บทที่ 306 ผลงานสุดท้าย แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ!
“เซี่ยเหยียนนี่เก่งจริง ดูผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรเหล่านั้นกลัวเข้า!”
หลี่จิ่วเต้าเห็นสถานการณ์ฝั่งเซี่ยเหยียนแล้วขำในใจไม่หยุด
ตลกเกินไปแล้ว
เพื่อไม่ต้องสู้กับเซี่ยเหยียน ทั้งหักแขน ทั้งฟาดหัว โหดเกินไปแล้ว!
การประลองยุทธ์ลับฝีมือ
การประลองฝีมือบนยอดเขาเป็นช่วงที่ดึงดูดสายตา และสร้างความบันเทิงมากที่สุด
สิ่งมีชีวิตชั้นยอดระดับโอรสธิดาสวรรค์ต่างอยู่บนยอดเขา!
ไม่ว่าจะเป็นยอดเขา หรือชั้นต่าง ๆ ที่อยู่ใต้นั้น ต่างมีการจัดเตรียมพิเศษโดยตระกูลซาง การประลองฝีมือนี้ ไม่มีผู้ใดกีดขวางผู้ใด ซ้ำคลื่นพลังก็ไม่แผ่กระทบไปด้านนอกด้วย
หากปราศจากการจัดเตรียมเช่นนี้ ปล่อยให้คลื่นพลังรั่วไหล ทั้งเขาหยงหมิงคงราบเป็นหน้ากลองไปนานแล้ว
“อมิตาภพุทธ”
บนยอดเขา ชายหนุ่มผู้หนึ่งท่องนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า เจิดจรัสแยงตาเป็นพิเศษ
พลังธรรมะเอ่อล้นออกจากตัวเขา ด้านหลังมีนิมิตแดนฝอปรากฏ สิ่งมีชีวิตภายในต่างสวดมนต์ไม่หยุดหย่อน ภาพที่เห็นนั้นยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม!
เขาคือลูกศิษย์ของพระโพธิสัตว์หฤทัยผ่องแผ้ว ฉายาฮุ่ยคง มีความสามารถโดดเด่นในหมู่คนวัยเยาว์ของพุทธศาสนา
นิมิตแดนฝอปรากฏ ตัวเขาราวกับยืนตระหง่านองอาจไม่มีวันพ่ายแพ้
ฝ่ามือที่ฟาดลงมา ประหนึ่งทั้งผืนนภาได้ถล่มทับลงมา ฉายานักรบพระโพธิสัตว์ปรากฏ พร้อมด้วยบารมีดุดันไร้เทียมทาน!
คู่ต่อสู้ของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน
น่าเสียดาย ใต้ฝ่ามือระดับนี้ ต่อให้คู่ต่อสู้ของเขาสำแดงวิชาทั้งหมดที่มีก็สู้ไม่ไหว ยับยั้งไม่ได้เลย!
“ดัชนีตัดสวรรค์!”
ธิดาสวรรค์ผู้โดดเด่นแห่งลัทธิเจี๋ยเทียน เจียงหราน ก็ลงสนามร่วมประลองยุทธ์เช่นกัน
คู่ต่อสู้ของนางทรงพลังมาก สร้างความกดดันให้นางไม่น้อย จนนางต้องใช้สุดยอดวิชาก้นหีบแห่งลัทธิเจี๋ยเทียน!
สิ่งใดหรือคือดัชนีตัดสวรรค์?
คือการรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่นิ้ว หากบำเพ็ญจนถึงระดับสูงสุด สามารถตัดได้แม้กระทั่งผืนฟ้า!
นิ้วที่เจียงหรานยื่นออกไปส่องแสงสว่างเจิดจ้า พลังมหาศาลหลอมรวมอยู่บนนิ้วของนาง สำแดงปรมัตถ์ของดัชนีตัดสวรรค์ออกมาได้อย่างถ่องแท้!
เสียงดัง ‘ตู้ม!’ ดัชนีตัดสวรรค์ปลดปล่อยพลัง ลำแสงดุจสายรุ้งถล่มไปหาคู่ต่อสู้ของนาง พร้อมด้วยคลื่นพลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง
คู่ต่อสู้ของนางก็แสดงสุดยอดวิชาเช่นกัน ท้องนภาอันมีหมู่ดาวดารดาษปรากฏ ดารานับคณาหลอมรวมเป็นลำธาร เข้าปะทะดัชนีตัดสวรรค์ของเจียงหราน
อนิจจา เจียงหรานเหนือชั้นกว่า ดัชนีตัดสวรรค์ทลายหมู่ดาวดารดาษ ท้องนภาแหลกสลาย คู่ต่อสู้ปราชัยแก่นาง
โฮก โฮก โฮก!
ซวานหนีเลือดบริสุทธิ์ตัวหนึ่งคำราม บารมีดุดันของสัตว์อสูรฉายชัด สายเลือดของมันเป็นรองเพียงสิบอสูรร้ายเท่านั้น น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก!
นัยน์ตาของมันแดงก่ำ รัศมีมุ่งร้ายเข้มข้นรุนแรง ผิวหนังเส้นขนชั้นนอกแดงฉาน ดูคล้ายเปลวเพลิงลุกโชติ กำยำยิ่งกว่าราชสีห์ มีเขากวางอยู่บนหัว เมฆแดงพลุ่งพล่านอยู่รอบ ๆ ราวกับมันเป็นจ้าวแห่งอัคคี!
ทะเลเพลิงโหมซัด ประหนึ่งลาวาไหลเชี่ยว ตัวมันน่ากลัวเกินไป มีความสามารถควบคุมไฟ เพียงไม่นานคู่ต่อสู้ของมันก็ต้านทานไม่ไหว พ่ายแพ้ในที่สุด
ติ๊ง~!
เจียงอวี่สือธิดาสวรรค์จากหุบเขาคงหลิงผู้ได้รับสมญานามจากคนที่ชื่นชอบในตัวนางว่า ‘นางฟ้าฉิน’ ศัตรูเรียกขานนางว่า ‘มารฉินพิฆาต’ ก็ลงสนามด้วยเช่นกัน ประลองยุทธ์ลับฝีมือกับผู้อื่น
นางดีดฉินเป็นบทเพลง สูงส่งปราศจากคาวโลกีย์ ดูคล้ายนางเซียนท่านหนึ่งจริง ๆ เนื้อตัวเปล่งประกายวาววาม รูปโฉมวิจิตรงดงามไร้ซึ่งจุดบกพร่อง บุคลิกโดดเด่นเหนือชั้น
ทว่าบทเพลงที่นางดีดนั้นกลับชวนให้ผู้ฟังวิตก
เมื่อบทเพลงเริ่มขึ้น ดนตรีแฝงไว้ซึ่งนัยแห่งการดับสูญของสรรพสิ่ง ผู้ใดได้ฟังต่างรู้สึกอัดอั้น ประหนึ่งว่าวันอวสานของโลกได้มาถึง ชวนให้หายใจไม่ออกราวกับถูกบีบคอไว้แน่น!
คู่ต่อสู้ของนางหน้าซีดเผือด ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย เพลงฉินเยี่ยงนี้ส่งผลให้จิตใจของเขาแทบสะบั้น กดดันเหลือแสน!
ไม่นานนัก คู่ต่อสู้ของนางก็ทนไม่ไหว ออกปากยอมแพ้ ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับไปวนหน้าประตูนรกมาหนึ่งรอบ!
มารฉินพิฆาต…สมญานามนี้ สมกับความสามารถของเจียงอวี่สือแล้ว!
หากศึกนี้มิใช่การประลองยุทธ์ลับฝีมือ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิต เกรงว่าคู่ต่อสู้ของนางคงเลือกระเบิดตนเองท่ามกลางเสียงดนตรีเยี่ยงนี้แล้ว…
“!!!”
หลิงอินมีสีหน้าประหลาด สะท้านใจอย่างยิ่งยวด
นางจับตาดูด้านเจียงอวี่สืออยู่ตลอด
ครานั้น ยามเจียงอวี่สือเพิ่งเริ่มบรรเลงบทเพลงนี้ นางก็รู้สึกคุ้นเคย
และความคุ้นเคยนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ คล้อยตามการบรรเลงของเจียงอวี่สือ!
‘นี่คือ ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ เพลงฉินบทสุดท้ายที่ข้าแต่ง มิใช่หรือ!’
นางตะโกนในใจ
มิน่านางถึงฟังแล้วให้ความรู้สึกคุ้นเคย นี่มันบทเพลงที่นางแต่งเองมิใช่หรือ
ทว่ามีข้อแตกต่างบางประการอยู่ บทเพลงนี้ผ่านการเรียบเรียงใหม่มาแล้ว
‘เป็นการเรียบเรียงใหม่โดยเสี่ยวหยาเอง หรือเป็นการเรียบเรียงใหม่โดยหุบเขาคงหลิง หากเสี่ยวหยาเป็นผู้เรียบเรียงใหม่เอง เสี่ยวหยาคงเหนือข้าไปแล้วในตอนท้าย!’
นางคิดในใจ รู้สึกถึงความแตกต่างของบทเพลง
‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ ที่เจียงอวี่สือบรรเลง ยอดเยี่ยมกว่า ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ อันเป็นผลงานของนางอย่างไม่ต้องสงสัย ความรู้สึกว่าสรรพสิ่งกำลังจะดับสูญนั้นรุนแรงยิ่งกว่า แรงกดดันที่ชวนหายใจไม่ออกหนักหนายิ่งกว่า!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ ที่เจียงอวี่สือบรรเลงเหนือกว่า ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ ของนางไปแล้ว!
‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ เป็นเพลงฉินบทสุดท้ายที่นางแต่ง
ครานั้น อายุขัยของนางใกล้สิ้นสุด นางรู้สึกถึงความลำเค็ญของการฝึกฝนได้อย่างลึกซึ้ง จึงได้แต่งบทเพลง ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ นี้
เพลงฉินบทนี้ นางเคยบรรเลงให้เสี่ยวหยาฟังแต่เพียงผู้เดียว ท้ายที่สุดก็ถ่ายทอดให้เสี่ยวหยา
เจียงอวี่สือบรรเลงบทเพลง ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ นี้ได้ ยิ่งพิสูจน์ว่านางมีความเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหยา!
เสี่ยวหยามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะในวิถีฉินนี้ยิ่งโดดเด่นกว่าใคร แข็งแกร่งยิ่งกว่านางเสียอีก ครานั้น นางเคยกล่าวว่าความสำเร็จในอนาคตของเสี่ยวหยาอาจสูงส่งกว่านาง
หาก ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ นี้เป็นผลงานเรียบเรียงของเสี่ยวหยาจริง นางยินดีเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วเสี่ยวหยาแข็งแกร่งกว่านางจริง ๆ ก้าวสู่เส้นทางจักรพรรดิ!
เสี่ยวหยายังก้าวเดินบนเส้นทางจักรพรรดิไปได้ไกลอีกด้วย นางสัมผัสถึงระดับจิตใจของมหาจักรพรรดิได้จากบทเพลง ‘แสวงหาวิถีแสนลำเค็ญ’ นี้
ท้ายที่สุด เสี่ยวหยาอาจสำเร็จตัวตนมหาจักรพรรดิ!
‘ไม่ว่าอย่างไร…หุบเขาคงหลิงแห่งนี้ก็มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับเสี่ยวหยา’
หลิงอินคิดในใจ
นางตัดสินใจว่าสายหน่อยจักไปถามเจียงอวี่สือ
การประลองยุทธ์ลับฝีมือบนยอดเขานั้น แต่ละคู่ล้วนยิ่งใหญ่น่าดูชม สมกับฉายาบุตรธิดาสวรรค์ผู้โดดเด่น
ทว่าฝ่ายที่ดึงดูดสายตาที่สุดยังคงเป็นพวกอ้ายฉาน
พวกอ้ายฉานนั้นดุดันกันทั้งนั้น คู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันทีที่เริ่มการต่อสู้ ถูกกำราบความสามารถอย่างหนัก ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย!
“บัดซบ!”
“ไม่…กระมัง!”
คู่ต่อสู้แต่ละคนของพวกอ้ายฉานมีสีหน้าย่ำแย่กันทั้งหมด
เดิมพวกเขาดูแคลนพวกอ้ายฉาน นึกในใจอยู่ว่าเด็กกะโปโลไม่กี่คนจะเก่งกาจกระไร
หากไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่ของพวกเขาสั่งให้พวกเขาลงสนามต่อสู้กับพวกอ้ายฉาน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางประลองยุทธ์กับพวกอ้ายฉาน
แต่หลังจากพวกเขาแต่ละคนได้ประมือกับพวกอ้ายฉาน ก็งุนงงไปในบัดดล
นี่มันเรื่องอันใดกัน ดุดันเกินไปแล้ว!
เด็กกะโปโลอายุไม่กี่ขวบแปดคนนี้ มีระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตพรตเต๋าทั้งหมด เฉกเช่นเดียวกับพวกเขา!
กระนั้นพวกอ้ายฉานมีวิชาอภินิหาร แต่ละอย่างล้วนสูงส่งเกินมนุษย์ น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง!
พวกเขาตกใจแทบแย่ อย่าให้พูดเลยว่าระทมใจปานใด
พวกเขาซึ่งเรียกขานตนเองว่าเป็นอัจฉริยะ ผลสุดท้ายกลับสู้เด็กกะโปโลไม่กี่คนนี้ไม่ได้ ตกอยู่ในสภาพถูกทำร้ายฝ่ายเดียว…อย่าให้พูดเลยว่าขายหน้าเพียงใด!
หากรู้เช่นนี้แต่แรก ต่อให้พวกเขาต้องโดนผู้ใหญ่ของตนตีจนตาย ก็ไม่มีทางลงสนามมาเด็ดขาด!
มีผู้ชมอยู่ตั้งมากตั้งมาย พวกเขากลับเป็นฝ่ายถูกพวกอ้ายฉานบดขยี้ทุกรูปแบบ…
รู้สึกแย่ชะมัด!