ตอนที่ 312 ฉันอยากเปิดโปงคน
ฟางถิงพูดด้วยความประหลาดใจ “เธอเปิดโรงงานตัดเสื้อเชียวเหรอ เก่งเกินไปแล้ว!”
หล่อนดึงแขนหลินม่ายให้เดินไปพร้อมกัน “ฉันจะพาเธอไปพบผู้จัดการเอง!”
ด้วยการแนะนำของหล่อน หลินม่ายจึงสามารถขอพบผู้จัดการฝ่ายขายได้อย่างราบรื่น
ที่ฟางถิงสามารถเข้ามาทำงานในห้างสรรพสินค้าซือเหมินโข่วได้ ก็เพราะเส้นสายของผู้เป็นพ่อด้วยส่วนหนึ่ง
ถึงหล่อนจะเป็นแค่พนักงานขายตัวเล็ก ๆ แต่ผู้จัดการของที่นี่ซึ่งรู้จักภูมิหลังของครอบครัวหล่อนเป็นอย่างดี จึงปฏิบัติต่อหล่อนแตกต่างจากคนอื่น
ดังนั้น ถึงผู้จัดการฝ่ายขายจะไม่อยากเจรจากับผู้ค้ารายย่อยที่ประกอบอาชีพอิสระอย่างหลินม่าย แต่เพราะฟางถิงเป็นคนพาเธอมาที่นี่ จึงหาทางปฏิเสธได้ยาก จนต้องแสร้งทำเป็นกระตือรือร้นในการต้อนรับหลินม่าย
รอให้ฟางถิงออกไปจากห้องก่อน ค่อยหาทางไล่หลินม่ายออกไปทีหลัง
แต่ฟางถิงกลับนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ ไม่คิดจะขอตัวเดินออกไปอย่างใด
ผู้จัดการฝ่ายขายไม่มีทางอื่นนอกจากเตือนหล่อนด้วยความสุภาพ “เสี่ยวฟาง คุณยังต้องกลับไปทำงานต่อไม่ใช่เหรอ?”
ฟางถิงเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายใจ “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ! เสื้อผ้าผู้หญิงโซนที่ฉันรับผิดชอบการขายสไตล์เชยระเบิด ไม่มีใครสนใจซื้อแน่ ต่อให้ทิ้งหน้าร้านไว้สักหนึ่งชั่วโมงก็ไม่น่าจะขายดีไปกว่ากัน”
พอได้ยินหล่อนพูดแบบนั้น ผู้จัดการฝ่ายขายก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
ถึงอย่างนั้นฟางถิงก็พูดเสริมด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ “ต่อให้เสื้อผ้าเกิดขายดีขึ้นมา ฉันก็จะรอจนกว่าม่ายจื่อเจรจาทางธุรกิจกับคุณเสร็จแล้วค่อยกลับไป ม่ายจื่อเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของฉัน ฉันอดดูแลหล่อนไม่ได้หรอกค่ะ”
ใบหน้าหลินม่ายแดงขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้จัดการฝ่ายขายถึงกับทำหน้าไม่ถูก ยอมเจรจาทางธุรกิจกับหลินม่ายโดยดี
พอได้ยินหลินม่ายบอกว่าทางห้างสรรพสินค้าไม่จำเป็นต้องรับซื้อเสื้อผ้าของเธอก็ได้ แค่ขอพื้นที่สำหรับเช่าร้านก็พอ นอกเหนือจากค่าเช่าที่พวกเขาจะได้รับทุกเดือนแล้ว ยังมีค่าคอมมิชชั่นอีกด้วย ทางห้างแทบไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรเลย
หมอกควันบนใบหน้าของผู้จัดการฝ่ายขายสลายไป ตกลงเซ็นสัญญากับหลินม่ายด้วยความยินดี
ฟางถิงเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของผู้จัดการฝ่ายขายด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “เห็นไหมคะว่าที่น้องสะใภ้ของฉันไม่คิดจะเอาเปรียบคุณเลย ทางคุณแทบไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยซ้ำ”
ผู้จัดการฝ่ายขายวัยสี่สิบรีบตอบรับอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
พอออกมาจากสำนักงานของผู้จัดการฝ่ายขาย หลินม่ายก็หันไปขอบคุณฟางถิงทันที “ขอบคุณมากที่ช่วยพูดให้ฉัน ไว้ฉันค่อยเลี้ยงอาหารมื้อเย็นเธอวันหลังนะ”
ฟางถิงรีบส่ายหน้า “ฉันขอผ่านมื้ออาหารก่อนแล้วกัน ก่อนหน้านี้ฉันทำผิดต่อเธอมาเยอะ ถือเป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน”
หลินม่ายรู้สึกโล่งใจมากเมื่อเห็นว่านิสัยของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เธอคิดในใจว่าถึงฟางถิงจะทำงานเป็นพนักงานขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่ครอบครัวของหล่อนก็ยังทำงานอยู่ในสำนักงานยาสูบ เส้นสายของพวกเขามีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น
เป็นไปได้ว่าสักวันหนึ่งเสื้อผ้าแบรนด์ ‘Unique’ ของเธอ อาจกลายเป็นที่นิยมในแวดวงคนมีฐานะอย่างพวกเขา
ดังนั้นเธอจึงก้มลงไปเลือกชุดกระโปรงสีหวานแต่งแขนตุ๊กตาพองกลมที่ดูพอดีกับอีกฝ่ายออกมาจากรถเข็น เพื่อมอบให้ฟางถิง
ฟางถิงถือชุดนั้นไว้โดยไม่ยอมวางมันลงเลย จากนั้นก็พูดด้วยความกระดากอาย “ราคาเท่าไหร่? ฉันจ่ายเงินซื้อเองดีกว่า”
หลินม่ายโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่ต้อง ไม่ต้อง แค่ช่วยแนะนำเสื้อผ้าที่ผลิตจากโรงงานของฉันให้เพื่อนของเธอรู้จักก็พอแล้ว”
ฟางถิงพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “ได้สิ ถ้าเธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ห้างของฉันอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ฉันรับปากว่าจะพาเพื่อน ๆ มาอุดหนุน”
หลินม่ายขอบคุณหล่อนอีกครั้งก่อนจะเดินทางกลับ
หลังมื้ออาหารเย็น เธอขนเสื้อผ้าทั้งหมดที่ได้รับคืนจากสำนักงานพาณิชย์ออกไปตั้งแผงขายบนถนนเจียงฮั่นเป็นวันสุดท้าย
เถาจืออวิ๋นตามเธอไปด้วย
เนื่องจากก่อนหน้านี้หวังหรงแอบรายงานความผิดของหลินม่าย หล่อนจึงออกมาเดินเล่นแถวถนนเจียงฮั่นทุกคืน
พอเห็นว่าหลินม่ายไม่มาตั้งแผงสองสามวันแล้ว ก็อดรู้สึกอิ่มเอมใจไม่ได้
หล่อนคิดว่าการรายงานของตัวเองคงประสบความสำเร็จแน่ เลยคาดหวังว่าจะเห็นหลินม่ายโดนปรับจนล้มละลาย ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องติดคุกอีกสามปี ความแค้นของหล่อนจึงจะบรรเทาลงบ้าง
หลังจากตกงาน แม้แต่ช่วงระหว่างวันหวังหรงก็มักจะออกมาเดินเล่น และจะกลับไปที่บ้านของแม่เฒ่าหวังเฉพาะเวลาอาหารเย็นเท่านั้น
ใช่ว่าหล่อนอยากออกมาเที่ยวเล่นอะไรขนาดนั้น แต่พอหล่อนอยู่ที่บ้านของแม่เฒ่าหวัง พ่อแม่ของหล่อนก็ชอบขุดคุ้ยเรื่องมาดุด่าอยู่เสมอ ส่วนแม่เฒ่าหวังก็เอาแต่ทำหน้าตายใส่
บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความกดดัน จนหล่อนทนอยู่ไม่ได้
ถ้าหล่อนไม่หิว อย่าหวังเลยว่าจะกลับไปที่บ้านของแม่เฒ่าหวังเพื่อกินข้าวประทังชีวิต
หลังจากเดินเตร่ไปทั่วเมือง ช่วงบ่ายหวังหรงก็หิวมากจนหน้ามืด ต้องกลับไปที่บ้านของแม่เฒ่าหวังเพราะไม่มีทางเลือก
เพื่ออาหารที่สามารถช่วยบรรเทาความหิวได้ หล่อนต้องทำใจยอมรับคำสบประมาทจากพ่อและแม่ ตอนนี้หล่อนไม่ใช่ลูกรักของพวกเขาอีกต่อไป
หล่อนเดินเข้าไปในลานบ้านให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อยากให้ใครรับรู้การมีตัวตนของตัวเอง
แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปถึงห้องนั่งเล่น หล่อนก็เหลือบไปเห็นยายกับแม่ของตู้กวงฮุยนั่งรออยู่ในห้องรับแขกด้วยสีหน้ามืดมน
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าครบสิบวันที่ตัวเองนัดหมายกับพวกเขาแล้ว หล่อนลืมมันไปเสียสนิท
หวังหรงตั้งใจจะหลบหนีในขณะที่ยังไม่มีใครมองเห็น แต่แม่เฒ่าหวังกลับไม่เอื้ออำนวยให้หล่อนทำแบบนั้น
นางชี้ไปที่หล่อนพลางหันไปพูดกับผู้หญิงตระกูลตู้ “คนที่พวกคุณถามหามาโน้นแล้ว ถ้าจะขอเงินก็ไปขอจากหล่อนเถอะ!”
หวังหรงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ยายเฒ่าคนนี้ทรยศหล่อนจริง ๆ ด้วย!
แม่เฒ่าหวังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทรยศหวังหรง ถ้าไม่ทำแบบนี้ พวกผู้หญิงตระกูลตู้คงเทียวมารบกวนนางไม่จบไม่สิ้น
พวกผู้หญิงตระกูลตู้ผุดลุกขึ้นทันที รีบวิ่งไล่ตามหวังหรง “แกตั้งใจจะเบี้ยวนัดสิบวันที่สัญญาไว้ใช่ไหม? หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ!”
ยิ่งพวกหล่อนตะโกนดังเท่าไร หวังหรงก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเท่านั้น ในที่สุดก็สามารถสลัดหลุดได้ในเวลาอันสั้น
พอหล่อนหยุดหอบหายใจ ถึงรู้ว่าตัวเองมายืนอยู่บนถนนเจียงฮั่นแล้ว
สายตาชำเลืองมองไปยังตำแหน่งที่หลินม่ายมักจะมาตั้งแผงขายของเป็นประจำ
หล่อนเห็นเธออยู่ตรงนั้น
นังสารเลวนั่นยังออกมาตั้งแผงได้ แถมธุรกิจก็ไปได้สวยอย่างน่าเหลือเชื่อ!
หล่อนกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง ฟางจั๋วหรานต้องใช้เส้นสายที่ตัวเองมีอยู่เพื่อช่วยอีกฝ่ายแน่ ไม่อย่างนั้นนังนั่นหรือจะรอดพ้นจากบทลงโทษทางกฎหมาย?
หล่อนจ้องเขม็งมองหลินม่ายอยู่นาน ทันใดนั้นความโกรธบนใบหน้าก็ค่อย ๆ จางไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มอันร้ายกาจ
ในเมื่อฟางจั๋วหรานไม่มีวันลงเอยกับหล่อนแน่แล้ว ในเมื่อเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อนังสารเลวหลินม่าย ถ้าอย่างนั้นก็หมดอนาคตไปด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ!
