ฝันเหรอ
อินซอบลองหยิกแก้มตัวเอง แล้วก็เห็นพีแคนพายที่บรรจุอยู่ในถุงเล็กๆ วางอยู่บนตัก นี่เป็นอาหารว่างที่เสิร์ฟให้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส
“…อ่าว ถึงแล้วเหรอ?”
เนื่องจากพอคนเริ่มขยับ หัวหน้าทีมชาก็ตื่น และมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ดูท่าจะเหนื่อยมากเลยนะครับ”
“อื้มม ใช่ เพราะเวลาที่ต้องคอยเตรียมพร้อมในช่วงสุดท้ายของการถ่ายทำยาวนานน่ะ แต่พอได้นั่งที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสมา ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย ฉันล่ะชอบเงินจริงๆ”
“แล้วเรื่องสตอล์กเกอร์เป็นยังไงบ้างครับ”
“สตอล์กเกอร์อะไร”
“ก็ผมได้ยินคุณอีอูยอนบอกว่ามีคนถ่ายรูปน่ะครับ”
แม้จะไม่มีทางที่จะเห็นชั้นเฟิร์สคลาสจากตรงนี้ แต่อินซอบก็ยังยื่นคอออกไปเหลือบมองด้านหน้า และทำสีหน้าเป็นกังวล
“…อีอูยอนพูดแบบนั้นเหรอ เขาบอกว่าเปลี่ยนที่เพราะกลัวแฟนคลับที่ถ่ายรูปเหรอ”
“ครับ”
“…ไม่มีทาง…ใช่ เขาคงจะจัดการเองนั่นแหละ”
หัวหน้าทีมชาเดาะลิ้นก่อนจะบ่นพึมพำ อินซอบลุกขึ้นหลังจากที่เครื่องบินลงจอดได้ไม่นาน เขาต้องผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและตรวจสอบหมายเลขของสายพานสัมภาระ
“อ่าว ทำไมนายถึงอยู่ตรงนี้ล่ะ”
หัวหน้าทีมชาเห็นอีอูยอนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ และทำหน้าสงสัย เนื่องจากผู้โดยสารชั้นเฟิร์สจะได้ลงจากเครื่องบินไปก่อน และไปหาสัมภาระแยกต่างหาก
“ผมรอหัวหน้าทีมอยู่ครับ”
“…รอฉันทำไม”
หัวหน้าทีมชาทำหน้าเหมือนได้เดินเล่นกับสิงโตที่อดอาหารมาสี่วันและย้อนถาม อีอูยอนยื่นถุงช้อปปิ้งที่อยู่ในมือให้แทนคำตอบ
“นี่คืออะไร”
หัวหน้าทีมชาเปิดถุงช้อปปิ้งที่รับมาถือออกดู ภายในนั้นเต็มไปด้วยคุกกี้ ขนม และของกินเล่นหลายชนิด
“พวกแอร์โฮสเตสให้มาน่ะครับ”
อินซอบที่ไปทำงานที่ต่างประเทศกับอีอูยอนมาแล้วหลายครั้งอธิบายแทน หัวหน้าทีมชาแสดงสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“นี่ด้วย”
อีอูยอนยื่นถุงช้อปปิ้งอีกใบที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ให้
“แล้วนี่คืออะไรอีกล่ะ”
“เพราะว่านั่งอยู่ตรงนี้ก็เลยมีใครบางคนให้มาอีกน่ะครับ”
อีอูยอนตอบราวกับรำคาญเป็นอย่างมาก ภายในนั้นเต็มไปด้วยของขวัญและจดหมายจากแฟนคลับ
“ไม่หนักนี่ นายก็ถือไปสิ”
“ใครขอให้ถือให้ล่ะครับ ผมขอให้เอาไปทิ้งให้ต่างหากครับ”
“…”
อีอูยอนลุกขึ้น และหยิบกระเป๋าเดินทางสีเงินที่หมุนมาตามสายพานออกมา นั่นเป็นกระเป๋าสัมภาระของอินซอบ
“เอ่อ ผม…”
อีอูยอนลากกระเป๋าสัมภาระออกไปก่อนที่อินซอบจะทันได้พูดอะไร
“…ผมทิ้งให้ไหมครับ”
อินซอบมองหัวหน้าทีมชาที่ถือถุงช้อปปิ้งเต็มสองมือและเอ่ยถาม
“ของที่ฉันอยากทิ้งจริงๆ มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น”
หัวหน้าทีมชามองไปทางประตูที่อีอูยอนเดินหายไปอย่างเจ็บปวดพร้อมกับพึมพำ เขาไม่กล้าพูดว่าจะทิ้งสิ่งนั้นและแบ่งถุงช้อปปิ้งให้อินซอบไปถือ
แม้แต่ในรถที่เคลื่อนตัวไปยังที่พัก อีอูยอนก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่หัวหน้าทีมชาเหลือบมองอีอูยอนอยู่หลายครั้งเพราะว่าเงียบมาก อินซอบเองก็เริ่มเป็นห่วงเขาเช่นกัน
แม้จะเป็นอีอูยอนที่มีร่างกายแข็งแรงขนาดไหน แต่นี่ก็เป็นตารางงานที่เหมือนจะฆ่ากันให้ตาย เนื่องจากตารางงานซ้อนกับการโปรโมทภาพยนตร์ในทุกครั้งที่ว่าง ในระยะเวลาสามเดือนนี้จึงแทบจะไม่มีวันที่เขาได้นอนเกินสี่ชั่วโมงเลย
“…ไม่เหนื่อยเหรอครับ”
อีอูยอบมองอินซอบผ่านใต้ปีกของหมวกแก๊ปที่สวมอยู่
“นอนจนกว่าจะถึงโรงแรมเถอะครับ เดี๋ยวผมปลุกเอง”
“อ๋อ ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนตัวที่มาใหม่”
ดูเหมือนคำพูดที่ตนบอกว่าจะตามมาในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการส่วนตัวจะเข้าหูอีอูยอน
“รบกวนด้วยครับ”
“…ครับ”
อีอูยอนพูดแบบนั้นก่อนจะหลับตาลง หัวหน้าทีมชายักไหล่ด้วยสีหน้าที่บอกว่า “ฉันเจอมาหมดแล้ว” อินซอบยิ้มเจื่อนก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
เขาคาดว่านี่คงเป็นการมาเที่ยวที่ลำบากกว่าที่คิด
***
ในระหว่างที่หัวหน้าทีมชารับการจัดสรรห้อง อินซอบก็มองไปรอบๆ โถงของรีสอร์ต รีสอร์ตหรูหราที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมีบรรยากาศที่เงียบและสงบ เขาสังเกตว่าพวกสตาฟของละครที่มาด้วยกันก็ตื่นเต้นเช่นกัน
“ถูกใจไหมครับ”
อินซอบหันหน้าไปเพราะเสียงที่ได้ยินจากทางด้านหลัง อีอูยอนกำลังยืนขยับคีย์การ์ดของโรงแรมที่อยู่ในมือ
“ครับ ถูกใจครับ ผมว่าเป็นที่พักที่ดีเลยล่ะครับ”
คราวนี้อีอูยอนมองอินซอบอยู่พักใหญ่และยื่นคีย์การ์ดให้
“เอ่อ คือ ห้องผม…”
“ผมให้คุณผู้ช่วยผู้จัดการส่วนตัวเก็บไว้เผื่อครับ”
อินซอบรับคีย์การ์ดที่อีอูยอนยื่นให้มาถือไว้ด้วยสีหน้างุนงง
“…อาหารกลางวันคุณจะกินอะไรเหรอครับ”
อินซอบลูบคีย์การ์ดพลางเอ่ยถาม
“ถามในฐานะผู้จัดการส่วนตัวเหรอครับ”
อีอูยอนย้อนถาม
ตอบว่าไม่ใช่ได้ไหมนะ
แล้วอีอูยอนก็ตอบในระหว่างที่อินซอบลังเล
“ผมจะไปพักที่ห้องสักหน่อยแล้วสั่งรูมเซอร์วิสมากินน่ะครับ”
“คุณน่าจะเหนื่อย ทำแบบนั้นเถอะครับ”
พออินซอบพยักหน้าและตอบรับ ความอึดอัดใจก็ปรากฏในดวงตาของอีอูยอนอยู่ครู่หนึ่ง
“อ้อ จริงด้วยครับ”
อินซอบหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเดินทาง
“อะไรเหรอครับ”
“ของที่คุณขอไว้ครับ กางเกงชั้นในกับของใช้สำหรับการเดินทางทั่วๆ ไป ถ้าต้องการอะไรเพิ่มผมจะ…”
เขากำลังจะพูดว่า “จะซื้อมาให้” แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของอีอูยอน อินซอบรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่อยู่ในการหัวเราะสั้นๆ นั้นอย่างชัดเจน
