ขันทีจิ้นจงในพระราชวังอดกลั้นเสียงหัวเราะอย่างไร ฮ่องเต้คาดเดาอย่างไร เฉินตันจูไม่รู้และไม่สนใจ นางเดินทางเข้าไปในค่ายทหารอย่างไร้สิ่งกีดขวาง รู้สึกว่าการเข้าไปในค่ายทหารนั้นง่ายกว่าการเข้าพระราชวังเป็นอย่างมาก
เมื่อต้องการเข้าพระราชวัง ต้องมีการรายงานที่หน้าประตูวังเสียก่อน แต่การเดินทางมายังค่ายทหาร นางเปิดปากตอนที่ถึงกระโจมของแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้ว
“ท่านแม่ทัพ” จู๋หลินพูดขึ้นข้างนอก “คุณหนูตันจู…”
เขายังพูดไม่ทันจบ เฟิงหลินเปิดม่านออกมาด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูตันจูรีบเข้าไปข้างในเถิด”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา เดินเข้าไปอย่างมีความสุข
ภายในกระโจมมีเสื่อสักหลาดวางอยู่ แม่ทัพหน้ากากเหล็กสวมชุดเกราะ ด้านหน้ามีกระดานหมากรุก หมากสีขาวดำกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ไต้ฟูคนนั้น…หวังเจียนนั่งอยู่ตรงข้าม ถือหมากรุกไว้ในมือด้วยสีหน้าไม่มีความสุข เฉินตันจูเอ่ยปากเรียกขานออกมาได้คำเดียว “ท่านแม่ทัพข้า…” หวังเจียนก็ขัดจังหวะนาง ชี้ไปยังที่นั่งรับรองแขกทางหน้าประตู “หยุด เจ้าไปนั่งรอก่อน อย่าเสียงดัง ข้ากำลังจะชนะ”
เฉินตันจูไม่พูดสิ่งใดอย่างเชื่อฟัง แต่นางไม่ได้เดินไปนั่งที่หน้าประตูตามคำบอก หากแต่นั่งลงข้างกระดานหมากรุก นางจ้องมองกระดานหมากรุกด้วยความสนใจอย่างมาก ก่อนจะชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่ง
“ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังจะชนะ” นางพูดอย่างชื่นชม “ลงหมากตรงนี้ช่างล้ำเลิศ”
หวังเจียนจ้องมองทันที “นี่…”
ทางแม่ทัพหน้ากากเหล็กจึงลงหมากในตำแหน่งนั้น สถานการณ์บนกระดานหมากรุกก็พลิกกลับทันที เขาหัวเราะ “เอาล่ะ ข้าชนะแล้ว”
หวังเจียนชี้ไปยังเฉินตันจูด้วยความโกรธ “ดูหมากไม่พูดถือเป็นบุรุษที่แท้จริงเจ้ารู้หรือไม่”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “หวังไต้ฟู ข้าไม่ใช่บุรุษ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กโบกมือ “ทักษะหมากรุกของข้าแย่เพียงนี้ เจ้าชนะไม่โปร่งใส มีอันใดน่าดีใจ”
หวังเจียนส่งเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่สนชนะแบบไม่โปร่งใสอันใดทั้งนั้น ชนะท่านข้าก็ดีใจ” พูดพลางเรียกขานแม่ทัพหน้ากากเหล็ก “อีกตา อีกตา”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กส่ายหัว “ข้าไม่ชอบเล่นหมากรุกอยู่แล้ว ไม่เล่นแล้ว” มองไปยังเฉินตันจู “เจ้ามาได้อย่างไร”
จริงด้วย เดิมทีไม่ชอบเล่นหมากรุก แต่เนื่องจากเบื่อหน่ายเป็นอย่างมากจึงลากเขามาเล่น ตอนนี้คนที่น่าสนใจมาแล้ว จึงทอดทิ้งเขา หวังเจียนนั่งยิ้มเย้ยหยันอยู่ด้านข้าง ก่อนจะเก็บหมากบนกระดาษทีละตัว จากนั้นเล่นกับตนเอง…อย่างไรเขาก็ไม่มีทางจากไป เขาต้องการดูว่าเฉินตันจูนี้มาทำอันใดอีก
เฉินตันจูไม่ได้สนใจว่าหวังเจียนจะอยู่หรือไม่ สำหรับนางแล้ว หวังเจียนก็เหมือนกับท่านแม่ทัพ อย่างไรแล้วตอนที่นางพบกับท่านแม่ทัพครั้งแรก หวังเจียนก็อยู่ อีกทั้งครานี้ มีหวังเจียนฟังอยู่ด้านข้างน่าจะดีกว่า
“ข้ามีเรื่องอยากถามท่านแม่ทัพ” นางพูด
คุณหนูตันจูเอ่ยปากเช่นนี้ไม่บ่อยนัก ปกติแล้วนางมักจะพูดประจบประแจงท่านแม่ทัพด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานก่อนไม่ใช่หรือ หวังเจียนเหล่มองมา
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดเพียงว่า “พูด”
“ข้าได้ยินว่าอาการประชวรขององค์ชายสามหายดีแล้ว” เฉินตันจูถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย อีกทั้งยังมีความหวาดกลัวเล็กน้อย กดเสียงต่ำลง “เพราะกินเนื้อคนจริงหรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “เจ้าก็เป็นไต้ฟูไม่ใช่หรือ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“ข้าเป็นไต้ฟู แต่ข้าไม่เคยศึกษาวิธีกินเนื้อคนเพื่อรักษาโรค” เฉินตันจูพูด ลดเสียงลงอีกครั้ง “ท่านแม่ทัพครานี้คงไม่ใช่แผนการของท่านอ๋องฉี ใช้มนตร์ดำหลอกล่อองค์ชายสามไปเมืองฉี จากนั้นสังหารเขาใช่หรือไม่”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กยิ้ม กล่าวว่า “หากมีมนตร์ดำเช่นนี้ ท่านอ๋องฉีจะใช้บนตัวขององค์ชายสามได้อย่างไร เขาไม่ใช้บนตัวฝ่าบาท ก็คงใช้บนตัวข้า”
ท่านแม่ทัพรู้สึกภาคภูมิใจมาก เฉินตันจูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ตามด้วยคำชม “ถูกต้อง ถูกต้อง ความมั่นคงของบ้านเมืองขึ้นอยู่กับฝ่าบาทและท่านแม่ทัพสองคน แต่ว่า ท่านแม่ทัพให้คนมาบอกเรื่ององค์ชายสามในเมืองฉีกับข้าได้หรือไม่ ข้ารู้สึกสงสัยอย่างมาก ไต้ฟูที่เก่งอย่างข้ายังรักษาไม่ได้ แต่หญิงสาวเมืองฉีกลับรักษาได้”
ไม่ใช่ความอยากรู้ แต่เป็นความไม่พอใจ หญิงสาวคนนี้ยังคงพูดด้วยคำหวาน หวังเจียนบีบตัวหมากอยู่ด้านข้าง “คุณหนูตันจู เจ้าต้องรู้ว่ามีคนอยู่เหนือกว่า มีภูเขาอยู่สูงกว่า มาๆ อย่าได้คิดเรื่องเหล่านี้ ในเมื่อคุณหนูตันจูช่วยท่านแม่ทัพชนะได้ มาประลองกับข้าสักตาเถิด”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “จริงๆ แล้ว ทักษะหมากรุกของข้าธรรมดา ก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพมีโอกาสชนะอยู่แล้ว ข้าจึงโชคดีแนะนำ ข้ามีความรู้จักตนเองเป็นอย่างดี”
เจ้าเด็กปากคอร้ายกาจ หวังเจียนเบ้ปาก
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ได้ ข้ารู้แล้ว” เขาเรียกเฟิงหลิน เฟิงหลินเดินเข้ามาจากด้านนอก “ทิศทางของทางเมืองฉี จัดเตรียมทหารส่งข่าวให้คุณหนูตันจูคนหนึ่ง”
เฟิงหลินตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เฉินตันจูกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ “มีท่านแม่ทัพอยู่ ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องใด”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กถาม “โจวเสวียนไปแล้วหรือไม่”
“ไปแล้ว ไปแล้ว” เฉินตันจูรีบพูด “ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวล มีชื่อเสียงของท่านอยู่ เขาไม่กล้าทำอันใดข้า วันนี้เขาจากไปแล้ว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพยักหน้า “ดูเหมือนจะคิดได้แล้ว”
หมายถึงเรื่องโจวเสวียนเข้าใจผิดเรื่องที่นางชอบเขาดังนั้นจึงปฏิเสธงานแต่งกับองค์หญิงจินเหยาหรือ ก็ใช่ โจวเสวียนเพิ่งปฏิเสธงานแต่งกับองค์หญิง จากนั้นจึงย้ายมาในอารามของนาง คนทั่วไปย่อมต้องคิดถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ ถึงแม้เชิงเขาจะมีขันทีของฮ่องเต้บอกว่ามาพักรักษาร่างกาย แต่เมื่อเวลานานไปก็ไร้ประโยชน์
