ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 322 ชื่นมื่น (กลาง)

ตอนที่ 322 ชื่นมื่น (กลาง)

โจวฮู​หยิน​ยิ้ม​พร้อมกับ​ตอบกลับ​มา​ว่า​ ​“​คนที​่​สวม​ชุดจื​๋อ​ตัว​สีน้ำเงิน​สด​คือ​หวัง​หยวน​ ​ส่วน​คนที​่​สวม​ชุดจื​๋อ​ตัว​สีเหลือง​นวล​คือ​หวัง​เจ๋อ​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​ถาม​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจ้า​คิดเห็น​อย่างไรบ้าง​”

คนที​่​โจวฮู​หยิน​แนะนำ​คือ​หวัง​หยวน​ ​คุณชาย​สิบ​เก้า​สกุล​หวัง

เขา​เป็น​บุตร​เอก​ ​ไม่​แปลกที่​เขา​จะ​ค่อนข้าง​ระมัดระวัง​ตัว​เป็นพิเศษ

สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​อย่าง​เก็บความ​รู้สึก​ว่า​ ​“​คุณชาย​ทั้งสอง​ล้วน​โดดเด่น​เป็นอย่างมาก​”

ความหมาย​ก็​คือ​ดู​จาก​ลักษณะ​ภายนอก​แล้ว​ค่อนข้าง​เป็น​ที่​พึงพอใจ

โจวฮู​หยิน​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูดถึง​หวัง​เจ๋อ​ขึ้น​มา​ ​“​…​มีบิ​ดา​ของ​ปู่ทวด​เป็น​คนเดียว​กัน​ ​บิดา​ของ​เขา​เป็นโรค​หืดหอบ​ตั้งแต่​ยัง​เล็ก​ ​ทำงาน​ไม่ได้​เลย​สัก​อย่าง​ ​อาศัย​แค่​เงิน​เบี้ยหวัด​ที่​จ่าย​จาก​ส่วนกลาง​และ​เงิน​ที่มา​รดา​เย็บปักถักร้อย​มา​ใช้​ใน​ชีวิตประจำวัน​ ​ยังดี​ที่​เขา​สุขุม​และ​รู้จักคิด​ตั้งแต่​เด็ก​ ​ช่วย​แบ่งเบาภาระ​ใน​บ้าน​มากมาย​ยัง​ไม่พอ​ ​เหล่า​บรรดา​สตรี​แม่หม้าย​ต่างๆ​ ​มีเรื่อง​อัน​ใด​เขา​ก็​มักจะ​ให้​ความช่วยเหลือ​เสมอ​ ​ดังนั้น​เขา​จึง​เป็น​ที่รัก​ใคร่​เอ็นดู​ของ​ผู้คน​มากมาย​ ​จุดประสงค์​การ​มา​วัด​ฉือ​หยวน​ใน​ครั้งนี้​ ​จะ​ต้อง​เป็น​เพราะ​พี่สะใภ้​ข้า​ไม่ไว้วางใจ​อย่างแน่นอน​ ​ดังนั้น​จึง​ตั้งใจ​เชิญ​เขา​มา​เป็นเพื่อน​โดยเฉพาะ​”

สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก

นาง​รู้สึก​ว่า​หวัง​เจ๋อ​อ่อนน้อม​ถ่อมตน​ไม่​หยิ่งผยอง​ ​นิสัย​ตรงไปตรงมา​ ​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​เหตุการณ์​ทางบ้าน​จะ​ไม่​ราบรื่น​เช่นนี้​ ​อายุ​แค่นี้​แต่​วางตัว​ได้ขนาด​นี้​ ​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง

“​คุณชาย​สิบ​หก​เป็น​คนที​่​วางตัว​เหมาะสม​คน​หนึ่ง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ชื่นชม​ ​“​มิน่าเล่า​ถึง​ได้​เชิญ​เขา​ให้​มา​เป็นเพื่อน​ด้วย​”

“​น่าเสียดาย​ที่​มีทาง​บ้าน​คอย​เป็น​ภาระ​”​ ​โจวฮู​หยิน​ทอดถอนใจ​ ​“​ปีนี​้​เขา​ก็​หยุด​เรียน​ที่​สำนัก​ศึกษา​ชาติวงศ์​แล้ว​ ​และ​เริ่ม​เรียนรู้​การ​ดูแล​จัดการ​งาน​ภายใน​จวน​แทน​”​ ​สีหน้า​ท่าที​ของ​นาง​ดู​เสียดาย​เป็น​อย่างยิ่ง

สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​หวัง​เจ๋อ​ค่อนข้าง​ชำนาญ​ใน​การ​พูดจา​โต้ตอบ​ ​ยัง​นึก​ว่า​เขา​ออกมา​รับหน้าที่​ดูแล​ทางบ้าน​ตั้ง​นาน​แล้ว​เสียอีก

โจวฮู​หยิน​นึก​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ยัง​แปลกใจ​ว่า​ทำไม​จวน​สกุล​หวัง​ถึง​ไม่สนั​บส​นุน​ช่วย​ให้​หวัง​เจ๋อ​ได้​ร่ำเรียน​ต่อ​ ​นาง​จึง​รีบ​อธิบาย​ว่า​ ​“​ถึงแม้ว่า​จวน​สกุล​หวัง​จะ​มีลูก​หลาน​เยอะแยะ​มากมาย​ ​มี​คนที​่​สอบ​ขุนนาง​ระดับ​เคอจ​วี่​ผ่าน​จนได้​ตำแหน่ง​เป็น​ขุนนาง​ระดับสูง​ประจำ​ตาม​ชายแดน​ ​แต่​หาก​เป็น​เหมือนเช่น​หวัง​เจ๋อ​สอง​คน​พี่น้อง​นี้​ ​ที่​สอบ​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ได้​ตั้งแต่​อายุ​ยังน้อย​ ​ก็​เพิ่ง​เห็น​เป็นครั้งแรก​เหมือนกัน​ ​เหตุใด​พวก​ข้า​จะ​ไม่​อยาก​เห็น​เขา​ได้​เล่าเรียน​ ​กลับมา​เป็นหน้าเป็นตา​ให้​กับ​จวน​สกุล​หวัง​เล่า​!​”

“​คุณชาย​สิบ​หก​เป็น​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความตกใจ​ตัดบท​สนทนา​ของ​โจวฮู​หยิน​ไป

โจวฮู​หยิน​ยิ้ม​เจื่อน​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​เขา​และ​น้องชาย​ร่วม​สายเลือด​สอบ​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ได้​พร้อมกัน​ใน​ปี​ที่แล้ว​!​”

“​เช่นนั้น​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เพิ่งจะ​เอ่ยปาก​ ​แต่​ก็​รู้ตัว​ทันที​ว่า​ตัวเอง​ถาม​ใน​สิ่ง​ที่​ไม่​ควรจะ​ถาม

ทุก​บ้าน​ล้วน​มี​คัมภีร์​ที่​ยาก​จะ​หยั่งถึง​ทั้งนั้น

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​มีเหตุผล​เป็น​กรณีพิเศษ​ ​หวัง​เจ๋อ​ที่​สอบ​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ได้​ตั้งแต่​อายุ​ยังน้อย​เช่นนี้​ ​อีกทั้ง​ยัง​สอบ​ได้​พร้อมกับ​น้องชาย​ร่วม​สายเลือด​ของ​เขา​ ​จวน​สกุล​หวัง​คงจะ​มีเหตุผล​ที่​ไม่​ส่ง​เขา​เรียนต่อ

นาง​รีบ​พูด​เพื่อ​คลี่คลาย​สถานการณ์​ว่า​ ​“​จวน​เจิ​้น​หนาน​โหว​ล้วน​มี​แต่​คน​ปัญญา​ล้ำเลิศ​ทั้งนั้น​!​”

“​ต้อง​เรียน​ให้​จบ​ก่อน​ถึง​จะ​เรียก​เช่นนี้​ได้​!​”​ ​โจวฮู​หยิน​พูด​ขึ้น​ ​“​เพื่อ​การศึกษา​ของ​หวัง​เจ๋อ​แล้ว​ ​พี่ใหญ่​ยัง​ไป​ที่​เรือน​ของ​เขา​ด้วยตัวเอง​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​รับปาก​ต่อหน้า​พี่ชาย​ของ​ข้า​ ​ว่า​ทุกๆ​ ​ปี​จะ​แบ่ง​เงิน​จาก​เบี้ยหวัด​ออกมา​จำนวน​สี่​สิบ​ตำลึง​เพื่อ​ส่ง​สอง​พี่น้อง​ร่ำเรียน​หนังสือ​ ​แต่​หวัง​เจ๋อ​กลับ​ยืนกราน​จะ​ไม่​เรียน​ ​บอกว่า​ตน​นั้น​เป็น​บุตรชายคนโต​ ​บิดา​ก็​ล้ม​ป่วย​ ​จึง​ควร​รับหน้าที่​เลี้ยงดู​บิดา​มารดา​ให้​ได้​ถึง​จะ​ถูก​ ​จึง​ได้​ให้​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​หา​ตำแหน่งหน้าที่​ใน​จวน​ให้​เขา​”

ใบหน้า​ของ​โจวฮู​หยิน​เผย​ให้​เห็น​สีหน้า​ที่​แสน​จะ​จนใจ

“​ก็​ไม่ผิด​ที่​เด็ก​จะ​มี​ความคิด​เช่นนี้​ ​เบี้ยหวัด​ที่​แบ่ง​จาก​ส่วนกลาง​ใน​ทุกๆ​ ​ปี​ไม่พอ​ค่ายา​พี่ชาย​ข้า​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​ก็​ยิ่ง​ไม่ต้อง​ไป​พูดถึง​เรื่อง​ค่าใช้จ่าย​ใน​ชีวิตประจำวัน​เลย​ ​ยัง​มี​เด็ก​อีก​สอง​คนที​่​ต้อง​เรียนหนังสือ​ ​พู่กัน​ ​หมึก​ ​กระดาษ​และ​จาน​ฝน​หมึก​ ​ค่าว​่า​จ้าง​อาจารย์​ ​ล้วน​เป็น​ค่าใช้จ่าย​ที่​ไม่ใช่​จะ​น้อย​ๆ​ ​และ​ขาดไม่ได้​แม้แต่​นิดเดียว​ ​หลาย​ปีก่อน​พี่สะใภ้​ของ​ข้า​ต้อง​เอา​สินเดิม​ไป​จำนำ​จน​หมด​ ​ทาง​ฝั่ง​จวน​สกุล​เดิม​ก็ได้​ให้​ความช่วยเหลือ​สงเคราะห์​ ​จึง​พอ​จะ​สามารถ​ผ่านพ้น​ไป​ได้​ ​แต่​ตั้งแต่​ที่​ท่าน​ตาของ​เขา​เสียชีวิต​ไป​เมื่อ​หก​ปีก่อน​ ​ลุง​ของ​เขา​เป็น​ผู้ดูแล​หลัก​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​พี่ชาย​เริ่ม​พยุง​ร่างกาย​ไม่ไหว​แล้ว​ ​จึง​ขยับเขยื้อน​ร่างกาย​ให้​น้อยลง​ ​แต่​พี่สะใภ้​ข้า​กลัว​ว่า​จะ​เป็นตัว​ถ่วง​อนาคต​ของ​เด็ก​ๆ​ ​จึง​อดหลับอดนอน​ฝืน​ปัก​ผ้า​ทั้งวันทั้งคืน​ ​สอง​ปี​ที่แล้ว​ฝืน​จน​ตา​ไม่ดี​ ​ทุกวันนี้​ก็​ยัง​ฝืน​ปัก​ต่อ​”

สือ​อี​เหนียง​เงียบงัน

ที่แท้​แล้ว​ไม่ว่า​จะ​สมัย​ไหน​ก็​มีเรื่อง​แบบนี้​เกิดขึ้น

ส่วนฮู​หยิน​หลังจากที่​ได้​พูดถึง​เรื่อง​นี้​แล้วก็​ไม่​อาจ​หยุด​เล่า​ได้​ ​“​เขา​ไม่ได้​เป็น​คนพูด​จา​เรื่อยเปื่อย​ ​หนึ่ง​คือ​เขา​เป็น​ถึง​บุตรชายคนโต​ ​เป็น​คนที​่​จะ​ต้อง​รับหน้าที่​ดูแล​ครอบครัว​ ​เป็น​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ที่​มีชื่อเสียง​ ​ผู้คน​ไม่กล้า​ที่จะ​ดูถูก​เหยียดหยาม​อยู่​แล้ว​ ​สอง​คือ​ปีนี​้​น้องชาย​ของ​เขา​พึ่ง​จะ​อายุ​สิบ​สาม​ปี​ ​ถ้า​ทั้งสอง​ยัง​ต้อง​มา​อดมื้อกินมื้อ​เช่นนี้​ ​สู้​ให้​เขา​ออกมา​ทำงาน​เสีย​ยังดี​กว่า​ ​สามารถ​ประหยัด​ค่าใช้จ่าย​ก้อน​โต​ ​อีกทั้ง​ยัง​สามารถ​สนับสนุน​ให้​น้องชาย​ประสบความสำเร็จ​ด้าน​การศึกษา​ได้​”

เกรง​ว่ายั​งมี​เหตุผล​ที่​สำคัญ​กว่านั​้น

ตั้งแต่​บัณฑิต​รุ่นเยาว์​จนถึง​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ ​ช่วง​ระหว่าง​นี้​ยัง​มี​ความ​ง่าย​อยู่​บ้าง​ ​แต่​หลังจาก​ช่วง​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​จน​ไป​ถึง​ราชบัณฑิต​จิ้น​ซื่อ​ ​อาจจะ​ต้อง​ใช้เวลา​สาม​ถึง​ห้า​ปีก​ว่า​จะ​สอบ​ได้​ ​จวน​สกุล​หวัง​สามารถ​ช่วยเหลือ​สงเคราะห์​เขา​เรียน​สาม​ปี​ ​ห้า​ปี​ ​แต่​สามารถ​ส่ง​เขา​เรียน​ถึง​สิบ​ปี​ยี่สิบ​ปี​ได้​หรือไม่​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​น้องชาย​ของ​เขา​ก็​โต​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ไหน​จะ​ต้อง​สู่ขอ​สะใภ้​มีลูก​มี​หลาน​ ​ดูแล​ปากท้อง​ของ​ครอบครัว​ ​ดูแล​บิดา​มารดา​ ​เงิน​สี่​สิบ​ตำลึง​เกรง​ว่า​คงจะ​น้ำน้อยแพ้ไฟ​ ​ไม่พอ​ค่าใช้จ่าย​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​แต่​ถ้า​เกิด​ว่า​โจวฮู​หยิน​ให้​มากกว่า​นี้​ ​ญาติ​คนอื่นๆ​ ​เห็น​แล้ว​จะ​คิด​อย่างไร​ ​จะ​ร้องขอ​ให้​ได้​เทียบเท่า​เขา​หรือเปล่า​ ​จะ​ผิดใจ​กับ​เหล่า​บรรดา​ญาติ​ๆ​ ​ด้วยเหตุนี้​หรือไม่

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​คุณชาย​หวัง​เจ๋อ​เป็น​คนที​่​คิด​รอบคอบ​โดยแท้​”

โจวฮู​หยิน​เห็น​ว่านาง​เข้าใจ​ ​จึง​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก

อย่างไร​เสีย​ก็​ไม่มีใคร​อยาก​ถูกตราหน้า​ว่า​เพิกเฉย​ต่อ​ญาติ​ของ​ตน

นึกถึง​ตอนที่​ตน​กลับ​จวน​สกุล​เดิม​ก็ได้​ยิน​ข่าวคราว​มาบ​้าง

“​น่าเสียดาย​ที่​ลุง​ของ​เขา​เป็น​คน​มี​วิสัยทัศน์​ที่​คับแคบ​”​ ​โจวฮู​หยิน​ขมวดคิ้ว​พลาง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ตอนที่​ท่าน​ตาของ​เขา​ยังอยู่​ ​ก็​เห็น​ว่า​เขา​เป็น​คนฉลาด​หลักแหลม​ ​อีกทั้ง​ยัง​กตัญญู​และ​รู้จักคิด​ ​จึง​อยาก​จะ​ให้​แต่งงาน​กับ​คนใน​เครือญาติ​ ​เลย​ตัดสินใจ​จะ​ให้​หมั้น​กับ​น้องสาว​ที่​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​ ​ต่อมา​สอง​บ้าน​นี้​ก็​ไม่​ค่อย​ไปมาหาสู่​กัน​ ​เรื่อง​นี้​จึง​ถูก​ลืม​ไป​ในที่สุด​ ​ปี​ที่แล้ว​พวกเขา​สอง​พี่น้อง​สอบ​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ได้​ ​ลุง​ของ​เขา​ก็ได้​หยิบยก​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มา​พูด​อีกครั้ง​ ​แต่​ตอนนั้น​พี่สะใภ้​ของ​ข้า​กำลัง​ช่วย​หาคู่​หมั้น​ให้​หวัง​เจ๋อ​อยู่​แล้ว​ ​ทั้งสอง​บ้าน​ก็ได้​นัดแนะ​มา​เจอ​หน้า​กัน​ ​และ​ได้​เชิญ​แม่สื่อ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​รอ​แค่​แลกเปลี่ยน​หนังสือ​บันทึก​วัน​เดือน​ปีเกิด​ของ​คู่หมั้น​ก็​เป็นอัน​เสร็จ​เรียบร้อย​ ​แต่​ลุง​ของ​เขา​ได้​ไป​ที่​จวน​เขา​แทบ​ทุกวัน​ ​พี่สะใภ้​ก็​เอาแต่​นึกถึง​จวน​สกุล​เดิมที​่​มีบุญ​คุณ​ช่วยเหลือ​ใน​ปีนั​้น​ ​การ​หมั้น​หมาย​ใน​ครั้งนั้น​จึง​เป็น​โมฆะ​ไป​ในที่สุด​”​ ​ขณะที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​“​ต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีนี​้​หวัง​เจ๋อ​รับ​ตำแหน่งหน้าที่​ดูแล​จวน​ ​พี่สะใภ้​ของ​ข้า​ร้องห่มร้องไห้​ไป​ตั้ง​หลายครั้ง​หลาย​หน​ ​หนังสือ​ก็​ไม่ได้​เรียน​แล้ว​ ​จึง​ไม่​ควรจะ​ทำผิด​เรื่อง​การ​แต่งงาน​ของ​บุตรชาย​ตน​อีก​ ​ก็​เลย​รวบรวม​เงิน​ราว​ร้อย​ตำลึง​ทั้งหมด​ที่​มี​ ​เชิญ​แม่สื่อ​แล้วไป​ยัง​บ้าน​ลุง​ของ​เขา​ ​แต่​แล้ว​ลุง​ของ​เขา​ก็​เปลี่ยน​จาก​หน้า​มือ​เป็น​หลัง​มือ​ ​ไม่ยอมรับ​เรื่อง​นี้​เลย​แม้แต่​นิด​ ​แถม​ยัง​บอกว่า​บุตรสาว​ของ​ตน​นั้น​ได้​หมั้น​หมาย​ก่อนหน้านี้​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​ ​พี่สะใภ้​ข้า​โมโห​จนถึง​ขั้น​นอน​ป่วย​ไป​หลาย​วัน​ ​แม้แต่​งานแต่ง​ของ​หลานชาย​เมื่อ​สอง​วันที่​แล้ว​นาง​ก็​ยัง​ไม่​ไปร​่ว​มงา​นม​งคล​เลย​”

ความเป็นจริง​เช่นนี้​…

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ลุง​ของ​คุณชาย​หวัง​เจ๋อ​ทำการ​งาน​อะไร​หรือ​”

“​อาศัย​แค่​ที่นา​ไม่​กี่​ผืน​ที่​บรรพบุรุษ​ทิ้ง​ไว้​ให้​เท่านั้น​”​ ​โจวฮู​หยิน​พูด​ขึ้น​อย่าง​ไม่ใส่ใจ​ว่า​ ​“​อยู่​ที่​จวน​กู้​อาน​ถือว่า​เป็น​ตระกูล​ที่​มีหน้ามีตา​ ​แต่​คิด​ว่า​มี​ผู้บัญชาการ​ของกอง​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​รู้จัก​กับ​ตน​แล้ว​ตน​ก็​จะ​กลายเป็น​ขุนนาง​ประจำ​เขต​ชายแดน​ระดับสูง​อย่างไร​อย่างนั้น​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​ว่า​คำพูด​และ​การกระทำ​ของ​นาง​นั้น​ขัดแย้ง​กัน​ ​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​ขึ้น​มา​เบา​ๆ

พอ​โจวฮู​หยิน​รู้ตัว​ว่า​ตน​นั้น​กำลัง​ระบาย​อารมณ์​ออกมา​ ​ก็​พลอย​หัวเราะ​ตาม​สือ​อี​เหนียง​ไป​ด้วย​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​สาวใช้​น้อย​ไป​เตรียม​อาหารเจ​มา​ ​“​…​นาน​แล้ว​ที่​ไม่ได้​มาทา​นอา​หาร​เจ​ที่​วัด​ฉือ​หยวน​”​ ​พอ​พูดถึง​ตรงนี้​นาง​ก็​วกกลับ​ไป​พูดถึง​เรื่อง​หวัง​เจ๋อ​อีกครั้ง​ ​“​พอ​เป็นเรื่องเป็นราว​ขึ้น​มา​ ​ก็​มี​แต่​จะ​ทำร้าย​เด็ก​ที่​ดี​อย่าง​หวัง​เจ๋อ​เท่านั้น​ ​ครอบครัว​ของ​เขา​เป็น​เพียง​กิ่งก้านสาขา​ไม่ใช่​สายเลือด​หลัก​ ​แต่​เพราะ​ก่อนหน้านี้​มี​คนใน​ครอบครัว​สอบ​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ได้​ก็​เลย​พูด​เรื่อง​หาคู่​หมั้น​คู่​หมาย​ได้​ง่าย​ ​แต่​ตอนนี้​ไม่ได้​เล่าเรียน​แล้ว​ ​หาก​จะ​สู่ขอ​ครอบครัว​ที่​ฐานะ​ด้อย​กว่า​ ​ทั้งที่​หวัง​เจ๋อ​เอง​ก็​ถือว่า​เป็น​คนที​่​มีผล​งาน​และ​ชื่อเสียง​ ​เช่นนั้น​ก็​จะ​น่าเสียดาย​จน​เกินไป​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​นึกถึง​ตน​ที่​คอย​เป็นห่วง​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​มาโดยตลอด​…​สถานการณ์​ของ​นาง​ก็​ไม่ได้​แตกต่าง​กัน​มาก​เท่าไร​นัก​ ​ตอนนี้​นายท่าน​ใหญ่​สกุล​หลัว​ว่างงาน​อยู่​บ้าน​ ​อี๋​เหนียง​หก​ก็​เกิด​มาจาก​ครอบครัว​ของ​บ่าว​รับใช้​ ​คนที​่​ฐานะ​สูง​กว่า​ก็​พลอย​แต่​จะ​พากั​นรัง​เกียจ​นาง​จน​หมด​ ​รังเกียจ​ที่​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​เกิด​จาก​มารดา​ที่​เป็น​อนุ​ ​ไม่ใช่​ผู้ดีมีสกุล​ ​เพื่อ​หน้าตา​แล้ว​เกรง​ว่า​จวน​สกุล​หลัว​จะ​ไม่ยอมรับ​ปาก​กระมัง

เสี้ยว​เวลา​นั้น​เอง​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​โน้มตัว​ไป​ด้านหน้า​ ​ก้มลง​ต่ำ​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พี่​หญิง​โจว​ ​ปีนี​้​คุณชาย​หวัง​เจ๋อ​อายุ​เท่าไร​แล้ว​”

โจวฮู​หยิน​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ​ ​จากนั้น​ก็ได้​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ปีนี​้​อายุ​สิบ​หก​แล้ว​”

“​เรื่อง​งานแต่ง​ระหว่าง​คุณชาย​หวัง​เจ๋อ​กับ​น้องสาว​ที่​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​เป็น​อย่างไรบ้าง​แล้ว​”

โจวฮู​หยิน​เริ่ม​พอ​จะเข้า​ใจ​ขึ้น​มา​ ​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​แน่นอน​ว่า​เป็น​โมฆะ​ไป​แล้ว​!​ ​มิเช่นนั้น​ข้า​จะ​พูดว่า​เรื่อง​นี้​ลำบาก​หวัง​เจ๋อ​ทำไม​กัน​”

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้ามี​น้องสาว​อยู่​คน​หนึ่ง​ ​พี่​หญิง​โจว​ก็​เคย​เจอ​หน้า​แล้ว​…​ตอน​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​เคย​เล่น​กับ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​ที่​ท่าเรือ​หลิว​ฟัง​ ​ปีนี​้​อายุ​สิบ​ขวบ​แล้ว​ ​ถึง​ช่วงเวลา​หาคู่​หมั้น​หมาย​พอดี​ ​คุณชาย​หวัง​เจ๋อ​เกิด​มาจาก​ครอบครัว​สูงศักดิ์​ ​อิริยาบถ​สง่างาม​จิตใจ​กว้างขวาง​ ​สติปัญญา​ล้ำเลิศ​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​มี​วาสนา​หรือไม่​…​”

โจวฮู​หยิน​ยัง​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​เท่าไร​นัก

แต่เพียง​ครู่เดียว​ ​นาง​ก็​สามารถ​เข้าใจ​ถึง​ความหมาย​นี้​ได้

หาก​พูดถึง​เรื่อง​หน้าตา​ของ​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​ผู้​นั้น​ก็​ย่อม​ไม่มี​อะไร​จะ​ถกเถียง​อยู่​แล้ว​ ​ถึงแม้ว่า​ทุกวันนี้​นายท่าน​ใหญ่​สกุล​หลัว​จะ​ว่างงาน​อยู่​จวน​ ​และ​นาง​ยัง​เป็น​บุตรสาว​ที่เกิด​จาก​อนุ​ ​แต่​นายท่าน​สอง​ของ​สกุล​หลัว​ได้รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ที่​ซาน​ตง​ ​นายท่าน​สาม​สกุล​หลัว​ได้รับ​ตำแหน่ง​ที่ปรึกษา​ฝ่ายวิชาการ​ที่​มณฑล​ซื่อ​ชวน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เป็น​ถึงฮู​หยิน​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ ​และ​สือ​เหนียง​ก็ได้แต่​งงาน​เข้า​จวน​เม่ากั​๋​วกง​ ​นายท่าน​ใหญ่​สกุล​หลัว​เคย​เป็น​ถึง​ราชบัณฑิต​หลวง​ ​อีกทั้ง​ยัง​มี​หลาน​เขย​ที่​เป็น​ขุนนาง​ระดับ​ทั่นฮ​วา​…

ใบหน้า​ของ​โจวฮู​หยิน​ก็​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความดี​อก​ดีใจ​ ​ไม่​รอ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ได้​ทัน​พูด​จน​จบ​ ​นาง​ก็​รีบ​ชิง​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​ลูกหลาน​จวน​สกุล​หลัว​ล้วน​สืบทอด​แต่​ผู้มีความรู้​วิชา​ ​ลูกหลาน​เป็น​ขุนนาง​แทบ​ทุก​รุ่น​ ​คุณหนู​สิบสอง​โดดเด่น​และ​เพียบพร้อม​ ​เป็น​คน​อ่อนโยน​และ​มีคุณ​ธรรม​ ​ฉลาด​หลักแหลม​และ​สุภาพ​เรียบร้อย​ ​หาก​พึงพอใจ​ใน​ตัว​หวัง​เจ๋อ​ของ​พวก​ข้า​ ​ก็​ถือว่า​เป็นบุญ​วาสนา​ที่หวัง​เจ๋อ​เคย​บำเพ็ญกุศล​มาตั​้ง​แต่​ชาติปางก่อน​แล้ว​”

เมื่อ​ทั้งสอง​ได้​พูด​เจตนา​ของ​ตัวเอง​ออกมา​อย่างชัดเจน​เป็น​ที่​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​สบตา​พร้อมกับ​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ

โจวฮู​หยิน​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ช่วง​สอง​สาม​วันนี้​ข้า​จะ​หา​เวลา​กลับ​จวน​สกุล​เดิม​”

เรื่อง​นี้​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​จะ​ต้อง​ปรึกษาหารือ​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ด้วย

นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พยัก​เบา​ๆ​ ​“​ทาง​ฝั่ง​พี่สะใภ้​ใหญ่​ข้า​เอง​ก็​ต้อง​ไป​บอกกล่าว​เสียหน่อย​”

“​แล้ว​เรื่อง​หวัง​หยวน​…​”

ใบหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​แดง​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​“​เรื่อง​เหล่านี้​นอกจาก​จะ​ต้อง​เรียน​ท่าน​โหว​แล้ว​ ​ยัง​ต้อง​เรียน​ทาง​ฝั่ง​ไท่ฮู​หยิน​…​”

โจวฮู​หยิน​เอง​ก็​รู้​และ​เข้าใจ​ดี​ ​หวัง​เจ๋อ​ไม่​เหมือนเช่น​หวัง​หยวน​ ​และ​ก็​ไม่​สามารถ​นำ​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​มา​เปรียบเทียบ​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​นาง​ตอบกลับ​อย่างตรงไปตรงมา​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​เรา​มาค​่อย​ๆ​ ​จัดการ​ทีละ​เรื่อง​กัน​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​รบกวน​พี่​หญิง​โจว​แล้ว​!​”

“​รบกวน​อะไร​กัน​เล่า​”​ ​โจวฮู​หยิน​ตอบกลับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ถึง​เวลา​นั้น​ขอ​แค่​ช่วย​ข้ามา​เป็น​แม่​ชัก​แม่สื่อ​ให้​กับ​ทั้งสอง​คู่​ก็​พอ​ ​ข้า​เคย​ได้ยิน​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​เคย​พูดถึง​ ​ว่า​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เคย​ทำ​รองเท้า​สำหรับ​สวม​นอน​ปัก​ลาย​นกแก้ว​คาบ​ท้อ​สีแดง​สด​ให้​นาง​คู่​หนึ่ง​ ​งดงาม​เป็นอย่างมาก​”

“​ก็​มี​แต่​พี่​หญิง​โจว​เท่านั้น​ที่​มอง​เข้าตา​!​”

สือ​อี​เหนียง​และ​โจวฮู​หยิน​พูดคุย​หัวเราะ​กัน​อยู่​ไม่นาน​ ​อาหาร​ก็​ถูก​จัด​เสร็จ​เป็น​ที่​เรียบร้อย

ทั้งสอง​จึง​พากัน​ไป​ทานข้าว​ ​จากนั้น​ก็​แยกย้าย​กลับ​จวน​ของ​ตัวเอง

พอก​ลับ​ไป​ถึง​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​รีบ​จูงมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​มา​เพื่อ​ถามไถ่​เหตุการณ์​ ​“​คุณชาย​หวัง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​พอ​จะเข้า​ตา​หรือไม่​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​เล่า​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ฟัง

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​“​เช่นนั้น​ก็​ส่ง​คน​ไป​สืบถาม​ที่​สำนัก​บัณฑิตศึกษา​หัน​ ​ดู​ว่าการ​เล่าเรียน​ของ​คุณชาย​หวัง​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

สือ​อี​เหนียง​เหมือน​นึก​อะไร​บางอย่าง​ขึ้น​มา​ได้​ ​คิดถึง​จื่อ​เวย​คนใช้​คนสนิท​ของ​อู่​เหนียง​…​รู้สึก​ว่า​จะ​ไป​เป็น​อนุ​ของ​คนที​่​มีนาม​ว่า​ฮั่น​หลิน​สกุล​ฮั่น

นาง​จึง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ครุ่นคิด​ว่า​ ​“​รอท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​จะ​รีบ​ส่ง​คน​ไป​สืบถาม​ทันที​เจ้าค่ะ​”

พอ​ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​สือ​อี​เหนียง​พูดถึง​บุตรชาย​ ​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความกังวลใจ​ว่า​ ​“​เดินทาง​ไป​ตั้ง​สามสี​่​วัน​แล้ว​ ​ไม่เห็น​ส่งข่าว​คราว​กลับมา​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​…​”

จะ​เร็ว​ขนาด​นั้น​ได้​อย่างไร​กัน​เล่า​!

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​รีบ​เปลี่ยน​เรื่อง​คุย​ ​“​ท่าน​ลอง​ทาย​ดู​ ​ว่า​ตอน​อยู่​ที่​วัด​ฉือ​หยวน​โจวฮู​หยิน​พูด​อะไร​กับ​ข้า​”

ไท่ฮู​หยิน​เห็น​แววตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​เต็มไปด้วย​ประกาย​แวววาว​ ​สีหน้า​ดู​หยอกล้อ​ขี้เล่น​และ​ประจบประแจง​ ​จึง​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ลึก​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความ​สนอกสนใจ​ว่า​ ​“​อืม​…​มีกลิ่น​สุรา​…​และ​กลับมา​ดึก​ขนาด​นี้​…​คงจะ​เป็น​อย่าง​อื่น​ไป​ไม่ได้​นอก​เสีย​จาก​พากัน​แอบ​นินทา​แม่​สามี​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท