คนที่ค้นพบรายละเอียดได้มากที่สุด มีชื่อว่าเติ้งฉือ
เอิ่มมมมม
อ่านไม่ผิดหรอก เขาก็คือทายาทเศรษฐีซึ่งเจ็บปวดจากโรคซึมเศร้า และรู้สึกว่า ‘คนเขาเย้ยเยาะข้าว่าเสียสติ ข้าเย้ยเยาะว่าเขามองไม่ขาด’ สะท้อนความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี
ทันทีที่ดูจบ เติ้งฉือดูซ้ำอีกครั้งโดยไม่ลังเล เพราะเขาชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มาก
หลังจากดูซ้ำจบ เติ้งฉือกลับค้นพบรายละเอียดหลายจุดที่อีกหลายคนไม่สังเกตเห็น
ตัวอย่างเช่นฉากเปิดของภาพยนตร์ ที่หน้าประตูจวนสกุลถัง
มีบัณฑิตทรงสง่าสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีสวยสดจอแจกันอยู่หน้าประตูจวนสกุลถัง รอนานกว่าสามชั่วยาม เดิมทีคิดว่ากำลังรออะไรอยู่ ปรากฏว่าสิ่งที่ถูกโยนออกมาคือขยะ ซึ่งถูกทุกคนเข้าไปโรมรันพันตูแย่งกันจนได้มา และด้านหน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลถังก็มีโคลงคู่แปะอยู่จำนวนหนึ่ง
‘ห้าต้นหลิวจรัสแสงในเรือนของผู้เลื่องชื่อ สามต้นหวายประดับประดาหน้าประตูของบัณฑิตผู้สง่างาม’
‘โลกโลกีย์ปณิธานเร้นเมฆา สวรรค์พบปรารถนาหอหยกขาว’
‘ดรุณีฉางเอ๋อหวั่นหนาวเหน็บ หยาดน้ำค้างฝ่าสายลมยลจันทรา’
‘สยายปีกสำเร็จเซียน!’
ทั้งยังมีภาพ ‘ร้อยวิหคเผชิญหงส์ฟ้า’ ของถังปั๋วหู่ซึ่งหัวนกกระจอกในภาพหายไป และถูกนำไปแปะในไพ่นกกระจอก โคลงคู่ด้านข้างเขียนว่า ‘เรือนลึกคร่ำตำราเก่าเปื้อนฝุ่น พากเพียรมีงานจักนำพาทรัพย์’
นอกจากนั้นยังมีกลอนเจ็ดพยางค์ซึ่งถังปั๋วหู่เขียนขึ้น ผ่านหน้ากล้องไปแว้บหนึ่ง
ภาพวาดนี้มีชื่อว่า ‘หลับฝันใต้ร่มอู๋ถง[1]’ ด้านข้างมีบทกลอนประกอบ ‘รอบอู๋ถงสิบลี้มีตะไคร่ เมามายเคลิ้มหลับไหลไปเสียก่อน ชั่วชีวีเลื่องชื่อซึ้งในทรวง ตื่นจากฝันอู๋ถงลวงข้านี้เอย’
ข้างเสาในหอบรรพชนของจวนสกุลถังมีโคลงคู่ ‘วรรณกรรมโบราณเล่ามรรคา วิถีฟ้านำพาผาสุข’
โคลงคู่ซึ่งปรากฏในตอนที่ชิวเซียงไหว้พระเขียนว่า ‘ณ ที่นี้สัมผัสกายธรรมบริสุทธิ์ พบสิงห์ครามแห่งปัญญา กุญชรเผือกแห่งสมาธิ ใกล้ความสัตย์อันมีแก่นแท้ พิศดูดอกท้อสีโลหิต แหงนหน้ายลวิหคสีชาด’
โคลงคู่ในห้องของชิวเซียงคือ ‘ระเบียงอรุณรุ่งหอภาพเมฆคล้อย เคหาสน์ขุนเขาลานกว้างเมฆขาว’
โคลงคู่ในโถงรับแขก ‘กระเรียนขาวท่องนภา ฝูงห่านป่าโผทะเล ดอกเหมยแห้งรับคิมหันต์ กรุ่นกลิ่นสาลีรับลมสารท’
โคลงคู่ในห้องหนังสือจวนสกุลหวา ‘สรรพสิ่งในใต้หล้าจงเอื้อมไปไขว่คว้าไว้สุดกำลัง ร้อยบุปผาแม้นรัญจวนจิตเปรียบไม่ติดความรู้อันหอมหวน’
ความหมายของโคลงคู่นี้ชัดเจนและเข้าใจง่าย สนับสนุนให้ทำทุกสิ่งอย่างเต็มความสามารถ และอ่านหนังสือให้มาก
นอกจากนั้นในจวนสกุลหวายังมีโคลงคู่เขียนว่า ‘ยืนหยัดอย่างรอบคอบ รักษาหน้าที่อย่างถ่อมตน’
เติ้งฉือไม่ได้ขบคิดเกี่ยวกับโคลงคู่อย่างลึกซึ้งนัก
แต่การบ่มเพาะด้านวรรณกรรมที่เข้มข้นของเขา ทำให้เขามั่นใจว่าโคลงคู่นี้ใช้ฝีมือในการประพันธ์สูงมาก!
ฉะนั้นเมื่อเติ้งฉือค้นพบรายละเอียดเหล่านี้ เขาก็เป็นต้องตะลึงงันไป!
และสิ่งที่ทำให้เขาตะลึงงันยิ่งกว่า ก็คือในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีภาพวาดจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีกลอนประกอบเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
‘สายฝนโปรยชื้นชุ่มเมืองเว่ย โรงเตี๊ยมแมกไม้ผลิใบชื่น เชิญเจ้ารื่นร่ำสุราตามใจ สหายข้าเดินทางไกลยากหวนคืน[2]’
‘ทิวเขาไร้วิหค เส้นทางร้างเงาคน สวมเสื้อฟางล่องเรือมา หิมะหนาตกปลาลำพัง[3]’
‘วิชามาจากพากเพียร หมื่นหิ่งห้อยท่องตำรา เหมันต์สามคราพอใช้ ใครเย้ยว่าเบาปัญญา[4]’
‘ท่องบทกลอนจนเป็นสี่สัมผัส ข้าถนัดคิดอย่างไรใครล่วงรู้ ยามแก่เฒ่ายังแต่งแต้มเยี่ยงโฉมตรู จันทร์กระจ่างหรือจะสู้จอกสุรา ทุกวี่วันสุขล้ำสำราญใจ เขียนเรื่องไว้ขำขันสู่ลูกหลาน คืนผันผ่านมีถูกต้องมีพลั้งพลาด แต่ตัวข้าก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้[5]’
‘ลมฉิวพัดฝนพรำเหนือคาดเดา โลกมนุษย์เราแปรผันสุดรู้ ลิขิตฟ้าโลกีย์อลหม่าน จงอย่าปล่อยเวลาผ่านทิ้งไป[6]’
“…”
สุดยอดเ-ี้ยๆ!
กลอนพวกนี้สุดยอดไปเลย!
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเติ้งฉือเรียนสาขาวรรณกรรมในมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงมีความสามารถในการซาบซึ้งในบทกวีสูงมาก
เพราะฉะนั้นเขาถึงสังเกตเห็นฉากเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งคนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น และพลอยทำให้เขาทึ่งจนสมองพร่าเบลอไปเลยทีเดียว!
เขาพอจะมั่นใจแล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเซี่ยนอวี๋…
เพราะลำพังเซี่ยนอวี๋ที่เขียนว่า ‘คนเขาเย้ยเยาะข้าว่าเสียสติ’ ถึงจะมีฝีมือระดับนี้ได้!
และเพื่อเก็บรายละเอียดเหล่านี้อย่างครอบคลุม เติ้งฉือดูเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศสิริรวมทั้งสิ้นห้ารอบ!
หลังจากดูไปห้ารอบ ความชื่นชมที่เติ้งฉือมีต่อเซี่ยนอวี๋ก็ทบทวีไปจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกแล้ว!
เติ้งฉือตัดสินใจ ว่าจะต้องให้ทุกคนรู้ถึงความเก่งกาจของเซี่ยนอวี๋ให้ได้!
ดังนั้น…
เขาจึงโพสต์บทความชิ้นหนึ่งผ่านปู้ลั่วของตน พร้อมทั้งแนบโคลงคู่และบทกลอนในภาพยนตร์ทั้งหมดไว้ด้วยกัน
ที่น่าเสียดายก็คือ เติ้งฉือไม่ใช่ดารา และไม่ใช่นักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด
เขาโพสต์บทความลงไป ทว่าคนที่สังเกตเห็นก็มีไม่มาก
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เติ้งฉือท้อใจ
นี่เป็นยุคแห่งอินเทอร์เน็ต อยากได้ความสนใจเพิ่มก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เติ้งฉือติดต่อบัญชีผู้ใช้ระดับVIPซึ่งมีผู้ติดตามเกินหนึ่งล้านคนในทันที
มีอีกหลายบัญชีใหญ่ซึ่งมีแฟนคลับกว่า 10 ล้านคน
และให้บัญชีระดับVIPเหล่านี้รีโพสต์บทความของเขา!
ถามว่าทำได้ยังไงน่ะหรือ
ก็ทำได้เพราะเติ้งฉือเป็นทายาทเศรษฐีที่เล่นรถสปอร์ตและนาฬิกาหรูจนชินแล้วน่ะสิ
เขาเพียงแค่หยิบเงินค่าขนมออกมา ก็สามารถทำให้บัญชีVIPเหล่านั้นรีโพสต์ได้อย่างว่าง่าย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘อำนาจเงิน’
ต่อให้แรกเริ่มเดิมทีมีบัญชีใหญ่หลายบัญชีไม่อยากรีโพสต์ก็เถอะ
แต่ว่า…
จำนวนเงินที่เขาจ่ายนั้นสูงเกินกว่าจะปฏิเสธได้…
นอกจากนั้นโคลงคู่และบทกลอนที่บทความชิ้นนี้เอ่ยถึงก็สุดยอดเหลือเกิน
ดังนั้น ไม่ทันไรก็มีบัญชีVIPจำนวนมากรีโพสต์บทความของเติ้งฉือ
ปรากฏว่า…
ชาวเน็ตนับไม่ถ้วนซึ่งดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วก็ตกตะลึงไปตามกัน!
‘อมก! ฉันคิดว่าแค่พล็อตเรื่องที่ดูตลกกึ่งประชดประชันของหนังเรื่องนี้ก็สุดยอดมากแล้วนะ นึกไม่ถึงว่าจะโหดถึงขนาดนี้อีก!’
‘โคลงคู่กับกลอนพวกนี้…เซี่ยนอวี๋เป็นคนเขียนหมดเลย?’
‘ต้องเป็นเซี่ยนอวี๋แน่ๆ มีแค่เซี่ยนอวี๋ที่อัจฉริยะขนาดนี้!’
‘ผมควรเปลี่ยนไปเรียกเขาว่าเซี่ยนอวี๋ถังปั๋วหู่?’
‘ทิวเขาไร้วิหค เส้นทางร้างเงาคน สวมเสื้อฟางล่องเรือมา หิมะหนาตกปลาลำพัง’
‘หิมะหนาตกปลาลำพัง! นึกไม่ถึงว่าเซี่ยนอวี๋จะซ่อนความหมายไว้ลึกซึ้งขนาดนี้!’
‘เชิญเจ้ารื่นร่ำสุราตามใจ สหายข้าเดินทางไกลยากหวนคืน! นี่มันกลอนเทพเซียนอะไรวะเนี่ย!’
‘เจ้าของโพสต์โคตรโหด หาเจอหมดเลยรายละเอียดพวกนี้เป็นเพชรในตมชัดๆ!
‘ผู้กำกับบ้าไปแล้ว ไม่ยอมโฟกัสกลอนพวกนี้ให้เยอะหน่อย!’
‘ผมว่าแค่นี้ก็โหดแล้วนะ สังเกตเห็นกลอนในหนังหมดเลย ผมเพิ่งรู้ว่าเซี่ยนอวี๋เก่งกว่าที่ผมคิดไว้มาก!’
‘อย่ามัวแต่อ่านกลอน มาดูโคลงคู่พวกนี้ด้วย บางบทสุดยอดมาก!’
‘แค่โคลงคู่นกเหยี่ยวนางแอ่นนั่นก็สุดแล้วนะ แต่ในหนังยังมีฉากเล็กๆ อีกเยอะที่ซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้กองหนึ่ง?’
‘ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งจะแนะนำเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศให้คนอื่นดู บอกว่าเป็นหนังตลกแต่ไม่มีสาระอะไร…ขอโทษนะครับ ผมเองแหละที่ไม่มีสาระ’
‘นักเขียนบทคนนี้ มีอาชีพเสริมเป็นกวีสินะ’
‘…’
จะโทษว่าชาวเน็ตตื่นตูมเกินเหตุก็คงไม่ได้ เพราะในความจริงแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้สุดยอดมากจริงๆ
ในเวอร์ชันต้นฉบับ โคลงคู่และบทกลอนล้วนแต่ใช้ผลงานของยอดกวียุคโบราณ
ตัวอย่างเช่นหลิ่วจงหยวน และหวังเหวย
แต่โชคดีที่บนบลูสตาร์ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลิ่วจงหยวนกับหวังเหวย…
ดังนั้นบทกลอนเหล่านี้ปรากฏในภาพยนตร์ จึงสร้างความสะพรึงกลัวจับใจ!
ผู้ชมที่มีความรู้ด้านวรรณกรรมระดับสูงสักหน่อย เมื่อได้เห็นบทความชิ้นนี้ ก็พลันรู้สึกสมองชาวาบ…
ยังต้องให้พูดอีกเหรอ
รีโพสต์สิค้าบ รีโพสต์รัวๆ
สตาร์ไลท์เป็นโลกแห่งศิลปะที่แท้จริง ผู้ทรงความรู้เรื่องเหล่านี้มีเยอะมาก
เพราะฉะนั้น
เมื่อมีคนรีโพสต์มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมก็สังเกตเห็นบทความนี้
จะไม่ให้สังเกตเห็นได้ยังไง
ชาวเน็ตหลายคนนำโคลงคู่กับบทกลอนไปแปะบนกระทู้บนอินเทอร์เน็ต
ทุกคนล้วนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เยี่ยมยอดมาก ดังนั้นจึงอยากรู้ว่าในแวดวงวรรณกรรมจะมีความเห็นอย่างไร
ปรากฏว่าคนในแวดวงวรรณกรรมเองก็ตกใจไปเช่นกัน
‘เชิญเจ้ารื่นร่ำสุราตามใจ สหายข้าเดินทางไกลยากหวนคืน…ถึงแม้ไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังของบทกลอน แต่ก็ฟังออกว่าเป็นบทกลอนอำลาคนเดินทาง ความหมายลึกซึ้งมากอยู่แล้ว’
‘ทิวเขาไร้วิหค เส้นทางร้างเงาคน…บทกลอนนี้เป็นสไตล์ของกวีผู้ยิ่งใหญ่’
‘ในนี้มีโคลงคู่อย่างน้อยสามบท ที่เรียกได้ว่ายอดโคลงคู่สมบูรณ์ ถ้าไม่ใช่โคลงวรรคหลังที่โผล่มาในหนัง ฉันว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนในวงการวรรณกรรม จะต้องคิดวรรคแรกออกมาไม่ได้อย่างแน่นอน’
‘…’
ตั้งแต่บทความบนสตาร์เน็ต ก็มีหลายคนที่คิดว่าตนประเมินเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศต่ำไป
หลังจากที่ดึงโคลงคู่กับกลอนเหล่านี้ออกมา ชาวเน็ตก็เชื่ออย่างสนิทใจ
ยอดเยี่ยม!
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการอวดพรสวรรค์ส่วนตัวของเซี่ยนอวี๋
ผู้ชมที่มองเห็นความตลกขบขันจัดอยู่ในขั้นหนึ่ง
ผู้ชมที่มองเห็นโศกนาฏกรรมจัดอยู่ในขั้นที่สอง
ผู้ชมที่สังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านี้ ถึงจะนับว่ายืนอยู่ในขั้นที่สาม!
จะยังมีขั้นที่สี่ไหม
ชั่วขณะนั้น ไม่มีใครกล้ายืนยัน
คงจะเป็นอย่างที่ประโยคนั้นว่า…
เดิมทีฉันคิดว่าเซี่ยนอวี๋อยู่ขั้นที่หนึ่ง ที่ไหนได้เข้าอยู่เหนือไปกว่านั้นหลายโยชน์…
พรึ่บๆๆ!
เพราะบทความนี้ของเติ้งฉือ ยอดการติดตามจึงทะลุหนึ่งล้านในช่วงเวลาอันสั้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับที่เมื่อก่อนเติ้งฉือมักโพสต์รูปรถสปอร์ตหลากหลายรุ่น ภาพนาฬิกาสุดหรู และภาพสาวสวยอยู่บ่อยครั้ง…
เติ้งฉือยังเป็นเช่นนี้
บัญชีผู้ใช้ปู้ลั่วของเซี่ยนอวี๋ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เพราะกระแสร้อนแรงของถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ บัญชีผู้ใช้ของเซี่ยนอวี๋ซึ่งเดิมทีมีผู้ติดตามอยู่สิบห้าล้าน
แต่ในตอนนี้
เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดัง กอปรกับที่รายละเอียดต่างๆ ถูกยกมาอธิบาย ยอดแฟนคลับซึ่งติดตามเซี่ยนอวี๋ก็พุ่งขึ้นพรวดพราดประหนึ่งติดจรวดมา!
20 ล้าน…
25 ล้าน…
30 ล้าน…
หลังจากที่บทความของเติ้งฉือเผยแพร่ไปห้าชั่วโมงแล้ว จำนวนแฟนคลับของเซี่ยนอวี๋ก็แตะถึง 33 ล้านคนอย่างน่าอัศจรรย์!
พื้นที่แสดงความคิดเห็นของเขาซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวถึงแทบระเบิด เพราะลำพังโพสต์สนทนาก็ปาไปแปดแสนโพสต์แล้ว
‘ผมมาดูว่าโหดแค่ไหน…’
‘เรื่องนี้คุณยังป่าวประกาศได้ด้วย…’
‘ทีนี้ก็รู้แล้วว่าเซี่ยนอวี๋เก่งทั้งกลอนทั้งดนตรี’
‘ยังจะบอกอีกเหรอว่าคุณไม่ใช่ถังปั๋วหู่!’
‘ถังปั๋วหู่ ถอดหน้ากากออกมานะ’
‘ได้ยินมาว่าถังปั๋วหู่พรสวรรค์เป็นเลิศ หนึ่งในปฐพีด้านโคลงกลอนและดนตรี…’
‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเป็นอัตชีวประวัติของคุณอย่างที่คิดจริงด้วย!’
‘…’
ในภาพยนตร์ ถังปั๋วหู่มีความรู้เรื่องดนตรี สามารถเขียนกลอนต่อโคลง
ในความจริง เซี่ยนอวี๋เป็นทั้งพ่อเพลง และเขียนบทได้ หนำซ้ำฝีมือในการสร้างสรรค์บทกลอนและโคลงคู่ก็ร้ายกาจเหลือเกิน!
ในตอนนั้นทั้งผู้ชม แฟนคลับ และบรรดาชาวเน็ตก็คิดเชื่อมโยงกันอย่างง่ายดาย
แน่นอน
มีคนสังเกตเห็น ถังปั๋วหู่…
โอ้ ไม่สิ เซี่ยนอวี๋ต่างหาก
เซี่ยนอวี๋ยังคิดตามฉู่ขวงและอิ่งจือ
ก่อนหน้านี้แฟนคลับของฉู่ขวงมากกว่าเซี่ยนอวี๋มาโดยตลอด
แต่หลังจากที่เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศดังเปรี้ยง จำนวนแฟนคลับของเซี่ยนอวี๋ก็สูสีกับฉู่ขวงแล้ว!
ถึงขั้นที่
ยังมีแฟนคลับอีกบางส่วน อุตส่าห์ตามมาคอมเมนต์ในปู้ลั่วของฉู่ขวงอย่างมีจุดประสงค์ซ่อนเร้น น่าจะเป็นเพราะสถานะนักเขียนซึ่งโด่งดังจากฝีมือด้านวรรณกรรมของฉู่ขวง
‘เซี่ยนอวี๋: พี่ชาย ได้ข่าวว่าฝีมือด้านวรรณกรรมนายไม่เบาเลยนี่?’
………………………………………………..
[1] หลับฝันใต้ร่มอู๋ถง โดยถังอิ๋น (ถังปั๋วหู่) ภาพวาดน้ำหมึกบนกระดาษ เป็นภาพวาดบุคคล มีบทกลอนประกอบ ซึ่งเขียนสะท้อนความรู้สึกชอกช้ำและจนใจของศิลปิน โดยเปรียบต้นอู๋ถง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นที่อยู่ของหงส์ฟ้า (เฟิ่งหวง) เป็นเงินทองและชื่อเสียง มาเล่าถึงชีวิตของศิลปินซึ่งแม้จะมีพร้อมสรรพ แต่กลับรู้สึกเศร้าโศก ต้องขอบคุณชื่อเสียงที่มีอยู่ ที่ทำให้เขาได้มาหลับฝันใต้ต้นอู๋ถงได้อย่างผ่อนคลายเช่นนี้
[2] สายฝนโปรยชื้นชุ่มเมืองเว่ย โรงเตี๊ยมแมกไม้ผลิใบชื่น เชิญเจ้ารื่นร่ำสุราตามใจ สหายข้าเดินทางไกลยากหวนคืน มาจากบทกลอน ‘ส่งหยวนเอ้อร์สู่ซีอัน’ โดยหวังเหวย กวีชื่อดังสมัยราชวงศ์ถัง บทกลอนพรรณนาถึงครั้งหวังเหวยไปส่งสหายนามว่าหยวนเอ้อร์ เพื่อเดินทางไปรบ ณ ชายแดนทิศตะวันตก โดยที่ตัวเขารู้ดีว่าเมื่อไปออกรบแล้วจะไม่มีใครได้กลับมา
[3] ทิวเขาไร้วิหค เส้นทางร้างเงาคน สวมเสื้อฟางล่องเรือมา หิมะหนาตกปลาลำพัง มาจากบทกลอน ‘ธารหิมะ’ โดยหลิ่วจงหยวน กวีสมัยราชวงศ์ดัง และได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในแปดกวีเอกแห่งสมัยถังและซ่ง บทกลอนพรรณนาถึงบรรยากาศและธรรมชาติรอบตัวของกวี
[4] วิชามาจากพากเพียร หมื่นหิ่งห้อยเรียนตำรา เหมันต์สามคราพอใช้ ใครเย้ยว่าเบาปัญญา มาจากบทกลอน ‘พากเพียร’ โดยวังจู กวีสมัยราชวงศ์ซ่ง บทกลอนกล่าวว่าความรู้ได้มาจากความพากเพียรมุมานะ เฉกเช่นคนสมัยโบราณที่จับหิ่งห้อยมาเป็นแสงสว่างเพื่อท่องตำรายามค่ำคืน ร่ำเรียนสามปีก็รู้หนังสือเพียงพอให้อ่านตำราโบราณแล้ว และจะไม่มีผู้ใดครหาได้ว่าเบาปัญญา
[5] ท่องบทกลอนจนเป็นสี่สัมผัส ข้าถนัดคิดอย่างไรใครล่วงรู้ ยามแก่เฒ่ายังแต่งแต้มเยี่ยงโฉมตรู จันทร์กระจ่างหรือจะสู้จอกสุรา ทุกวี่วันสุขล้ำสำราญใจ เขียนเรื่องไว้ขำขันสู่ลูกหลาน คืนผันผ่านมีถูกต้องมีพลั้งพลาด แต่ตัวข้าก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ จากบทกลอน ‘กลอนถึงหนิงอ๋อง’ โดยถังอิ๋น (ถังปั๋วหู่) กล่าวถึงตนเองที่ต้องการแสวงหาความสุขและความสงบ ไม่ปรารถนาออกไปแสวงหาชื่อเสียง และไม่ต้องการให้ใครรบกวน
[6] ลมฉิวพัดฝนพรำเหนือคาดเดา โลกมนุษย์เราแปรผันสุดรู้ ลิขิตฟ้าโลกีย์อลหม่าน จงอย่าปล่อยเวลาผ่านทิ้งไป จาก ‘เพลงบุปผาหล่นรินสุรา’ โดยถังอิ๋น (ถังปั๋วหู่)