หวังหรงขึ้นรถเพื่อไปที่สำนักหนังสือพิมพ์ฉู่เป้าอันเป็นสำนักหนังสือพิมพ์ประจำเมืองที่มียอดขายสูงที่สุด
แต่พอมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูสำนักหนังสือพิมพ์ หล่อนกลับลังเลใจขึ้นมา
คนทรยศฟางจั๋วเยวี่ยนั่นยังมีวิดีโอเทปอนาจารของหล่อนอยู่ในมือ
เขาเคยขู่ไว้ว่า ตราบใดที่หล่อนคิดจะบ่อนทำลายชีวิตพี่ชายของเขาอีก เขาจะปล่อยคลิปประจานสู่สายตาสาธารณชนทันที
หล่อนอุตส่าห์ถ่อสังขารมาเปิดโปงนังแพศยากับฟางจั๋วหรานด้วยตัวเอง แต่ถ้าฟางจั๋วเยวี่ยบังเอิญรู้เข้า แล้วประจานคลิปวิดีโออนาจารของหล่อนจะทำอย่างไร?
ถึงตอนนี้หล่อนจะยังหางานทำไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังสวย ยังสามารถแต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวยได้ ดังนั้นความบัดซบทั้งหมดในชีวิตจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
แต่ถ้าฟางจั๋วเยวี่ยประจานคลิปอนาจารของหล่อน ชื่อเสียงของหล่อนย่อมถูกทำลายจนป่นปี้ แล้วผู้ชายฐานะร่ำรวยที่ไหนจะยอมแต่งงานกับหล่อน!
คืนนี้หนิวลี่ลี่เข้ากะดึก
ถึงรูปร่างหล่อนไม่ใช่คนอ้วน แต่ก็เป็นนักกินตัวยง
หลังจากมาถึงสำนักงานได้สักพัก หล่อนก็วิ่งออกไปหาซื้อขนมเป็นจำนวนมาก แล้วเดินกลับมาที่ทำงาน
ก่อนเห็นสาวสวยคนหนึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าสำนักหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
ด้วยสัญชาตญาณทางวิชาชีพ หนิวลี่ลี่ตัดสินเบื้องต้นว่าสาวสวยคนนี้ต้องพบเจอกับอุปสรรคบางอย่างที่ไม่สามารถเอาชนะมันได้ด้วยตัวเองแน่ ๆ
จากประสบการณ์การทำงานช่วงเวลาสั้น ๆ ปัญหาที่สาว ๆ พบเจอ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเชิงอารมณ์
ส่วนใหญ่อีกเช่นกันที่พวกหล่อนถูกสามีทอดทิ้งทั้ง ๆ ที่ยังตั้งครรภ์
เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายหญิงกลับต้องมารับเคราะห์
เด็กสาวหลายคนอยู่ในจุดที่ไม่สามารถทน ‘คำนินทาของคน’ ได้ จึงเลือกที่จะฆ่าตัวตายในที่สุด
หนิวลี่ลี่ที่เคยผ่านเหตุดราม่าเคล้าเลือดและน้ำตามาทุกรูปแบบ มองดูสาวสวยคนนั้นอย่างนึกเห็นใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหล่อน และถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “สหายคะ คุณเพิ่งพบเจอกับปัญหาอะไรมาหรือเปล่า? ฉันสามารถช่วยคุณได้นะคะ”
สาวสวยคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวังหรง
หล่อนกำลังจะตอบกลับว่าหล่อนสบายดี แต่จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง หล่อนถามกลับ “ฉันได้ยินมาว่าสำนักหนังสือพิมพ์ของคุณสามารถนำเสนอข่าวโดยที่ไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ที่ให้เบาะแส นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?”
หนิวลี่ลี่พยักหน้า “จริงสิคะ เราต้องปกป้องผู้เสียหายในทุกด้านอยู่แล้ว”
หวังหรงยังถามซ้ำอีกว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
หนิวลี่ลี่ยืนยันกับหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความอดทนว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเป็นความจริง ในที่สุดหวังหรงก็รวบรวมความกล้า พูดจาตะกุกตะกัก “ฉันอยากเปิดโปงคน…”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ฟางถิงพอปรับปรุงตัวแล้วนิสัยน่ารักขึ้นนะคะ ขณะที่ยัยหรงยังไม่พัฒนาอะไรสักอย่าง
จะแฉอะไรม่ายจื่อกับพี่หมอเหรอ ระวังโดนแฉก่อนนะ
ไหหม่า(海馬)