“ผมไม่รู้เลยนะครับว่าคุณจะเอามาให้แบบนี้ ขอบคุณนะครับ”
อีอูยอนรับกระเป๋ามาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ในระหว่างนั้นหัวหน้าทีมชาที่ได้รับการจัดสรรห้องเสร็จก็ยิ้มและเดินเข้ามาหา
“ตรงนี้บอกไว้ว่าจะอธิบายการเช็กอินทั้งหมดให้ที่ห้องเหรอ ว่าแต่คุณอินซอบอยู่ห้องเดียวกับฉันนะ โอเคใช่ไหม เพราะฉันกรนคงจะรำคาญนิดหน่อยน่ะ ฮ่าฮ่า”
“ไม่เป็นครับ ผมไม่หงุดหงิดเรื่องนั้นหรอกครับ”
อีอูยอนปราดตามองหัวหน้าทีมชาและเอ่ยถามด้วยแววตาจริงจัง
“ใครบอกว่ารำคาญที่หัวหน้าทีมกรนเหรอครับ”
“ก็นายไงล่ะ นายมองฉันแล้วก็สั่งให้ไปถามเรื่องการผ่าตัดแก้อาการกรน”
อีอูยอนยิ้มตาหยี ตายิ้มของเขาหวานเชื่อมจนน่ากลัวถึงขนาดที่ถ้ามองก็จะรู้สึกไม่สบายใจและเผลอหลบตาอย่างไม่รู้ตัว อินซอบช้อนตามองอีอูยอนโดยลืมไปว่าที่นี่คือล็อบบี้ของโรงแรม
อีอูยอนก้มหน้าไปทางหัวหน้าทีมชาและกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ใครบอกว่ารำคาญนิดหน่อยเหรอครับ ผมบอกว่าโคตรรำคาญต่างหาก”
“…”
“ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยนอนโดยไม่หายใจนะครับ”
อีอูยอนพูดคำแนะนำที่ไม่เข้าท่าอย่างอ่อนโยนและถือกระเป๋าสัมภาระของตัวเองหายไป
“…อยากทิ้งจริงๆ”
คำพูดที่หัวหน้าทีมชากัดฟันพูดพึมพำทำให้อินซอบรู้สึกขอโทษจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้
***
พออาบน้ำเสร็จและออกมา หัวหน้าทีมชาก็กำลังนอนกรนอยู่ อินซอบจัดของอย่างง่าย และนั่งลงที่เตียง พอเขาเช็กโทรศัพท์มือถือด้วยความเคยชินก็มีข้อความจากอีอูยอน
[นอนหรือยังครับ]
อินซอบที่อยู่ในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนลุกขึ้นมานั่งตัวตรงและรีบตอบข้อความ
[ยังไม่นอนครับ]
จะสั่งให้ไปหาหรือเปล่านะ
อินซอบเหลือบมองคีย์การ์ดที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ในระหว่างนั้นก็มีข้อความใหม่จากอีอูยอนเข้ามา
[ห้ามนอนนะครับ เพราะถ้าหลับตอนนี้ปรับตัวกับเวลาไม่ได้]
ครับ เข้าใจแล้วครับ คุณอูยอนกำลังทำอะไร…
อินซอบพิมพ์ถึงแค่นั้น และลบประโยคหลังทิ้ง
[ครับ เข้าใจแล้วครับ]
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับมา
ลองถามว่าไปที่ห้องของคุณอีอูยอนตอนนี้ได้ไหมดูดีไหม แกล้งทำเป็นเอาของไปให้แล้วลงไปเจอหน้าอย่างเดียวจะได้หรือเปล่า
…แต่เหมือนเขาจะยังไม่หายโกรธเลยสักนิด
อินซอบถือโทรศัพท์ไว้และนอนลงบนเตียงอีกครั้ง อีอูยอนจะรักษาระยะห่างไว้พอประมาณในตอนที่ยังไม่หายโกรธ และถ้าคลายความโกรธลงได้แล้ว เขาจะยื่นมือออกมาและดึงตนเข้าไปจูบโดยไม่พูดอะไร
แล้วเขาจะหายโกรธเมื่อไร
อินซอบดูรูปของอีอูยอนที่อยู่ในโฟลเดอร์ลับของโทรศัพท์ทีละรูปและหลับตาลง
แม้จะมาเที่ยวเล่นที่เกาะที่สงบและงดงาม แต่เขาก็คิดถึงแต่อีอูยอนเท่านั้น
***
แม้จะตื่นแล้ว แต่เขาต้องคิดอยู่ในความมืดสักพักว่าที่นี่คือที่ไหน
“…!”
อินซอบมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
“…ซวยแล้ว”
เมื่อมองไปด้านข้าง เขาก็พบว่าเตียงว่างเปล่า
[ออกไปดื่มเดี๋ยวมานะ ฉันออกไปโดยไม่ได้ปลุก เพราะว่านายหลับสนิทน่ะ]
จดหมายที่หัวหน้าทีมชาทิ้งไว้ถูกวางไว้บนโต๊ะ อินซอบลุกขึ้นและเช็กโทรศัพท์มือถือ ไม่มีข้อความจากอีอูยอน
ตอนนี้เขาคงจะนอนอยู่ล่ะมั้ง
อินซอบนอนลงบนเตียงตามเดิม แม้จะนอนพลิกไปพลิกมาอยู่สักพัก แต่พอตื่นแล้วก็ไม่สามารถหลับได้อีก
อินซอบลุกขึ้น และหยิบกระเป๋าพลาสติกใบเล็กออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ เขาแยกสกินแคร์ที่อีอูยอนใช้ออกมาต่างหาก และจงใจเอาออกมาจากกระเป๋าใบนั้น
“…ชัดเจนไปไหมนะ”
อินซอบมองกระเป๋าพลางเอ่ยพึมพำ และลุกขึ้น แต่ก็ไม่มีทางเลือก แม้จะใช้วิธีการที่ขี้ขลาดถึงขนาดนี้ แต่เขาก็อยากคว้าโอกาสที่จะได้คืนดีกันไว้
อินซอบหยิบกุญแจที่ได้จากอีอูยอนขึ้นมาและออกไปที่ทางเดิน ห้องที่อีอูยอนพักอยู่ที่ชั้นสี่ แม้กระทั่งตอนที่เข้าไปในลิฟต์และกำลังลงไปชั้นล่างอินซอบก็ยังครุ่นคิด
คงไม่ใช่ว่าจะทำให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นเพราะมาหาโดยไม่จำเป็นหรอกใช่ไหม…อย่างน้อยก็ควรจะหวีผมดีๆ ไปหา
อินซอบใช้นิ้วสางผมที่ชี้ไม่เป็นทรงจากการอาบน้ำเสร็จและนอนทั้งอย่างนั้น และจัดให้เข้าที่ ในระหว่างนั้นลิฟต์ที่มาถึงชั้นสี่ก็เปิดออก ห้องของอีอูยอนอยู่สุดทางเดิน อินซอบที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นเคาะประตูอย่างระวัง
“คุณอูยอน”
แม้จะเรียกชื่ออีกฝ่ายและเคาะอยู่หลายครั้ง แต่ประตูก็ไม่เปิด
“…”
หลับแล้วเหรอ
อินซอบที่กลัดกลุ้มใจรวบรวมความกล้าและใช้คีย์การ์ดที่อีอูยอนยื่นให้เปิดประตู
“คุณอูยอน…ผมชเวอินซอบครับ”
อินซอบคลำตามความมืดและเข้าไปด้านในได้อย่างยากลำบาก
“คุณอูยอน”
เงียบ เขาไม่รู้สึกถึงสัญญาณที่บอกว่ามีคนอยู่ด้วยซ้ำ ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าอีอูยอนไม่อยู่ที่ห้อง เขารู้สึกหมดแรง เพราะเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีอูยอนจะออกไปที่ไหนคนเดียว
อินซอบวางกระเป๋าพลาสติกลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา และออกไปนอกห้อง
นี่ก็ดึกมากแล้ว เขาไปที่ไหนนะ แล้วยังไปโดยไม่บอกว่าจะไปด้วย…
อินซอบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เงียบสนิท และเศร้าจนต้องเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิม
ในจังหวะที่ขึ้นลิฟต์และกดเก็บความเศร้าที่พุ่งขึ้นมาลงไป ประตูลิฟต์ก็เปิดออก เป็นล็อบบี้ชั้นหนึ่ง ตอนนั้นเองเขาถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้กดหมายเลขชั้น และในระหว่างที่กดปุ่มเพื่อที่จะรีบขึ้นไปอีกครั้ง คนก็กรูกันเข้ามาในลิฟต์
บรรดานักแสดงที่แสดงละครเรื่องนี้นั่นเอง กลิ่นเหล้าลอยคลุ้งเนื่องจากทุกคนรวมตัวกันไปดื่มมา อินซอบรีบผงกหัวและเข้าไปยืนด้านในสุดของลิฟต์ เขาสบตากับอีอูยอนที่เพิ่งเข้ามาในลิฟต์
“ถ้าเสร็จจากละครเรื่องนี้แล้วคุณอูยอนวางแผนจะพักสักระยะเหรอ”
“ครับ ว่าจะพักสักระยะหนึ่งครับ”
“น่าจะรับงานเยอะๆ นะ น้ำขึ้นต้องรีบตักสิคะ”
“เฮ้อ กังวัลเรื่องอะไรล่ะ คุณอีอูยอนเขาคงอยู่ในที่ที่มีน้ำเต็มทุกวันอยู่แล้ว”
คนอื่นๆ ระเบิดหัวเราะ อีอูยอนมองอินซอบ ไม่รู้ทำไมอินซอบถึงไม่สามารถสบตาเขาได้และก้มหน้าลง
“พวกเราไปก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
คนประมาณสองถึงสามคนลงจากลิฟต์ไป
“ชั้นไหนคะคุณอีอูยอน”
“ชั้นเจ็ดครับ”