บทที่ 300 ไม่ใช่ว่าแสร้งเมาแล้วคิดทำเรื่องไม่ดีกับท่านเซียนหรอกนะ!?
นี่มันบ้าไปแล้ว!
เณรน้อยตกตะลึงสุดจะพรรณนา
เขาเป็นสมณะพุทธกลับชาติมาเกิด อยู่ในพุทธศาสนาแล้วจะได้ปรนนิบัติดูแลเป็นอย่างดี
ตอนเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางฝึกตนครั้งแรก ในพิธีบรรพชาเขาได้รับโอสถจักรพรรดิ พวกเขาชาวพุทธศาสนามีใบไม้ที่เป็นโอสถจักรพรรดิสืบทอดกันมาไม่กี่ใบ
ถึงแม้ใบไม้ที่ได้รับจากจากพิธีบรรพชาจะมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดงา แต่ถึงอย่างไรใบไม้นี้ก็เป็นโอสถจักรพรรดิ ซึ่งมีคลื่นจังหวะจักรพรรดิไหลเวียนอยู่
ในครานั้นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย ทะลวงฝ่าด่านได้อย่างรวดเร็วจวบจนถึงทุกวันนี้เขายังไม่ลืมความรู้สึกนั้นเลย
แต่เทียบกับสุราที่เขากำลังดื่มอยู่ ใบไม้ของโอสจักรพรรดินั้นด้อยกว่าอย่างสิ้นเชิงไม่อาจเทียบเคียงได้!
พลังมหาศาลอันหนาแน่นในสุราเหนือกว่าใบไม้โอสถจักรพรรดิหลายเท่า มากมายมหาศาลนัก!
สุราเซียน!
ความคิดแรกของเขาคือ สุราเซียน!
เมื่อครู่หลี่จิ่วเต้าบอกว่าเขาทำสุราเอง…
เซียน!
เณรน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก หัวใจของเขาเต้นระส่ำ นอกจากเซียนแล้ว ผู้ใดจะหมักสุราเซียนออกมาได้อีก!?
แท้จริงแล้วเป็นเซียน!
ก่อนหน้านี้เขาคาดเดาไว้หลายอย่าง คิดว่าหลี่จิ่วเต้าอาจเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่ง หรือแม้แต่อาจเป็นผู้ฝึกตนสุดทรงพลังขั้นสูงสุด
ทว่าผู้ใดจะล่วงรู้…เขาประเมินทุกอย่างต่ำเกินไป นี่เป็นท่านเซียน!
‘ทุกคนคาดเดาผิดทั้งสิ้น ผู้อาวุโสเก้าของตระกูลซางหลอกพวกเขา!’
เขากล่าวในใจ
ทุกคนต่างเดาว่าเซี่ยเหยียนกับพวกอ้ายฉานอาจจะเกี่ยวข้องกับยอดนิกาย อีกทั้งเรื่องนี้ผู้อาวุโสเก้าของตระกูลซางเป็นผู้ยืนยันเอง
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
บนโลกใบนี้มียอดนิกายดำรงอยู่จริง ทว่าเซี่ยเหยียนกับพวกอ้ายฉานไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
กลับกันเบื้องหลังเซี่ยเหยียนและพวกอ้ายฉานนั้นทรงพลังยิ่งกว่า เพราะเบื้องหลังพวกเขาเป็นถึงท่านเซียน!
“สุรารสชาติใช้ได้หรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าดื่มสุราไปจอกหนึ่ง ก็หันมายิ้มกว้างพลางถามเณรน้อย
“กลมกล่อมมากขอรับ ดีมาก!”
เณรน้อยกล่าวคำชมจากใจจริง
เขาขโมยไหสุราจากพระอากาศครรภโพธิสัตว์ เดิมทีคิดว่านั่นเป็นสุราที่ดีที่สุดในใต้หล้า แต่หลังจากดื่มสุราที่ท่านเซียนทำด้วยตนเอง สุรานั้นไม่นับว่าอะไรเลย!
สุราหมักโดยท่านเซียนนี่สิ ถึงเป็นสุราที่ดีที่สุดในใต้หล้า!
“มากินเนื้อกัน!”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวอย่างสบายไม่ถือตัว
เขาเคยกินเข้าไปหนึ่งคำรสชาติดียิ่ง คุณภาพเนื้อของสัตว์อสูรดีอย่างไม่น่าเชื่อ!
สุดยอดเลย!
เณรน้อยตั้งใจรอกินเนื้ออยู่นาน พอได้ยินคำของท่านเซียนก็ตักเนื้อชิ้นคำโตเข้าปากทันที
เพียงกัดเนื้อเข้าไปหนึ่งคำ กลิ่นหอมก็คละคลุ้งอยู่ในปาก ความอร่อยแทรกซึมไปทั่วอณูของร่างกาย อร่อยจนเขาแทบเหาะขึ้นฟ้า!
นี่มัน…อร่อยเป็นบ้า!
เขาเคยโอ้อวดว่า ตนเองได้ลิ้มลองอาหารอันโอชะนับไม่ถ้วนทั่วทั้งภูเขาและทะเล ลิ้มรสอันโอชะมาทุกอย่างแล้ว
แต่เทียบกับเนื้อสัตว์ที่ท่านเซียนทำ อาหารที่เขากินก่อนหน้า รสชาติจะไปเทียบเคียงได้อย่างไร?
“ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ท่านเซียนก็คือท่านเซียน!”
หลังจากกลืนเนื้อเข้าไปในท้อง ภายในใจเณรน้อยก็ตื่นตระหนก
ฝีมือของท่านเซียนช่างเหนือจินตนาการยิ่งนัก แม้แต่เนื้อตุ๋นยังแฝงพลังเอาไว้มากมาย!
เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของตนนั้นเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เดิมทีเพียงแค่หลอมรวมกับใบไม้โอสถจักรพรรดิ กายเนื้อของเขาก็แข็งแกร่งเหนือผู้ฝึกตนคนอื่นแล้ว แม้แต่ทายาทสัตว์อสูรตระกูลใหญ่ก็ยังไม่อาจเทียบเขาได้
ทว่าแม้กายเนื้อของเณรน้อยจะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่หลังจากกลืนเนื้อลงไปเขายังได้ประโยชน์มากมายจากมัน กายเนื้อของเขากำลังพัฒนา!
เนื้อตุ๋นชิ้นนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าโอสถจักรพรรดิเสียอีก!
ผู้อาวุโสเก้าที่นั่งด้านข้างก็กินเนื้อกับดื่มสุราเช่นกัน
เขาคร่ำครวญอยู่ในใจ
ตื้นตันจนแทบร้องไห้อยู่รอมร่อ!
อันที่จริงเขาก็อายุมากแล้ว แม้ยังไม่สิ้นอายุขัย แต่ก็นับว่าจะเข้าวัยชราในไม่ช้า
ทว่าหลังจากดื่มสุรากับกินเนื้อเข้าไป เขาพลันรู้สึกว่าแหล่งพลังชีวิตในร่างกายกำลังทวีคูณมหาศาล แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าตอนเขาอยู่ในวัยกลางคน!
อีกทั้งอายุขัยของเขายังเพิ่มขึ้นมากด้วย!
‘ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ*[1] ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ!’
เขาร้องครวญอยู่ในใจ
ครั้งนี้นับเป็นโชคดีของเขาแล้ว!
ผู้อาวุโสเก้าสาบานอยู่ในใจอย่างหนักแน่นว่า จะปรนนิบัติดูแลท่านเซียนเป็นอย่างดี และจะไม่ปล่อยให้ท่านเซียนรู้สึกไม่พอใจเด็ดขาด!
“จิบคู่กับจอกนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ กินดื่มจนพอใจ
ผู้อาวุโสเก้ากับซางเหิงยืนแทบไม่ไหว พวกเขาลุกขึ้นคารวะท่านเซียน ก่อนจะออกไป
ทั้งสองดื่มสุราคนละจอกเล็ก ๆ ก็เมามากแล้วจึงไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ เมาแล้วก็กลัวว่าตนจะพูดจาผิดหู ฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านเซียน
คล้อยหลังจากนั้นอันหลานเสวี่ย พวกอ้ายฉานก็ลุกขึ้นคารวะท่านเซียน
พวกเขาเองก็ดื่มไม่ไหว กินไม่ลงแล้วเช่นกัน
ทว่าเณรน้อยช่างร้ายกาจจริง ๆ ไม่เพียงเป็นพุทธบุตรกลับชาติมาเกิด เขายังสามารถดื่มสุราต่อได้ถึงห้าจอก และกินเนื้อต่อได้ถึงหกชิ้น
เพียงแต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ไหวแล้ว ดื่มสุราอีกจอกกับกินอีกเนื้อชิ้นหนึ่ง ก็ลุกขึ้นคารวะบอกลาท่านเซียน
“ไว้มีเวลาค่อยมาสังสรรค์กันใหม่ ข้าชอบเจ้ามาก”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตัวเขาเองยังไม่ได้เมาอะไรมาก แม้จะดื่มมากกว่าผู้อื่นแต่เขาเมาเพียงเล็กน้อย สติยังคงแจ่มแจ้งดี
“มา พวกเราดื่มต่อกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้ายกจอกขึ้นด้วยรอยยิ้ม แล้วดื่มกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน สือเฟิง หลิงอินและเซี่ยเหยียนต่อ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับคนอื่นดื่มสุราที่ท่านเซียนหมักเอง พวกเขาดื่มมาหลายครั้งแล้วจึงแข็งแกร่งกว่าเณรน้อย และสามารถดื่มได้อีก
แต่พวกเขาก็ยังห่างชั้นกับท่านเซียนมาก
ไม่นานหลังจากนั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสือเฟิงและเซี่ยเหยียนก็คารวะท่านเซียนขี้เมา ก่อนจะออกจากที่นี่ไป
เดิมทีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงไม่ได้พักอยู่บนยอดเขา
แต่หลังจากผู้อาวุโสเก้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประมุขศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน สือเฟิงกับท่านเซียน เขาจึงขอให้ผู้อาวุโสท่านอื่น จัดหาที่พักอื่นบนยอดเขาให้ประมุขศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง
หลังจากทั้งสองออกมา ผู้อาวุโสของตระกูลซางก็เข้าไปเชิญพวกเขา พาประมุขศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงไปวังที่พวกเขาเตรียมไว้
สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงหลิงอินเท่านั้นที่ยังอยู่ด้านใน
“ฮ่า ๆ ไม่มีใครดื่มไหวเลยสินะ สุดท้ายก็เหลือแค่สองคน”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มพลางกล่าวกับหลิงอิน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดื่มกับหลิงอิน แม้หลิงอินจะอ่อนแอ แต่กลับสามารถดื่มได้มากกว่าคนอื่น ดื่มไปดื่มมาสุดท้ายก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน
“คุณชายชอบดื่ม ข้าก็เต็มใจดื่มกับคุณชาย”
ดวงหน้างดงามของหลิงอินแดงก่ำ ทำให้นางดูเย้ายวนกว่าปกติ
ในฐานะจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล นางนำหน้าผู้อื่นก้าวใหญ่ พอต่อมาได้เริ่มฝึกตน ขอบเขตบำเพ็ญของนางยิ่งก้าวหน้ามากขึ้น
ตอนนี้นางยังสามารถดื่มได้อีก!
“วันนี้ข้ามีความสุขยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาภาคกลาง มาดื่มกันต่อเถอะ ดื่มให้สาแก่ใจไปเลย ไม่เมาไม่กลับ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ แล้วเริ่มดื่มกับหลิงอินต่อ
เขามีความสุขจริง ๆ ตั้งแต่อาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาข้างนอก
“ดี!”
ทั้งสองคนยังคงดื่มต่อไป
สุดท้ายก็ดื่มจนหลี่จิ่วเต้าเมา
เขากล่าวว่า “วันนี้ดื่มสนุกมาก พอแค่นี้แล้วกัน สีท้องนภาตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว”
“ได้!”
หลิงอินยืนขึ้นอย่างโซเซ เห็นได้ชัดว่าเมาแล้ว สติของนางพร่ามัวเล็กน้อย
นางยกขาขึ้นกำลังก้าวออกไป แต่ทว่ากลับก้าวพลาดเซล้มไปทางหลี่จิ่วเต้า
“!!!”
แมวน้อยสีขาวลั่วสุ่ยเห็นฉากนี้ ก็คำรามเสียงดังในใจพลางรีบวิ่งไปทันที ‘รีบออกมาจากตัวท่านเซียนเดี๋ยวนี้นะ!’
ไม่ใช่ว่านางแสร้งเมาแล้วคิดทำเรื่องไม่ดีกับท่านเซียนหรอกนะ!?
ยามหยกเนื้ออ่อนอยู่ในอ้อมแขน ได้สูดกลิ่นหอมบริสุทธิ์บนร่างของหลิงอิน ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าก็คล้ายจะพร่ามัวไป
ช่างหอมยิ่งนัก…
[1] 祖坟冒青烟 เป็นคำเปรียบเปรย หมายความว่า ‘ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ’ มีที่มาจากผู้นับถือลัทธิเต๋ามีความเชื่อว่าคนตายแล้วจะกลายเป็นเซียน ร่างกายจะสลายเป็นเหมือนควันจาง ๆ ดังนั้นการที่มีควันลอยออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษจึงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะบรรพบุรุษกลายเป็นเซียนและจะ คุ้มครองลูกหลาน รวมถึงบันดาลโชคลาภ เลยถูกนำมาเปรียบเปรยว่า เกิดเรื่องที่น่ายินดีมาก แต่ก็สามารถนำมาใช้ในการเสียดสีหรือด่าทอได้