ตอนที่ 251 เมืองเซียนโบยบิน แปดตระกูลใหญ่!
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้โลกเซียนยุทธ์สำเร็จ และได้รับค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์!]
เมื่อเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น ทันใดนั้น พื้นที่ระบบก็ปรากฏก้อนแสงเซียนอันน่าสะพรึงกลัว ก่อนจะเป็นรางวัล ‘ค่ายกล’ จากการลงชื่อเข้าใช้
เมื่อเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์ ทุกสิ่งภายในค่ายกลไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหลายพันล้านชีวิตหรือโลกทั้งใบ สามารถเพิกเฉยต่อกฎของอาณาจักรเซียนและทะยานขึ้นสู่สวรรค์ได้!
“ฮ่าฮ่า! สมแล้วที่เป็นระบบ มันใช้งานได้จริง!”
เมื่อเขาเห็นข้อความแนะนำค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์ หนิงฝานก็เงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะออกมาดังลั่น สีหน้าของชายหนุ่มตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เมื่อมีค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์นี้ การนำพาโลกขึ้นสู่สวรรค์จึงหมดปัญหาไป!
โดยไม่รอช้า หนิงฝานใช้ระบบนี้เพื่อควบคุมค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์ทันที
พรึ่บ!
ในที่สุด ชายหนุ่มก้าวออกจากโลกมนุษย์พร้อมกับหยิบกระบี่เซียนของตนเองออกมา ก่อนจะเริ่มใช้โลกใบเก่าเป็นรากฐาน แล้วสลักค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์ลงไป!
อย่างไรก็ตาม ค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์เป็นค่ายกลที่ท้าทายกฎสวรรค์ยิ่ง มันย่อมไม่สามารถสร้างได้ในชั่วข้ามคืน แม้ว่าหนิงฝานจะรีบร้อน แต่เขาก็ทำได้ทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้น
หนึ่งปี!
ห้าปี!
สิบปี!
หลังจากผ่านไปสิบปีเต็ม หนิงฝานก็วางค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์ที่โลกใบเก่าได้สำเร็จ!
และสิบปีผ่านไป ทั่วทั้งโลกเซียนยุทธ์อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในจุดที่ตกต่ำ ผู้คนนับล้านกำลังจะถึงจุดจบของชีวิตเพราะความอ่อนล้าของแก่นกำเนิดชีวิต!
“ทุกท่าน ถึงเวลาแล้ว วันนี้ข้าหนิงฝานจะพาพวกเจ้าไปยังอาณาจักรเซียน!”
ในวันนี้ เสียงของหนิงฝานได้กระจายไปทั่วโลกเซียนยุทธ์
“ดีมาก!”
“ท่านหนิงฝานจะพาพวกเราไปสู่อาณาจักรเซียน!”
“ไม่ต้องตายแล้ว พวกเราไม่ต้องตายแล้ว!”
“ฮ่าฮ่า! ข้ารู้อยู่แล้ว ท่านหนิงฝานไม่โกหกเรา เขากำลังจะทำตามสัญญาของเขา!”
“…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปวงประชาหลายร้อยล้านคนทั่วโลกมนุษย์ก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หลายคนได้ยอมแพ้ไปแล้ว เพราะคิดว่าสิ่งที่หนิงฝานพูดในตอนแรกเป็นเพียงคำปลอบใจเท่านั้น
วันนี้หนิงฝานกำลังจะทำตามสัญญา นั่นคือการพาพวกเขาไปยังอาณาจักรเซียน!
พรึ่บ!
ลมหายใจต่อมา จิตของหนิงฝานเคลื่อนคล้อย แล้วในตอนนั้นเอง สิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลกเซียนยุทธ์ก็ถูกย้ายไปยังโลกมนุษย์ซึ่งเป็นโลกใบเก่าด้วยหนึ่งความคิดของเขา!
“ค่ายกล!”
สุ้มเสียงตะโกนนั้นดังกังวานออกไปไกล พลันแสงเซียนอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นในโลกใบเก่าทั้งใบทันที ค่ายกลเคลื่อนสู่สวรรค์หมื่นทัณฑ์ก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ทำให้โลกใบเก่าทั้งโลกเหมือนดั่งอาณาจักรเซียนที่ตกลงมาจากสวรรค์!
เมื่อเห็นภาพนี้แล้วหนิงฝานก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาหยิบกระบี่เซียนออกมาฟันทันที!
“กระบี่เบิกประตูสวรรค์!”
ตู้ม!
ความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดถูกแหวกออกจากกันในบัดดล แล้วทันใดนั้น ‘ประตู’ ก็โผล่ออกมา มันสูงตระหง่านจนดูยิ่งใหญ่ กว้างขวางโอ่อ่า และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอาณาจักรเซียน!
“ทุกท่าน นี่คือทางผ่านประตูสวรรค์สู่อาณาจักรเซียน ตามข้ามา—ขึ้นสู่สวรรค์!”
หนิงฝานลั่นคำ จากนั้นมือข้างหนึ่งถือกระบี่ อีกข้างหนึ่งถือโลกมนุษย์ไว้แล้วพุ่งตัวเข้าไปในประตูสวรรค์!
…
ในอาณาจักรเซียน มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองเซียนโบยบิน
แม้ว่าเมืองเซียนโบยบินจะเป็นเพียงเมือง แต่พื้นที่ของมันกลับกว้างใหญ่ไพศาลจนไร้ขอบเขต ทั้งยังใหญ่กว่าโลกเซียนยุทธ์หลายร้อยหลายพันเท่า
ในใจกลางเมืองเซียนโบยบิน มีสระเซียนโบยบิน กาลเวลาในสระไม่เป็นระเบียบ มิติทับซ้อนกัน แม้ว่ามันจะมีขนาดเพียงหนึ่งจั้ง แต่ภายในนั้นกว้างใหญ่ราวกับจักรวาล น้ำที่ส่องประกายระยิบระยับในสระสะท้อนภาพจากโลกสามพันใบ!
พรึ่บ!
ในช่วงเวลาหนึ่ง แสงและเงาของสระเซียนโบยบินพลันสว่างวาบ เงาร่างหนึ่งลอยออกมาจากมันด้วยความลำบาก นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสามหัวและหกแขน ทว่าในขณะนี้ร่างนั้นหายไปสองหัวและสามแขน ทั้งร่างดำเป็นตอตะโก ซ้ำยังมีบาดแผลเลือดไหล ทั้งร่างราวกับคนที่กำลังจะตาย!
นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเซียนแท้จริงแห่งสกุลเถิงที่หลบหนีออกมาจากโลกเซียนยุทธ์ ในขณะที่เซียนแท้จริงอีกสามคนเสียชีวิตภายใต้สายอัสนีแห่งด่านเคราะห์ครั้งสุดท้าย
การเก็บเกี่ยวโลกเซียนยุทธ์ครั้งนี้ เซียนแท้จริงไปแปดคน ทว่ามีเขากลับมาเพียงคนเดียว!
“หืม? เถิงเลี่ยซื่อจื่อ*[1]!”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเซียนแท้จริงแห่งสกุลเถิง ผู้พิทักษ์ทุกคนที่อยู่ข้างสระเซียนโบยบินก็อุทานออกมาทันที ก่อนจะพากันมาล้อมรอบอีกฝ่าย
“เถิงเลี่ยซื่อจื่อ เกิดสิ่งใดขึ้น!!”
“ซื่อจื่อทั้งแปดไม่ได้ไปเก็บเกี่ยวเลือดและวิญญาณทั้งหมดจากโลกชั้นต่ำหรอกหรือ? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“มู่เฟิงซื่อจื่อ ชื่อหงซื่อจื่อ ขุยเทียนซื่อจื่อ…พวกเขาเล่า?”
“…”
ผู้พิทักษ์กลุ่มหนึ่งรีบถาม ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน
เนื่องจากความโกลาหลของเวลาและพื้นที่ในสระเซียนโบยบิน หนึ่งวันในโลกชั้นสูงเท่ากับหนึ่งร้อยปีในโลกชั้นต่ำ ในสายตาของพวกเขา ซื่อจื่อทั้งแปดเพิ่งเข้าสู่โลกชั้นต่ำ แต่เพียงชั่วพริบตา เถิงเลี่ยซื่อจื่อที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากลับมาทั้งสภาพน่าอนาถยิ่ง!
สิ่งมีชีวิตเซียนแท้จริงเจ้าของนามเถิงเลี่ยไม่ตอบพวกเขา แต่ตะโกนลั่นว่า “ไปเชิญท่านพ่อของข้ามา ข้าจะทำลายโลกเซียนยุทธ์!!”
อั่ก!
หลังจากพูดจบ เถิงเลี่ยก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดวงตาของเขามืดลงและหมดสติไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้พิทักษ์ทุกคนก็ตื่นตระหนก บางส่วนอยู่ดูแลเถิงเลี่ยและบางส่วนรีบรุดออกไปรายงาน
เมืองเฟยเซียนนับเป็นเมืองที่กว้างใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้านชีวิตในเมือง และนอกจากเจ้าเมืองที่มักจะทำตัวลึกลับแล้ว ยังมีตระกูลใหญ่ทั้งแปดคอยควบคุมเมืองอยู่!
ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งแปดคือ ตระกูลเถิง ตระกูลมู่ ตระกูลชื่อ ตระกูลม่อ ตระกูลขุย ตระกูลกู่ ตระกูลหุน และตระกูลโม๋
มีสี่ตระกูลเป็นวิถีมนุษย์ สองตระกูลเป็นวิถีมาร หนึ่งตระกูลเป็นวิถีวิญญาณ และอีกหนึ่งตระกูลเป็นวิถีปีศาจ!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ในไม่ช้า ตามรายงานของกลุ่มผู้พิทักษ์ ผู้นำตระกูลของแปดตระกูลใหญ่ก็รีบไปที่สระเซียนโบยบินทันที เงาร่างของทั้งแปดเป็นเสมือนเทพเจ้าและปีศาจ ทั้งร่างมีกลิ่นอายของระดับสูงสุด เพราะทุกคนเป็นเซียนแท้จริงระดับสูงสุด!
และเบื้องหลังพวกเขาคือกลุ่มผู้พิทักษ์จากแปดตระกูล มีตั้งแต่ขั้นเซียนสามัญไปจนถึงขั้นมหาเซียน!
“อ๊าก! เลี่ยเอ๋อร์!”
ทันทีที่ผู้นำตระกูลแห่งตระกูลเถิงมาถึง เขาก็เปล่งเสียงอุทานและพุ่งตัวเข้าไปหาเถิงเลี่ยที่หมดสติอยู่ทันที
พรึ่บ!
เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเถิงเลี่ย เขาก็โคจรพลังชีวิตของเซียนแท้จริงระดับสูงสุดของตนเองเข้าไปในร่างกายของเถิงเลี่ยทันที ในไม่ช้าเถิงเลี่ยก็ได้สติตื่นขึ้นมาอย่างแช่มช้า และเมื่อเขาเห็นผู้นำตระกูลเถิง เขาก็คร่ำครวญทันที “ท่านพ่อ!!”
หลังจากเห็นว่าชีวิตของเถิงเลี่ยพ้นขีดอันตรายแล้ว ผู้นำตระกูลเถิงรีบเอ่ยถามทันที “เลี่ยเอ๋อร์ เกิดสิ่งใดขึ้น ผู้ใดทำร้ายเจ้าจนเป็นเช่นนี้”
ทว่าก่อนที่เถิงเลี่ยจะทันได้เอ่ยตอบ ผู้นำตระกูลจากอีกเจ็ดตระกูลก็เอ่ยขึ้นขัดวาจาเขาก่อน
“เถิงเลี่ย มู่เฟิงลูกชายของข้าอยู่ที่ใด? เจ้าลงไปเก็บเกี่ยวเลือดและวิญญาณทั้งหมดด้วยกันไม่ใช่หรือ!”
“แล้วชื่อหงเล่า เจ้ากลับมาแล้ว แต่เหตุใดเขายังไม่กลับมา!”
“เถิงเลี่ยเกิดสิ่งใดขึ้น ซื่อจื่อที่เหลืออยู่ไหน!”
“…”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เถิงเลี่ยก็สงบลง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคืองว่า “ผู้นำตระกูลทุกท่าน มีบางอย่างเกิดขึ้น นอกจากข้าแล้ว ซื่อจื่อที่เหลือล้วนเสียชีวิตทุกคน..”
หลังจากนั้นเถิงเลี่ยก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลกเซียนยุทธ์!
“เจ้าว่ากระไรนะ!”
“พวกเขาตายหมดแล้ว ซ้ำยังถูกฆ่าโดยสิ่งมีชีวิตจากโลกชั้นล่าง!”
“ด่านเคราะห์ของเขาไม่ธรรมดา เป็นไปได้มากที่จะเป็นด่านเคราะห์สูงสุด? พวกเขาสิ้นชีพภายใต้สายอัสนีแห่งด่านเคราะห์!”
“อ๊าก! ไอ้สารเลว! มดปลวกจากจากโลกชั้นต่ำ บังอาจเอาชีวิตลูกชายของข้า!!”
“…”
ผู้นำตระกูลทุกคนโกรธแค้นทันที ไอสังหารพลันปะทุขึ้นในดวงตาของพวกเขา!
เวลานี้เถิงเลี่ยยังกล่าวต่อไปด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อ ผู้นำตระกูลทุกท่าน พวกท่านจะต้องทำลายล้างโลกเซียนยุทธ์ ล้างแค้นให้พวกเรา!”
“วางใจเถอะ!”
“คนผู้นี้จะต้องตาย โลกนั้นก็จะต้องถูกทำลายเช่นกัน!”
ผู้นำตระกูลเถิงเอ่ยเสียงเย็น กลิ่นอายสังหารฉายชัดในดวงตาของเขา จากนั้นผู้นำตระกูลทุกคนก็มองหน้ากันและเริ่มเคลื่อนไหวทันที!
ครืน!
ทันทีที่พวกเขาขยับ สระเซียนโบยบินพลันปั่นป่วน และในขณะที่น้ำในสระสั่นสะเทือน โลกใบเล็ก ๆ ก็ส่องแสงออกมาจากในสระ สะท้อนโลกเซียนยุทธ์ในพริบตา!
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นภาพของโลกเซียนยุทธ์ ทุกคนก็ต้องตกตะลึง!
“พาโลกชั้นต่ำขึ้นสู่อาณาจักรเซียนงั้นหรือ เจ้ากล้าดีอย่างไร!!”
*[1] ซื่อจื่อ ใช้เรียกผู้สืบทอดตำแหน่งอ๋อง มักแต่งตั้งให้บุตรชายคนโตที่เกิดจากชายาเอก