รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 313 มาด้วยเหตุใดน่ะหรือ? ทวงหนี้ ล้างแค้นอย่างไรเล่า!

บทที่ 313 มาด้วยเหตุใดน่ะหรือ? ทวงหนี้ ล้างแค้นอย่างไรเล่า!

บทที่ 313 มาด้วยเหตุใดน่ะหรือ? ทวงหนี้ ล้างแค้นอย่างไรเล่า!

สตรีในชุดพระราชวังยังเล่าว่า หลังจากที่จักรพรรดิบุปผากลับมาแล้ว ไม่เพียงแต่จะมีกระดูกจักรพรรดิและพรสวรรค์อันน่าทึ่งเท่านั้น นางยังนำสมบัติจำนวนมากกลับมาด้วย

ฉินในมือของเจียงอวี่สือก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่นางนำกลับมาในครั้งนั้น

กระดูกจักพรรดิ บรรดาสมบัติที่นางมอบให้กับเสี่ยวหยา…ทั้งหมดถูกจักรพรรดิบุปผายึดครองไป

หยาดน้ำตาของหลิงอินไหลริน นางแทบจะมั่นใจได้แล้วว่าเสี่ยวหยาถูกจักรพรรดิบุปผาทำร้าย

หากเสี่ยวหยาไม่ได้ถูกจักรพรรดิบุปผาทำร้าย กระดูกจักรพรรดิและสมบัติต่าง ๆ จะปรากฏขึ้นบนร่างของจักรพรรดิบุปผาได้อย่างไร?

หรือจะเป็นเสี่ยวหยาที่ส่งมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับจักรพรรดิบุปผา?

ขุดกระดูกของตนเองมอบให้กับผู้อื่น?

กำลังคิดสิ่งใดอยู่!

จะเป็นไปได้อย่างไร!

ในยามนี้หัวใจของนางเจ็บปวดอย่างมาก เป็นความเจ็บปวดที่นางไม่เคยพานพบมาก่อน

เสี่ยวหยาจิตใจดีงามถึงเพียงนั้น ไร้เดียงสาปานนั้น แม้ว่าชีวิตของนางจะไม่ราบรื่นมากนัก แต่เสี่ยวหยาเองก็ยินดีจะดูแลและช่วยเหลือนางอย่างใจดี ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว

เสี่ยวหยาที่เกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ หนทางแห่งการฝึนตนย่อมเต็มไปด้วยแสงสว่างสดใส แต่เสียวหยายังคงทำตัวเรียบง่าย ไม่ต้องการไปสู่จุดที่สูงขึ้น ปรารถนาเพียงให้พี่ชายของนางหวนกลับมา

เสี่ยวหยาที่มีจิตใจบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น กลับถูกขุดเลาะกระดูกออกจากร่างกายทั้งเป็น หัวใจของนางจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร!?

จักรพรรดิบุปผามีจิตใจเหี้ยมโหดจนสามารถกระทำเช่นนี้กับเสี่ยวหยาผู้แสนบริสุทธิ์ได้อย่างไร!!!

“อ๊าาา!!!”

นางร้องไห้และกู่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด หยาดน้ำตาหยดลงกระทบพื้น

หากยามนั้นนางรู้ว่าเสี่ยวหยาจะต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นางก็จะไม่ยอมปล่อยให้เสี่ยวหยาอยู่คนเดียวภายในหมู่บ้าน นางจะต้องพาเสี่ยวหยาไปฝึกตนกับสหายให้จงได้

ทว่าตอนนี้ มันสายเกินกว่าที่จะกล่าวอะไรแล้ว

ทุกอยากล้วนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว…

“จักรพรรดิบุปผา!!”

นางปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ประกายนัยน์ตาวาววาบ ทั่วทั้งร่างเปี่ยมด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว

นางจะไม่มีวันยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป!

นางจะไปหุบเขาคงหมิงเพื่อนำกระดูกจักรพรรดิของเสี่ยวหยากลับมา นางจะไปหุบเขาคงหมิงเพื่อบดขยี้ร่างของจักรพรรดิบุปผาให้กลายเป็นเถ้าธุลี!

ตามที่สตรีในชุดพระราชวังเล่า กระดูกจักรพรรดิของเสี่ยวหยาถูกสืบทอดมาเรื่อย ๆ ปัจจุบันมันถูกปลูกถ่ายเข้าไปในร่างของจ้าวหุบเขาคนปัจจุบันของหุบเขาคงหมิง

ในท้ายที่สุดแล้ว จักรพรรดิบุปผาก็ล้มเหลวในการขึ้นไปเหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิ ร่างของนางถูกฝังเอาไว้ในหุบเขาคงหมิง

นางไม่ได้ต้องการจะเปิดฉากการฆ่าฟันขึ้นที่นี่

ทุกหนี้แค้นย่อมมีเจ้าของ

เจียงอวี่สือและสตรีชุดพระราชวังไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเสี่ยวหยา

“เปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย”

หลิงอินเอ่ยสั่งสตรีในชุดพระราชวัง นางต้องการจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงไปยังหุบเขาคงหมิง

สตรีชุดพระราชวังทำตามคำของหลิงอิน นางหยิบแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายออกมาเปิดใช้งาน

อักขระโบราณเคลื่อนตัวพร้อมกับพลังที่หลั่งไหล ตามมาด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่เริ่มทำงาน

นี่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอันหาได้ยากและมีค่าเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถนำพาไปยังหุบเขาคงหลิงได้โดยตรง

ครืน!

ก่อนก้าวเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ หลิงอินก็ดีดสายฉินหนึ่งครั้ง ลบความทรงจำของเจียงอวี่สือและสตรีชุดพระราชวังออกไป

นางมีนิสัยระมัดระวังรอบคอบ ไม่ต้องการเปิดเผยออกมามากเกินไป

หลังจากที่นางเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ และเก็บฉินเฟิ่งหมิงไปแล้ว พลังที่ควบคุมจิตวิญญาณของเจียงอวี่สือกับสตรีในชุดพระราชวังก็ถูกปลดออก

ร่างของนางหายลับไปพร้อมกับค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

“เกิด…อะไรขึ้น…?”

“ไม่รู้…”

เจี่ยงอวี่สือและสตรีในชุดพระราชวังได้สติกลับคืนมา ก่อนจะมองหน้ากันด้วยความรู้สึกว่าพวกนางเหมือนจะลืมเลือนอะไรสักอย่าง

ทว่าพวกนางกลับนึกสิ่งใดไม่ออกเลย

แดนฮวง

เขตเทือกเขาทางตอนใต้

หุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งสว่างไสวในยามราตรี

หมู่ผกานับร้อยพันเปล่งแสงเบ่งบานสะพรั่ง ทำให้ตำหนักที่อยู่ภายในดูศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง

ที่แห่งนี้คือหุบเขาคงหลิง กองกำลังที่สามารถยืนหยัดผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน ทั้งยังเคยให้กำเนิดมหาจักรพรรดิออกมาหลายคน

พรึ่บ!

บนลานในหุบเขาเกิดการเคลื่อนไหวขึ้น ตามมาด้วยการปรากฏของค่ายกลขนาดใหญ่บนพื้น จากนั้นร่างของหลิงอินก็เผยออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

นางมาถึงภายในหุบเขาคงหลิงแล้ว

หลังจากที่นางโบกมือครั้งหนึ่ง ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณขนาดใหญ่บนพื้นก็หายไป กลับมาเป็นแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณตามที่นางเรียกเก็บ

นางยังต้องใช้แท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้ในการเดินทางกลับไปยังเขาหยงหมิง

“ผู้ใดกลับมา…ไม่ใช่ เจ้าเป็นใครกัน!”

ผู้อาวุโสของหุบเขาคงหลิงที่เฝ้าอยู่ที่นี่รับรู้ได้ถึงความผันผวนของค่ายกล จึงคิดว่ามีสมาชิกบางคนได้เดินทางจากภายนอกกลับสู่หุบเขาคงหลิง

แต่เมื่อนางเห็นหลิงอินออกมา สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป!

นี่เป็นคนแปลกหน้า ไม่ใช่สมาชิกของหุบเขาคงหลิง!

นางตื่นตัวขึ้นทันที ปราณอันแข็งแกร่งน่าหวั่นเกรงถูกปลดปล่อยออกมาก่อนจะพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ขอบเขตของนางนั้นทรงพลังไม่ธรรมดา เป็นถึงขั้นจ้าวเทวา!

“ข้ามาเพื่อตามหาจ้าวหุบเขาของพวกเจ้า”

หลิงอินกล่าวออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ไปรายงานให้นางทราบ”

“รอสักครู่!”

ผู้อาวุโสมีสีหน้าจริงจัง แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไรกับหลิงอิน เนื่องจากหลิงอินทำให้นางรู้สึกหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก จนไม่กล้าจะลงมือทำอะไรตามใจชอบ

นางส่งร่างแยกออกไปรายงานเรื่องนี้ให้กับจ้าวหุบเขาอย่างรวดเร็ว

“ขอถาม สหายเต๋าท่านนี้คือผู้ใด มาที่หุบเขาคงหมิงของพวกเราด้วยเหตุอันใด?”

นางถามหลิงอิน

นี่คือผู้ใดกัน?

นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังในร่างหลิงอินเลย!

อีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกประหลาดใจและหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

นางไม่คิดว่าหลิงอินจะเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไร้ซึ่งความผันผวนของพลัง

มนุษย์ธรรมดาจะสามารถเข้ามายังหุบเขาคงหลิงของพวกนางได้อย่างไร

ซ้ำยังเรียกร้องต้องการจะพบจ้าวหุบเขาคงหลิงด้วย?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลิงอินจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งยังอาจจะเป็นผู้ที่น่าหวาดเกรงอีกด้วย!

“ทวงหนี้ ล้างแค้น”

หลิงอินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

แต่น้ำเสียงสงบนิ่งนี้กลับทำให้ผู้อาวุโสตึงเครียดขึ้นมาในทันที หนังศีรษะของนางหนึบชาไปหมด!

ทวงหนี้…ล้างแค้น!!!

หลิงอินมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเพียงใด ถึงกล้ามายังหุบเขาคงหลิงแล้วกล่าววาจาออกมาเช่นนี้!

ฝ่ามือของนางชื้นไปด้วยเหงื่อ ความรู้สึกที่หลินอินมอบให้นางเต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัว

ตอนนั้นเอง แสงสีทองสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากส่วนลึกของหุบเขาคงหลิง พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกมาก่อนจะปรากฏร่างของจ้าวหุบเขาคงหลิงขึ้น

นางดูสูงส่งและสง่างาม ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่ง นางมีอายุมากแล้วแต่ได้รับการดูแลอย่างดี ทำให้รูปร่างหน้าตาของนางดูไม่แก่ชรา

นางเป็นถึงหนึ่งในนักบุญที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้!

หลิงอินค่อย ๆ หรี่ตาลง

นางสัมผัสได้ถึงลมปราณขอบเขตนักบุญจากร่างของจ้าวหุบเขา ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงลมปราณอันเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต

จ้าวหุบเขาได้บรรลุขอบเขตนักบุญแล้ว ทั้งยังบรรลุในยุคสมัยปัจจุบัน!

ต้องกล่าวว่า หุบเขาคงหลิงนั้นไม่สามัญธรรมดาเลยจริง ๆ

สภาพฟ้าดินในปัจจุบันนี้เลวร้ายเป็นอย่างมาก ขาดแคลนซึ่งปัจจัยในการฝึกตนระดับสูงขั้นรุนแรง เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะบรรลุขอบเขตนักบุญ ทว่าจ้าวหุบเขาคงหลิงยังสามารถบรรลุขอบเขตนักบุญได้ ทั้งยังก้าวหน้าไปไกลจนลมปราณนักบุญแข็งแกร่งอย่างมาก

หลิงอินคิดว่าด้วยกระดูกจักรพรรดิแล้ว จ้าวหุบเขาคงใช้เวลาไม่นานมากนักในการบรรลุขอบเขตนักบุญ

“สหายท่านนี้มาเยือนยังหุบเขาคงหมิงของพวกเราด้วยเหตุใด”

จ้าวหุบเขายิ้มบาง ๆ ระหว่างเดินออกมาจากแสงสีทอง นางกล่าวกับหลิงอินอย่างสุภาพ “มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือไม่”

นางจำหลิงอินขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับเซี่ยเหยียนและยอดนิกาย

ก่อนหน้านี้ สตรีในชุดพระราชวังได้รายงานข่าวเกี่ยวกับพวกเซี่ยเหยียนและยอดนิกายแล้ว ทำให้นางทราบเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของพวกเซี่ยเหยียน รวมทั้งหลี่จิ่วเต้าและหลิงอินด้วย

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดแล้ว…

จ้าวหุบเขากล่าวขึ้นมาภายในใจ

เหล่าเผ่าและนิกายโบราณต่างเชื่อว่าหลี่จิ่วเต้าและหลิงอินเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่สมาชิกของยอดนิกาย

แต่เมื่อมองดูตอนนี้แล้ว อย่างไรหลิงอินก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หรือหลิงอินอาจเป็นหนึ่งในสมาชิกของยอดนิกายกัน

ส่วนหลี่จิ่วเต้าคนนั้น เกรงว่าจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเช่นกัน…

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท