ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Story > 4-11

Side Story < Love Story > 4-11

“กินอะไรเป็นของหวานดีครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบส่ายหน้า

“ผมไม่ค่อยอยากกินเท่าไรครับ”

“โอเคครับ”

อีอูยอนเรียกพนักงานและบอกว่าไม่ต้องเอาของหวานมาเสิร์ฟ คนทั้งคู่ลุกขึ้นหลังจากที่กินอาหารเสร็จ

“คุณอูยอน”

อีอูยอนหันกลับมามอง

“ไปเดินเล่นกันหน่อยไหมครับ”

อินซอบเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหม่าอย่างถึงที่สุด อีอูยอนพยักหน้า มือข้างขวาของอินซอบยังคงอยู่ในกระเป๋า

มีอะไรอยู่ในนั้นกันนะ ตอนนี้เขากำลังตั้งสมาธิเพื่อจะใช้ปืนยิงและหนีไปหรือเปล่า

อีอูยอนยิ้มและแกล้งทำเป็นไม่รู้ก่อนจะดึงมือของอินซอบที่อยู่ในกระเป๋าออกมา แม้อินซอบจะตกใจเล็กน้อย แต่กลับไม่สะบัดมือออก

คนที่เจอในที่แห่งนี้ตลอดหนึ่งสัปดาห์มีแค่ครอบครัวชาวนอร์เวย์ที่เที่ยวเล่นกันสามอายุคนกับคู่รักชาวแคนาดาเท่านั้น และไม่มีใครสนใจคนสองคนที่มาเดินเล่นตอนกลางคืนเลย

พวกเขาเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปตามทะเลสาบเล็กๆ และอีอูยอนก็รอว่าอินซอบจะปริปากตอนไหน

“คุณอูยอน”

“หืม”

“คือผมลองคิดดูแล้วนะครับ แน่นอนว่าความคิดของผมคงไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่…ยังไงผมก็ลองคิดดูแล้วครับ”

อินซอบมักจะเกริ่นคำพูดที่ไม่จำเป็นก่อนเสมอในตอนที่จะพูดเรื่องที่พูดออกมาได้ยาก และอีอูยอนก็มักจะพยักหน้าให้โดยแกล้งทำเป็นไม่รู้เสมอ เพราะขนาดการกระทำนั้นยังน่ารักมากสำหรับเขา

“ผมเคยบอกว่าอยากจะให้มันไม่เป็นไรกับคุณอูยอนไปเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ

“ครับ ใช่ครับ”

“…แต่เหมือนมันจะไม่ง่ายเลยครับ”

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ”

จะง่ายได้ยังไงในเมื่อเราเป็นคนสารเลวขนาดนี้

อีอูยอนยิ้มอย่างขมขื่นและเห็นด้วยกับคำพูดของอินซอบ ต่อให้อินซอบพูดแบบนั้น เขาก็ยังชอบ

ทั้งคำพูดที่บอกว่าแค่อยากให้มันไม่เป็นไร ทั้งตัวคุณที่พูดแบบนั้น ทั้งท้องฟ้าในช่วงเวลานั้น และกลิ่นของอากาศ…แค่คิดถึงเรื่องพวกนั้นเขาก็รู้สึกดีแล้ว

“แม้ว่าผมจะโอเคหลังจากที่ทะเลาะกับพวกน้องๆ เพราะพวกเขาเป็นน้อง แต่แน่นอนว่าหลังจากทะเลาะกับคุณอูยอนแล้ว ทั้งผมทั้งคุณอีอูยอน…เพราะฉะนั้นที่ผมจะพูดก็คือ…”

อินซอบหยิบกล่องเล็กๆ ออกจากกระเป๋าและยื่นให้

“มันคืออะไรเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบรีบเปิดฝากล่อง ภายในมีแหวนสีเงินที่ซื้อจากร้านขายของที่ระลึกวางอยู่

“ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน หรือต่อให้พวกเราทะเลาะกัน หากจะเป็นความสัมพันธ์ที่สามารถคงอยู่ได้…ผมคิดว่ามันจะไม่เป็นไร…”

อีอูยอนจ้องอินซอบโดยไม่พูดอะไร ไม่มีแม้กระทั่งการเปลี่ยนสีหน้าด้วยซ้ำ อินซอบหน้าซีดเพราะคิดว่าตัวเองแยกเรื่องล้อเล่นกับเรื่องจริงไม่ออก และเผลอทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ลงไปหรือเปล่า

“ขอแต่งงานเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามทำลายความเงียบ เขาทำหน้าเหมือนโกรธ

“ขะ ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณล้อเล่น…ขอโทษครับ”

อินซอบกำลังจะเก็บกล่องใส่กระเป๋าตามเดิม แต่อีอูยอนกลับฉวยของมือของอินซอบไว้

“จะไม่เป็นไรเหรอครับ”

“ครับ?”

“…ผมถามว่าต่อให้เป็นผมก็ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ”

ปลายนิ้วของอีอูยอนที่กำข้อมือของอินซอบไว้สั่นเล็กน้อย ในตอนนั้นเองอินซอบถึงตระหนักได้ว่าอีอูยอนไม่ได้โกรธ แต่กำลังประหม่ามากต่างหาก

“คุณอูยอน…เป็นอะไรเหรอเปล่าครับ”

อินซอบเอ่ยถาม

ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยในความรู้สึกของอีอูยอน แต่เขายังไม่สามารถลบความคิดที่ว่าตัวเองยังดีไม่พอสำหรับอีกฝ่ายออกไปได้ต่างหาก เขาไม่รู้ว่ามันจะดีหรือเปล่าที่ตัวเขาที่มีร่างกายอ่อนแอทั้งๆ ที่เป็นผู้ชาย และเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรจะอยู่ข้างอีกฝ่ายไปทั้งชีวิต…

“ผม…”

อีอูยอนนิ่วหน้าราวกับการพูดต่อเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด

“ผมไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าคุณยังชอบผมอยู่ เป็นแบบนั้นได้ยังไง…”

น้ำเสียงของอีอูยอนที่มักจะเนิบช้าและผ่อนคลายอยู่เสมอแหบแห้ง เขาเป็นผู้ชายที่ไม่กลัวอะไร ทั้งยังมีพร้อมทุกอย่าง ทุกครั้งที่เห็นอีกฝ่ายซึ่งเป็นแบบนั้นทำตัวไม่ถูกเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่ประสา อินซอบจะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในลำคอ

อินซอบอยากถาม

ผมจะไม่รักคุณที่เป็นแบบนั้นได้ยังไง

“คุณอูยอน”

อินซอบเอ่ยเรียกชื่อของคนรักเบาๆ จากนั้นก็คุกเข่าข้างหนึ่ง และยื่นกล่องใส่แหวนให้

“…แต่งงานกับผมได้ไหมครับ”

แหวนเป็นแหวนคุณภาพต่ำที่ซื้อมาจากร้านขายของที่ระลึก และนี่ก็เป็นการของแต่งงานที่เรียบง่ายโดยไม่มีเพลงเพราะๆ ดอกไม้ ลูกโป่ง หรือเรื่องเซอร์ไพรส์ที่มักจะมีให้เห็นดาษดื่นเลย

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจ ถ้าอีอูยอนบอกว่าดี เขาก็คิดว่ามันไม่เป็นไร…

อีอูยอนมองอินซอบที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงหน้า และพยักหน้า

“ช่วยสวมให้หน่อยได้ไหมครับ”

อีอูยอนว่าพลางยื่นมือซ้ายของตัวเองออกไป อินซอบรีบลุกขึ้น และสวมแหวนลงบนนิ้วนางของอีอูยอน แต่แหวนที่ซื้อมาโดยไม่รู้ไซซ์กลับติดอยู่ตรงข้อนิ้วและไม่สามารถใส่เข้าไปได้จนสุด อินซอบโอดครวญพร้อมกับดันแหวนเข้าไป แต่ถึงอย่างนั้นแหวนก็ไม่ขยับ สุดท้ายอีอูยอนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ขอโทษครับ ถ้ากลับถึงเกาหลีแล้วผมจะวัดไซซ์และซื้อแหวนที่ดีกว่านี้ให้…”

“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องครับ เพราะผมชอบแหวนวงนี้มาก”

อีอูยอนขยับแหวนที่ติดอยู่กลางนิ้วของตนดูพลางยิ้ม ใบหน้าของอินซอบแดงขึ้นเรื่อยๆ

“จูบสาบานล่ะ?”

อีอูยอนเคาะแก้มของตัวเองพลางเอ่ยถาม ตอนที่อินซอบยื่นริมฝีปากเข้าไปเพื่อจะหอมแก้ม อีอูยอนก็หันหน้ามาและประกบริมฝีปากแทน นี่เป็นจูบที่นุ่มนวลชวนให้จั๊กจี้เท้า อีอูยอนใช้ฝ่ามือหนาของตนกุมแก้มของอินซอบไว้และขยับริมฝีปากอย่างต่อเนื่อง

“อินซอบ”

สิ้นเสียงเอ่ยเรียก อินซอบก็ลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเห็นอีอูยอน อีกฝ่ายกำลังมองตนด้วยรอยยิ้ม หากได้รักและถูกรัก ไม่ว่าอะไรก็ดีทั้งนั้น เพราะเขาคิดว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร…อีอูยอนกระซิบที่ข้างหูของอินซอบอีกสองสามคำ อินซอบร้องไห้พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ อีอูยอนจึงพูดว่า “ทำไมถึงร้องไห้ในวันที่ดีแบบนี้ล่ะครับ” และตบหลังอินซอบเบาๆ

บนท้องฟ้าที่สลัวเล็กน้อยมีดาวอยู่ไม่กี่ดวง และแมลงก็ร้องระงมพร้อมกับลมยามค่ำคืนที่หอบเอากลิ่นหญ้ามาด้วย

ค่ำคืนนี้แม้จะธรรมดาจนไม่เหลืออยู่ในความทรงจำ แต่ก็เป็นค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบ

***

หัวหน้าทีมชาตั้งใจจะเปิดวิทยุ พอนึกถึงอีอูยอนที่นั่งอยู่ข้างหลัง เขาก็เก็บมือลงด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

“เปิดได้ครับ”

“…”

หมอนี่เป็นอะไร

หัวหน้าทีมชาเหลือบมองอีอูยอนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะเปิดวิทยุ อีอูยอนพลิกหน้ากระดาษและฮัมเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุ

“…อีอูยอน ฉันไม่ได้ห่วงนายหรอกนะ แต่ถ้าจะให้พูดอะไรสักอย่างก็ล่ะก็ ไปบำบัดสาร…”

“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ครับ คิดว่าผมใช้ยางั้นเหรอครับ”

อีอูยอนหงุดหงิดและทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

ถ้าดูจากลักษณะท่าทางแบบนั้นแล้ว เขาคือไอ้คนเฮงซวยอีอูยอนไม่ผิดแน่

หัวหน้าทีมชาเหลือบมองด้านหลังผ่านกระจกมองหลังอยู่ตลอดเวลา

หลังจากกลับจากฮาวาย อีอูยอนก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกรรมการผู้จัดการคิมสักคำ ทั้งยังทำตัวว่านอนสอนง่าย เขาถ่ายโฆษณาถึงสองชิ้น และบอกว่าจะถ่ายเพิ่มอีกชิ้นด้วย แม้กระทั่งวันนี้ก็ให้สัมภาษณ์เสร็จไปถึงสามที่แล้วเหมือนกัน ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ขึ้นมาบนรถวันนี้ อีอูยอนยังทักทายหัวหน้าทีมชาว่า “อรุณสวัสดิ์” ด้วย

อรุณสวัสดิ์งั้นเหรอ ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันขับรถรับส่งแกมาตั้งกี่ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นวันแย่ๆ ทั้งหมดหรือไง จะต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่ๆ แต่ไม่ใช่ยา …หรือว่าดื่มเหล้ามาเหรอ?

“หัวหน้าทีม”

“มีอะไร”

หัวหน้าทีมชาที่สูดจมูกดังฟืดฟาดเอ่ยตอบอย่างตื่นตกใจ

“ฮาอึนสบายดีไหมครับ”

“ฮาอึน?”

“อึนซอกับมินจุน แล้วก็เด็กที่เข้าเรียน ม.ปลายรอบนี้คือจียุลใช่ไหมครับ”

“พูดเรื่องอะไร…ทำไมนายถึงรู้จักชื่อหลานของฉันทุกคนเลยล่ะ”

อีอูยอนยิ้มอย่างสดใสก่อนโต้ตอบ

“เพราะผมสงสัยว่าใครที่กำลังคบหากับคุณอินซอบอย่างจริงจังจนถึงขั้นจะแต่งงานน่ะครับ”

ดูเหมือนเขาจะได้ยินบทสนทนาในวันนั้น

“นี่! ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ! ว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา! ไอ้คนไม่รู้จักบุญคุณ!”

“ช่างหัวบุญคุณอะไรนั่นเถอะ ต่อไปก็ช่วยห้ามไม่ให้เด็กพวกนั้นมาโผล่แถวๆ บริษัทของเราด้วยนะครับ”

“เด็กที่อายุมากที่สุดในบรรดาหลานของฉันคือจียุลที่เพิ่งขึ้น ม.ปลายนะ นี่เป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผลเลย ต่อให้เขามีโอกาสมาเที่ยวเล่นที่บริษัท…”

อีอูยอนเชิดหน้าและรอคำพูดที่จะตามมา เขามีรูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามเกินไปสำหรับคนบ้าที่โหดร้าย เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าหลานๆ ที่เป็นเด็กจะต้องถูกใครสักคนขโมยหัวใจไปหากมาเล่นที่บริษัท เพราะยิ่งเด็กเท่าไรก็ยิ่งถูกสิ่งที่เป็นประกายล่อลวงมากเท่านั้น

“…ไม่มาหรอก พวกเขาจะไม่มาเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเลิกสนใจได้แล้ว”

“ฮ่าๆๆ ได้ครับ งั้นผมจะเชื่อหัวหน้าทีม และจะไม่กังวลอีกครับ”

หัวหน้าทีมชาถอนหายใจ และตำหนิอีอูยอนว่า “นายกำลังบอกว่าตัวเองเป็นห่วงเรื่องนั้นเหรอ”

“แน่นอนอยู่แล้วสิครับ”

อีอูยอนพลิกหน้ากระดาษไปหน้าหนึ่งก่อนจะย้อนตอบ

“คนอย่างผมยังร่วงลงไปเลย ก็ไม่แปลกหรอกครับที่ใครจะตกหลุมรักเขาได้เหมือนกัน”

“…”

โอ๊ย หวานมากซะจนหูฉันเน่าหมดแล้ว

หัวหน้าทีมชาเพิ่มเสียงวิทยุด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่อีอูยอนที่คิดว่าจะพูดว่าหนวกหูกลับอ่านหนังสือโดยไม่พูดอะไรสักคำ

หัวหน้าทีมชาเหลือบมองอีอูยอนอีกครั้ง อีกฝ่ายไม่ได้ต่างไปจากปกติมากนัก หากตัดเรื่องใบหน้าที่เกรียมแดดเล็กน้อยจากแดดที่ฮาวายซึ่งทำให้ดูสมเป็นชายชาตรีขึ้นออกไป

อีอูยอนอ่านหนังสือพร้อมกับลูบแหวนที่สวมไว้ที่นิ้วนางของตัวเองอย่างเคยชิน

“นั่นมันอะไรน่ะ ที่นายใส่ไว้ที่นิ้ว”

หัวหน้าทีมชาเอ่ยถาม

“แหวนแต่งงานครับ”

อีอูยอนตอบโดยไม่เงยหน้า

พูดจาไร้สาระไม่หยุดเลย…เฮ้อ ให้ตายเถอะ อย่าพูดดีกว่า

หัวหน้าทีมชาถอนหายใจก่อนจะหันหน้ากลับไปมองตรงๆ ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็โผล่เข้ามาในหัว เขาจึงเอ่ยเรียกอีกฝ่าย

“มีอะไรครับ”

“บอกว่ามีธุระแล้วทำไมไม่ลงจากรถไปล่ะ”

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ อีอูยอนก็ยื่นที่อยู่มาให้และขอให้พาไปตามที่อยู่นั้นเพราะมีธุระ และยื่นที่อยู่ให้ เนื่องจากยังมีเวลาเหลืออีกประมาณสองชั่วโมงกว่าจะถึงการสัมภาษณ์อีกอันหนึ่ง หัวหน้าทีมชาจึงขับรถมาโดยไม่พูดอะไร

“เพราะเขายังไม่ออกมาก็เลยไม่ลงไปน่ะสิครับ”

“ใคร…”

ในขณะที่กำลังจะถามว่าใครยังไม่ออกมา เขาก็เห็นอินซอบเดินออกมาจากตึกของสถานรับเลี้ยงเด็ก

“เขาไม่ยอมบอกผม แต่ผมรู้มาว่าเขามาทำกิจกรรมอาสาที่นี่เป็นบางครั้งครับ เป็นอาสาสอนภาษาอังกฤษ”

“เฮ้อ เป็นคนที่ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งเป็นคนใจดีจริงๆ”

หัวหน้าทีมชามองอินซอบที่หัวเราะและพูดคุยกับคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กพลางชื่นชม

“ว่าแต่อินซอบไม่บอกแล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเขามาที่นี่”

อีอูยอนเอาจุดสีแดงที่กะพริบอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ดูแทนคำตอบ

“…นายรู้ไหมว่าการสะกดรอยตามเป็นเรื่องผิดกฎหมาย”

พอลองคิดดูแล้ว ที่ฮาวายเองอีอูยอนก็รู้ตำแหน่งที่อินซอบกำลังจะไปราวกับผีบอกเหมือนกัน

“สะกดรอยตามเหรอครับ นี่เป็นความใส่ใจที่แฝงไปด้วยความรักต่างหาก”

“ถ้าอินซอบรู้…”

หัวหน้าทีมชาที่กำลังจะต่อว่าว่า “เขาอาจจะไม่ชอบ เพราะมันน่ารังเกียจก็ได้” ปิดปากสนิท เขาเห็นอีอูยอนนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำตาเป็นประกายและกลั้นยิ้มไว้ราวกับเป็นเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความขี้เล่น

…ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ

“ต่อให้เขารู้ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ”

“ว่าไงนะ”

“เพราะผมจะไม่หย่าให้”

หัวหน้าทีมชาหันกายกลับไปยังตำแหน่งเดิม เขาคิดว่าอีกฝ่ายเอาแต่พูดเพ้อเจ้อมาตั้งแต่เมื่อกี้เหมือนกินอะไรผิดสำแดงมา อีอูยอนดึงดอกกุหลาบออกมาจากช่อดอกไม้หนึ่งดอก ช่อดอกไม้นี้เขาได้รับมาจากนักข่าวที่สัมภาษณ์เขาวันนี้และบอกว่าเป็นแฟนคลับของเขา

“อีกหนึ่งชั่วโมงค่อยมาที่นี่นะครับ”

“เฮ้ย นายสาย…”

อีอูยอนเปิดประตูรถและลงจากรถไปก่อนที่เขาจะทันได้พูดว่า “สายไม่ได้” จบ อีอูยอนที่ดึงหมวกลงมาปิดหน้าเดินเข้าไปและแกล้งใช้เข่าของตัวเองกระแทกข้อพับเข่าของอินซอบ พอตัวของอินซอบล้มลงไปด้านหน้า อีอูยอนก็รีบรับอีกฝ่ายไว้และหัวเราะอย่างมีความสุข พอเห็นภาพนั้น หัวหน้าทีมชาก็รีบหยิบแว่นกันแดดออกมาใส่

โอ๊ย แสบตา

พออีอูยอนใช้ดอกกุหลาบเคาะหัวอินซอบเบาๆ และพูดอะไรบางอย่าง อินซอบมองไปรอบๆ อย่างตื่นตกใจ ต่อให้ไม่ได้ยินก็รู้ว่าอีอูยอนจะต้องพูดคำพูดลามกที่ไม่สมควรพูดออกมาอีกแน่ๆ…โชคดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ยิน

หัวหน้าทีมชาเดาะลิ้นพลางส่ายหน้า เขาไม่อยากกังวลเรื่องสองคนนั้นอีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจด้วย

ยังไงก็เป็นความรักของคนอื่นอยู่แล้ว

เพลงรักที่ไม่รู้จักชื่อดังออกมาจากวิทยุ หัวหน้าทีมชาฮัมเพลงพร้อมกับออกรถ

ก้อนเมฆของช่วงบ่ายที่แสนจะผ่อนคลายลอยผ่านหน้าต่างรถด้านข้างไป

< Side Story < Love Story > จบ >

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท