่านหนึ่งด้วย เดิมทีฉันก็ติดตามเซี่ยนอวี๋อยู่บ้าง เคยฟังเพลงหนึ่งที่เขาเขียน และรู้สึกชื่นชมในพรสวรรค์ของเขามาก เพียงแต่ฉันนึกไม่ถึงว่าเขาถึงกับมีพรสวรรค์ในการเขียนบทด้วย ต้องเข้าใจก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่เพียงองค์ประกอบของความตลกเท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบทางวัฒนธรรมอย่างเช่นกวีนิพนธ์ อีกทั้งฉันยังมั่นใจว่าบทประพันธ์ที่ปรากฏในหนังล้วนเป็นผลงานต้นฉบับของผู้เขียนบท เพราะฉันลองสืบค้นดูในอินเทอร์เน็ตแล้วไม่เจอเลยสักประโยคเดียว’

‘คนเขาเย้ยเยาะข้าว่าเสียสติ ข้าเย้ยเยาะว่าเขามองไม่ขาด’

‘ฉันเริ่มรู้สึกว่า บางทีถังปั๋วหู่ อาจเป็นภาพสะท้อนจากจิตใจของเซี่ยนอวี๋ ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศไม่ใช่เพียงหนังตลก แต่ยังซ่อนไว้ซึ่งแก่นของความเป็นโศกนาฏกรรม ตัวอย่างเช่นตอนท้ายเรื่องที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต ในวันที่ชิวเซียงแต่งเข้าเรือนของถังปั๋วหู่ นางถึงขั้นชี้ชวนให้ถังปั๋วหู่มาเล่นไพ่นกกระจอก หมายความว่าชิวเซียงที่ถังปั๋วหู่ชอบจริงๆ คือชิวเซียงในจินตนาการของเขา หรือเป็นหญิงสาวธรรมดาตรงหน้านี้ เช่นเดียวกับภรรยาหลายคนก่อนหน้านี้ของเขา…’

บทวิเคราะห์นี้ไม่นับว่าครอบคลุมรอบด้าน

แต่ในเนื้อหาก็ได้วิเคราะห์ลักษณะเด่นบางส่วนของถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ขณะเดียวกันก็ชวนให้คนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วขบคิด ฉะนั้นทันทีที่บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ออกมาแล้ว ก็เกิดประเด็นถกเถียงในหมู่ชาวเน็ตนับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว

‘ฉันยังอยากบอกอีกว่า ตอนจบของหนังเรื่องนี้ ให้ความรู้สึกแดกดันเล็กน้อย ฉันไม่รู้ว่าผู้เขียนบทต้องการทำให้ตลกขบขัน หรือว่าในนั้นแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่า’

‘ดูจากท่าทีที่ชิวเซียงมีต่อถังปั๋วหู่ก็รู้แล้ว ถ้าหากจะบอกว่าชิวเซียงชอบถังปั๋วหู่ ไม่สู้บอกว่านางชื่นชมในความสามารถของถังปั๋วหู่คงจะเหมาะกว่า นางเกิดความรู้สึกหลงใหลถังปั๋วหู่อย่างแรงกล้าผ่านบทกลอน ตั้งแต่ก่อนจะได้พบหน้ากัน พวกคุณไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้คล้ายคลึงกับความหลงใหลในตัวศิลปินดาราปัจจุบันหรือ?’

‘บทวิจารณ์พูดไว้ถูกต้อง วิธีการดูหนังตลกที่ถูกต้องคืออย่าคิดว่ามันเป็นแค่หนังตลกบริสุทธิ์ ซีนแข่งความเอน็จอนาจของชีวิตดูตลกมากใช่ไหมล่ะ แต่พวกคุณลองใคร่ครวญกันดูว่าฉากแข่งความเอน็จอนาจคล้ายกับการประกวดอย่างหนึ่งไหม ผู้เข้าแข่งขันพยายามหาสตอรีเศร้าออกมาเพื่อเรียกความเห็นใจจากผู้ชม ทุกคนคล้ายกับว่าจะไม่ได้มาแสดงความสามารถ แต่มาบอกทุกคนว่าตัวเองสู้ชีวิตมากขนาดไหน’

‘ถังปั๋วหู่อยู่ในบ้านต่อไปไม่ไหวจึงออกไปเที่ยวเล่นกับสี่ยอดนักปราชญ์แห่งเจียงหนาน ตามหลักแล้วสหายเหล่านี้ควรจะเป็นสหายที่จริงใจกับถังปั๋วหู่ แต่ถึงอย่างนั้นพล็อตเรื่องก็ลบล้างมุมมองนี้ทันที เพราะจู้จือซานมาขอภาพวาดของถังปั๋วหู่เพื่อนำไปขายใช้หนี้’

‘ดู ดูให้ชัด’

‘อู่จ้วงหยวนวาดภาพของพี่สือหลิว บรรดาบ่าวในเรือนต่างบอกว่างดงาม พูดจบก็อาเจียนออกมา ทั้งตลกทั้งเศร้า’

‘อมก พอพวกคุณพูดแบบนี้แล้ว ผมก็เลยสงสัยว่าผมได้ดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า’

‘คิดดูแล้วขนลุก นี่มันเรื่องอะไรกัน’

‘ขอโทษนะ แต่ตอนนั้นฉันเอาแต่ขำอย่างเดียวเลย’

‘เพราะงั้นที่จริงแล้วถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเป็นโศกนาฏกรรม’

‘เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานเก้าปีเหมือนกัน ทำไมพวกเธอเก๋ากันจัง ดูหนังตลกแล้ววิเคราะห์ออกมาได้ละเอียดขนาดนี้?’

‘…’

ชาวเน็ตตะลึงงันไปตามกัน หลายคนถึงขั้นที่ต้องไปดูเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศอีกสักรอบ

ปรากฏว่าทันทีที่ดู

ผู้ชมก็เห็นรายละเอียดในภาพยนตร์เพิ่มขึ้นจริงๆ!

…………………………………………………..

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท