บทที่ 310 กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดถูกขุดออกไปแล้วหรือ?
เจียงอวี่สือนำฉินออกมาให้หลิงอินดู
นี่เป็นฉินโบราณมีกลิ่นอายร่องรอยกาลเวลา แต่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี จึงมีรูปร่างประณีตงดงามยิ่ง
สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ…
หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงอวี่สือ หัวใจของหลิงอินคล้ายจะทิ้งดิ่งลง รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง!
ตอนนางอยู่บนยอดเขา นางเห็นว่าฉินตัวนี้ดูคุ้นเคย แต่นางจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน
เป็นเพราะความคุ้นเคยเช่นนี้เอง นางจึงเอ่ยปากขอดูฉิน
มาตอนนี้ได้เห็นฉินนี้อีกครั้ง ความทรงจำเกี่ยวกับฉินนี้ก็แล่นเข้ามาในสมองของนาง นางจำมันได้แล้ว!
นี่ไม่ใช่ฉินนางเคยดีดหรอกหรือ!?
นางชอบเล่นฉิน อีกทั้งยังชอบฉินหลากหลายประเภท
นอกจากอาวุธประจำกายอย่าง ‘ฉินเทียนอิน (เสียงสวรรค์)’ นางยังมีฉินอีกหลายตัว
ฉินเหล่านี้บางตัวนางได้รับมา บางตัวนางก็ลงมือสร้างมันตัวเอง
นางสร้างฉินด้วยตัวเองไม่น้อย
ตอนนางแยกทางกับเสี่ยวหยา นางได้มอบฉินทั้งหมดให้กับเสี่ยวหยาไปด้วย
การกลับชาติมาเกิดนับเป็นเรื่องยาก ในสมัยโบราณไม่มีใครประสบความสำเร็จ นางเองก็ไม่มีความมั่นใจมากนัก ด้วยเหตุนี้ จะนำฉินเหล่านี้ไปทิ้งบนถนนก็ออกจะไร้ค่า
ดังนั้นตอนนางจากไป นางจึงมอบของสะสมทั้งหมดให้กับเสี่ยวหยา
ตอนนี้กาลเวลาผ่านมายาวนานนัก นางทิ้งฉินเอาไว้ไม่น้อย ดังนั้นเมื่อนางเห็นฉินนี้ครั้งแรก นางจึงรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่จำมันไม่ได้
มาตอนนี้ได้เห็นมันใกล้ ๆ นางจึงจำมันได้ทันที ฉินตัวนี้นางเป็นคนสร้าง ภายในยังแฝงไว้ซึ่งลมปราณเมื่อครั้งอดีตอยู่อีกด้วย!
เรื่องทั้งหมด…มันเกิดอะไรขึ้น!?
‘ถามคราวเคราะห์’ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ถามเซียน’ ฉินที่นางทำขึ้นเองก็กลายเป็นฉินของบรรพบุรุษของ เจียงอวี่สือ…
ผู้ใดคือบรรพบุรุษตามที่เจียงอวี่สือกล่าวถึงกัน? แล้วคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเสี่ยวหยา?
นางไม่คิดว่าในภายหลังเสี่ยวหยาเข้าร่วมหุบเขาคงหลิง กลายเป็นบรรพบุรุษตามที่เจียงอวี่สือว่าไว้หรอก
เพราะมันเป็นไปไม่ได้!
ประเด็นสำคัญกว่านั้นคือเจียงอวี่สือบอกว่า บรรพบุรุษผู้นี้เมื่อร้อยปีก่อนไม่ได้มีความสามารถ มีพรสวรรค์ปานกลาง เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ
ตรงนี้พิสูจน์ได้ว่า เสี่ยวหยาไม่ใช่บรรพบุรุษตามที่เจียงอวี่สือกล่าวไว้อย่างแน่นอน
เพราะพรสวรรค์ของเสี่ยวหยานั้นไม่สามัญเลยสักนิด…
ตอนนางตรวจสอบคุณสมบัติของเสี่ยวหยา แม้แต่นางยังต้องตกใจ เสี่ยวหยาเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ มีพรสวรรค์เป็นมหาจักรพรรดิ หากไม่มีเรื่องเหนือคาดหมายย่อมกลายเป็นมหาจักรพรรดิอย่างแน่นอน!
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นางรู้สึกแย่อย่างยิ่ง!
เส้นทางการฝึกตน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพรสวรรค์?
จะบำเพ็ญได้อย่างไรกันหากไม่มีพรสวรรค์ นับประสาอะไรกับบำเพ็ญร้อยปี ต่อให้บำเพ็ญเป็นพันปี หมื่นปี ความสำเร็จก็เหมือนเดิม ไม่สามารถก้าวสู่เส้นทางแข็งแกร่งได้!
บรรพบุรุษตามที่เจียงอวี่สือว่า ไว้นั้นร้อยปีก่อนมีคุณสมบัติธรรมดา แต่อีกร้อยปีต่อมาทะลวงฝ่าด่านหนึ่งก้าวสะเทือนถึงสวรรค์*[1] นี่แสดงให้เห็นว่า บรรพบุรุษผู้นี้ต้องได้ประสบโชคบางอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย!
มิฉะนั้น บรรพบุรุษผู้นี้ย่อมไม่พลิกผันเปลี่ยนแปลงเช่นนี้!
บรรพบุรุษผู้นี้เดิมทีไม่ใช่คนมีพรสวรรค์แต่กำเนิด เพียงเพราะเมื่อร้อยปีก่อนหน้านั้นไม่ปรากฏ แต่ร้อยปีต่อมากลับทะลวงฝ่าด่าน นางไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ!
เพราะมันเป็นไปไม่ได้!
หุบเขาคงหลิงไม่ใช่สำนักเล็ก ๆ แต่ก็มีมรดกสืบทอดต่อกันมายาวนานมาก ในอดีตเคยอยู่ในจุดสูงสุดมาก่อน มหาจักรพรรดิในหุบเขาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน
นี่คือตระกูลโบราณเก่าแก่ น่าเกรงขามอย่างแท้จริง
หากบรรพบุรุษผู้นั้นมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง ในหุบเขาคงหลิงมีหรือจะตรวจจับอะไรไม่ได้เลย
ทุกอย่างย่อมแสดงออกมาแล้วคุณสมบัติของบรรพบุรุษผู้นั้นไม่ดีพอ ต่อมาก็ได้ประสบกับโชคครั้งใหญ่จึงเกิดการพลิกผันเปลี่ยนแปลงสะเทือนฟ้าดินขึ้น เปลี่ยนฐานะครั้งใหญ่ ทำเอาผู้ตื่นตกใจ!
ใช้เวลาไม่ถึงร้อยปีทะลวงสู่ขอบเขตสูงสุด…
บรรพบุรุษผู้นี้ต้องประสบกับโอกาสเช่นไร ถึงสามารถบรรลุได้ขนาดนี้!?
ได้รับโอสถจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?
เหอะ…โอสถจักรพรรดิในสมัยนี้ไฉนเลยจะสุดยอดปานนั้น?
แม้แต่หุบเขาคงหลิงก็ไม่มีโอสถจักรพรรดิเม็ดสมบูรณ์!
เพราะเหตุนี้มันจึงทำให้นางรู้สึกแย่ขึ้นมาก!
พรสวรรค์ของเสี่ยวหยานั้นน่าทึ่งมาก นางเกิดมาพร้อมกระดูกจักรพรรดิ บรรพบุรุษของหุบเขาคงหลิงร้อยปีก่อนไม่ได้พรสวรรค์สะท้านฟ้าแต่เริ่ม ทว่าร้อยปีต่อมากลับร้องเพียงครั้งเดียว ทำคนตะลึงงัน ซ้ำยังได้รับบทเพลงฉินที่นางส่งต่อให้เสี่ยวหยา…
นางอดคิดไม่ได้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น!
บรรพบุรุษผู้นี้ได้รับกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดของเสี่ยวหยา นั่นจึงเป็นเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดอีกฝ่ายจึงเกิดการพลิกผันสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ขึ้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ในใจของนางพลันเต็มไปด้วยจิตสังหาร
หากทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคิด บรรพบุรุษผู้นี้…จะยกโทษให้ไม่ได้เด็ดขาด!
หากเสี่ยวหยาตาย กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดก็จะสูญเสียคุณสมบัติท้าทายสวรรค์ กลายเป็นกระดูกธรรมดา หากบรรพบุรุษผู้นี้ได้กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดของเสี่ยวหยามาจริง ๆ ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…
นั่นก็คือตอนที่เสี่ยวหยายังมีชีวิตอยู่ บรรพบุรุษผู้นี้ขุดกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดในร่างกายของเสี่ยวหยา แล้วหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเป็นกระดูกของอีกฝ่ายเอง!
‘หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่ข้าคิด ไม่เช่นนั้น…ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรลงไปบ้าง!’
เสี่ยวหยาจิตใจบริสุทธิ์มีเมตตาเช่นนี้ หากบรรพบุรุษผู้นี้นำกระดูกของนางออกจากร่างกายจริง ๆ นางคง… พลิกคว่ำหุบเขาคงหลิงให้พินาศจนสิ้น!!!
“ฟ่านหยาเหยียน แม่นางเคยได้ยินชื่อนี้หรือไม่” หลิงอินถามเจียงอวี่สือ
ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้เป็นเพียงการคาดเดาของนาง ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ และนางไม่ต้องการให้การคาดเดาของนางเป็นจริง…
“ฟ่านหยาเหยียน…”
เจียงอวี่สือขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย พลางครุ่นคิด “ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชื่อนี้เลย”
“ความทรงจำสักนิดก็ไม่มีเลยหรือ? ข้าเคยอ่านบันทึกของฟ่านหยาเหยียนในคัมภีร์โบราณ นางเป็นหญิงงามที่เกิดในสมัยโบราณ ถือได้ว่าเป็นลูกรักสวรรค์ เพราะนางเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ ซ้ำยังมีพรสวรรค์ด้านดนตรีชวนให้ผู้คนตกใจ!” หลิงอินกล่าว
เจียงอวี่สือยิ้มบางพลางกล่าวว่า “ข้าอ่านบันทึกคัมภีร์โบราณมาไม่น้อย…เพียงแต่ฟ่านหยาเหยียนที่เจ้าพูดถึง ไม่มีอยู่ในความทรงจำข้าแม้แต่น้อย”
นางกล่าวต่อ “สิ่งที่เจ้าได้อ่านมาอาจไม่ใช่บันทึกเป็นทางการ หากมีลูกรักสวรรค์เช่นนี้ถือกำเนิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะไม่รู้เรื่องนี้ ลูกรักสวรรค์กำเนิดมาพร้อมกับกระดูกของจักรพรรดิเช่นนี้ ย่อมเป็นที่เลื่องลือในรุ่นหลังอย่างแน่นอน”
หลังจากนั้น บนใบหน้านางก็มีสีหน้าภาคภูมิใจอีกครั้ง
“ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิในสมัยโบราณนั้นหาได้ยากมาก และในประวัติศาสตร์ก็ปรากฏขึ้นไม่กี่คน ในหุบเขาคงหลิงของเรามีคนถือกำเนิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิด้วยเช่นเดียวกัน!”
นางกล่าวว่า “บุคคลผู้นี้ที่เกิดมาพร้อมกระดูกจักรพรรดิคือ บรรพบุรุษที่ข้าเล่าให้เจ้าฟังอย่างไรเล่า”
ตึก ๆ!
หัวใจของหลิงอินเต้นแรง
บรรพบุรุษผู้นั้น มีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด!!!
“บรรพบุรุษเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ แต่น่าเสียดายร้อยปีก่อน กระดูกจักรพรรดิถูกปกคลุมไปด้วยธุลีฝุ่น จนกระทั่งร้อยปีต่อมา กระดูกจักรพรรดิของบรรพบุรุษก็สามารถเปล่งประกายฉายความสามารถออกมา จากนั้นเพียงหนึ่งก้าวสะเทือนถึงสวรรค์*[1] พิสูจน์ตนเป็นมหาจักรพรรดิ ได้รับสมญานามว่าจักรพรรดิบุปผา!”
เจียงอวี่สือกล่าวต่ออีกว่า“เจ้าคงจะไม่เข้าใจว่า กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดนั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด เช่นนั้นเจ้าต้องรู้ก่อนว่า มีจักรพรรดิใดที่ใช้เวลาเพียงสามพันปีก็กลายเป็นมหาจักรพรรดิได้บ้าง? นับแต่สมัยโบราณมามีไม่มากนัก แต่ข้าสามารถนับพวกเขาได้ด้วยมือข้างเดียว และจักรพรรดิบุปผา บรรพบุรุษผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น!”
“นี่คือความรุ่งโรจน์สูงสุดของหุบเขาคงหลิงของข้า!”
[1] หนึ่งก้าวสะเทือนถึงสวรรค์ หมายถึง มีชื่อเสียงเลื่องลือ