ถึงแม้อาเถียนไม่บอกนาง แต่นางก็รู้ว่าคนในโรงน้ำชาต่างพูดกัน หลังจากที่เฉินตันจูลักพาตัวบัณฑิต เกาะเกี่ยวองค์ชายสามแล้ว นางยังหลอกลวงท่านโหวโจวอีก…
เฉินตันจูยิ้มเจื่อน “ใช่ ท่านโหวโจวเป็นคนฉลาด เขาคิดได้แล้ว การใช้ชื่อข้าปฏิเสธงานแต่งกับองค์หญิงไม่เหมาะสมนัก”
หวังเจียนหัวเราะ “คุณหนูตันจู เจ้าถ่อมตนเกินไป หากให้ข้าพูด บนแผ่นดินนี้นอกจากเจ้าไม่มีผู้ใดเหมาะสมกว่าแล้ว”
ชายผู้นี้น่ารำคาญเสียจริง เฉินตันจูถลึงตาใส่เขาอย่างไม่เกรงใจ ตะโกนเรียก “ท่านแม่ทัพ…ผู้อื่นเข้าใจข้าผิด หัวเราะเยาะข้าไม่เป็นอันใด แต่ท่านคิดเช่นนี้ไม่ได้” นางพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตากำลังจะร่วงหล่นลงมา
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตำหนิหวังเจียน “ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก”
หวังเจียนถอนหายใจในใจ มองไปทางเฉินตันจูที่กำลังเบะปาก ดวงตาชุ่มฉ่ำ เลิกคิ้วมองเขาด้วยท่าทางได้ใจ หญิงสาวผู้นี้!
เฉินตันจูพอใจ ก่อนจะยื่นขวดขนาดเล็กมาให้ “ท่านแม่ทัพ สิ่งนี้คือน้ำตาลเม็ดที่ข้าทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับท่าน ท่านต้องตากแดดตากลมอยู่ในค่ายทหาร ตอนดื่มชากินหนึ่งเม็ด ช่วยให้ชุ่มคอได้”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเอื้อมมือไปรับ เฉินตันจูขอตัวกลับอย่างดีใจ
เมื่อเห็นว่าเฉินตันจูจากไปแล้ว หวังเจียนก็ยังอดหัวเราะไม่ได้
“หญิงสาวผู้นี้น่าขันเสียจริง วนไปวนมา ยังคงคิดถึงองค์ชายสามอยู่” เขาพูด “อยากใช้พ่อบุญธรรมอย่างท่าน ถามไถ่คนในดวงใจ”
เขาหยิบขวดลายครามใบเล็กขึ้นมาเปิดดม
“ยาเม็ดแบบนี้ ข้าทำไม่เป็นหรือ”
เขาพึมพำมากมาย แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่สนใจเขา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอันใดอยู่ ก่อนจะหันหน้ามา “เจ้าไปที่เมืองฉี”
หวังเจียนขมวดคิ้ว “ทำอันใด ฝ่าบาทส่งขุนนางและทหารสิบคนไป ถึงแม้องค์ชายสามจะเอาแต่นอน แต่เรื่องนี้ย่อมเสร็จสิ้นลงได้ ไม่จำเป็นต้องมีพวกเรา”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าว “เจ้าไปดูอาการขององค์ชายสาม ว่ามีปัญหาจริงหรือไม่”
หวังเจียนกระจ่าง พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านเชื่อคำพูดของคุณหนูตันจูหรือ ท่านแม่ทัพ ถึงแม้คนในสำนักหมอหลวงส่วนใหญ่ล้วนมีทักษะธรรมดา แต่หมอหลวงจางยังมีทักษะที่แท้จริง อีกทั้งก่อนหน้านี้พวกเราเคยบอกว่าถึงแม้องค์ชายสามรักษาไม่หาย เรื่องในคราวนี้ก็ไม่มีผลกระทบ…”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กขัดเขา “คำพูดอื่นของนางก็แล้วไป องค์ชายสามถูกวางยาพิษ ไม่ใช่การประชวรธรรมดา หากนางพูดถึงเรื่องผิดปกติขององค์ชายสามซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงว่านางต้องสังเกตเห็นบางอย่าง คนอื่นไม่รู้ ไม่เชื่อคุณหนูตันจู แต่เจ้าไม่รู้หรือ คุณหนูตันจูนางสามารถฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอยด้วยยาพิษ”
หวังเจียนหยุดบีบขวดลายครามในมือ
หญิงสาวผู้นี้เมื่อสองปีที่แล้วนางอายุสิบห้าปี นางวางยาพิษหลี่เหลียงจนตายต่อหน้าผู้คนมากมาย แม้แต่เขายังไม่สามารถยับยั้ง ช่วยชีวิตหลี่เหลียงกลับมาได้