รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 315 ความคิดละโมบก่อเกิด อยู่ที่นี่ทั้งคนทั้งฉินเถิด!

บทที่ 315 ความคิดละโมบก่อเกิด อยู่ที่นี่ทั้งคนทั้งฉินเถิด!

บทที่ 315 ความคิดละโมบก่อเกิด อยู่ที่นี่ทั้งคนทั้งฉินเถิด!

“แม่นางหลิงอินโปรดกลับไปเถิด!”

สามผู้อาวุโสเดินไปหาหลิงอิน แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน

หากหลิงอินยังดึงดันไม่ยอมไป พวกนางจะส่งหลิงอินออกไปเอง

ไม่ถึงที่สุด จ้าวหุบเขาก็ไม่ต้องการลงมือรุนแรงจนหมดทางถอย

สามผู้อาวุโสสงวนลมปราณไว้ มิได้ปลดปล่อยลมปราณที่แท้จริงออกมา

ทว่าหลิงอินก็ยังจับสัมผัสขอบเขตพลังของสามผู้อาวุโสได้อย่างชัดเจน

นักบุญทั้งสามคน!

ลมปราณท่วมท้น ไม่มีทีท่าแก่ชราแม้แต่น้อย อีกสามคนในยุคนี้ที่ได้กลายเป็นนักบุญ!

ตามคาด!

หุบเขาคงหลิงซึ่งมีการสืบสานยาวนานจนวัดไม่ได้ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็สามารถรักษาอำนาจตระหง่านมิรู้วายไม่ธรรมดาจริง ๆ รากฐานลึกล้ำจนน่ากลัว!

“ตรวจกระดูก ทวงหนี้ ล้างแค้น สามอย่างนี้ข้ายังมิได้ลงมือเลยสักอย่าง…”

หลิงอินไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ดูไม่มีทีท่าจะไปไหนทั้งนั้น

แทบแน่ใจได้แล้วว่าเสี่ยวหยาถูกฆ่าโดยจักรพรรดิบุปผา เพียงแต่ขาดหลักฐานยืนยันเท่านั้น

นางไฉนเลยจะยอมไปง่าย ๆ

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

สามผู้อาวุโสได้บรรลุเป็นนักบุญในยุคนี้ ขอบเขตพลังของจ้าวหุบเขาเหนือชั้นกว่านั้น และทั้งหมดนี้เป็นเพียงพลังที่หุบเขาคงหลิงแสดงให้เห็นเบื้องหน้าเท่านั้น

หลิงอินรู้ดีกว่าหุบเขาคงหลิงยังมีพลังที่ลึกล้ำกว่านั้นซ่อนไว้

ทว่านางมิกลัว

ฉินเฟิ่งหมิงที่ท่านเซียนประทานให้หากได้รีดเร้นพลังจริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวกับขอบเขตพลัง หากแต่เกี่ยวข้องกับระดับวิถี

นางเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาลผู้กลับชาติมาเกิด แม้พลังขอบเขตนั้นจะไม่มีอยู่อีกแล้ว ทว่าความทรงจำของนางยังอยู่ ความเข้าใจที่มีต่อวิถียังอยู่

บวกกับได้รับการชี้แนะด้านวิถีแห่งฉินจากท่านเซียนในภายหลัง ซ้ำยังได้รับประโยชน์จากการได้อยู่ข้างกายท่านเซียนอีกมาก ความสำเร็จวิถีแห่งฉินของนางนับว่าสูงส่งลึกล้ำยิ่ง!

แสนยานุภาพที่นางใช้ได้จากฉินเฟิ่งหมิงยิ่งรุนแรงกว่านั้น!

สภาพแวดล้อมในปฐพีนี้ย่ำแย่ การบำเพ็ญเป็นไปอย่างลำบากลำบน การบรรลุนักบุญในยุคนี้ย่อมทรงพลังยิ่งกว่าผู้เป็นนักบุญในยุคโบราณ

เพราะความอุตสาหะที่ทุ่มเทไปมีมากกว่า

ทว่าต่อให้เป็นนักบุญผู้สำเร็จขอบเขตในยุคนี้นางก็ไม่หวั่นเกรง

จ้าวสูงสุดแห่งยุคนี้นางยังไม่กลัวเลย!

หากมิใช่ว่ามีความมั่นใจถึงเพียงนี้ ไฉนเลยนางจะกล้ามาทวงหนี้แค้นที่หุบเขาคงหลิง

“เหลวไหลทั้งเพ เพียงเพื่อปกปิดความต้องการส่วนตัวของเจ้าที่หมายตากระดูกจักรพรรดิ! หลิงอิน ข้ารักษามารยาทกับเจ้ามามากพอแล้ว เจ้าอย่าหาเหาใส่หัวจะดีกว่า!”

จ้าวหุบเขาตวาดเสียงเย็น มิได้มาในนามยอดนิกายซึ่งหนุนหลังนางอยู่แล้วยังหาญกล้าบีบคั้นกันถึงเพียงนี้ ในใจนางมีโทสะขึ้นมาแล้ว

“ผู้อาวุโสทั้งสามส่งแขก!”

นางออกคำสั่งให้ผู้อาวุโสทั้งสามส่งแขกอีกครั้ง

“เจ้าค่ะ!”

ผู้อาวุโสทั้งสามตอบรับเสียงนอบน้อม

จากนั้นพวกนางหันมองหลิงอิน ไม่สงวนลมปราณอีกต่อไป แต่ปลดปล่อยลมปราณนักบุญของพวกนางออกมาเต็มพิกัด!

ชั่วพริบตานั้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ห้อมล้อมอยู่รอบตัวพวกนางทุกคน เจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์ ส่องสว่างราตรีให้สุกสกาว แม้กระทั่งดวงดาราบนนภายังหม่นหมอง!

“เชิญกลับไปเถิด!”

“แม่นางหลิงอินอย่าบังคับให้พวกเราต้องลงมือ!”

สีหน้าพวกนางเฉยชา บารมีนักบุญบีบคั้น

ทว่าสิ่งที่พวกนางคิดไม่ถึงคือ หลิงอินไม่มีทีท่าถูกบารมีนักบุญของพวกนางข่มแม้แต่น้อย สีหน้าหญิงสาวเป็นปกติ ราวกับไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน

“พวกเจ้าลงมือเถิด ข้าเอง…ก็มีความโทสะล้นฟ้าอยู่เช่นกัน”

หลิงอินเอ่ยเสียงเรียบ

นางยกมือข้างหนึ่งเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมา ญาณฉินวิหคเพลิงพวยพุ่ง พร้อมด้วยเปลวเพลิงลุกโชนรุนแรงที่สะบัดไปมา สะกดข่มบารมีนักบุญที่ผู้อาวุโสทั้งสามปลดปล่อยออกมาไว้ทั้งหมด

มิหนำซ้ำ ญาณฉินวิหคเพลิงยังเปล่งบารมีที่รุนแรงยิ่งขึ้นโถมทับเข้าใส่ผู้อาวุโสทั้งสาม

บารมีที่โถมทับเข้ามาน่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินจินตนาการ!

ผู้อาวุโสทั้งสามบรรลุนักบุญในยุคนี้ย่อมมีพลังแกร่งกล้า กระนั้นภายใต้แรงกดดันบารมีสยดสยองนี้ พวกนางกลับต้านทานมิได้เลย!

นั่นคือแรงกดดันบารมีที่จู่โจมตรงเข้าวิญญาณ พวกนางหมอบกับพื้นในทันที เหงื่อไหลโซมไปทั้งตัว ดวงวิญญาณอยู่ในสภาวะหวาดหวั่นพรั่นพรึง!

“ญาณศัสตรา!”

ม่านตาจ้าวหุบเขาหรี่ลง สีหน้าสะพรึงระคนเหลือเชื่อ

ญาณศัสตราคือผลผลิตในตำนาน มีเพียงศัสตราที่สะท้านโลกหล้ามากพอจึงจะก่อกำเนิดขึ้นมาได้ นับแต่ประวัติศาสตร์เริ่มต้นก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น!

ศัสตราที่มีจิตวิญญาณถือกำเนิดจะมีศักยภาพในการเจริญเติบโต กลายเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนที่บำเพ็ญได้ ศัสตราชิ้นอื่นไม่อาจทัดเทียม!

ในยุคอนันตกาล เคยมีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งก่อกำเนิดญาณศัสตรา ส่งผลให้มันกลายเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนที่สามารถบำเพ็ญได้ เรียกขานตนว่านักพรตกระบี่ เคยตัดนภาด้วยหนึ่งกระบี่ สังหารมหาจักรพรรดิสามตนในคราเดียว!

“นี่หรือคือรากฐานของยอดนิกาย!?”

นางจ้องมองหลิงอิน สายตาเปี่ยมด้วยความอิจฉา

จากข่าวที่พวกเจียงอวี่สือรายงานมา เซี่ยเหยียนมีสุดยอดคันศรหนึ่งในมือ แม้กระทั่งอสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์อย่างเผ่าฉงฉียังต้านทานศรนั้นไม่ไหว!

นางคิดไม่ถึงว่าหลิงอินจะน่ากลัวยิ่งกว่านั้น ครอบครองศัสตราที่มีญาณศัสตราถือกำเนิด!

“ฉิน!”

สายตาของนางเปลี่ยนไป ทอประกายละโมบ

ศัสตราชนิดอื่นไม่เท่าไร แต่ศัสตราของหลิงอินกลับเป็นฉิน!

หุบเขาคงหลิงของนางบำเพ็ญวิถีดุริยะ (เส้นทางแห่งการดนตรี) เครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ เหมาะกับพวกนางที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ฉินในมือหลิงอินยวนตายวนใจนางเป็นที่สุด!

โดยเฉพาะในยุคโกลาหลนี้ ภัยพิบัติใหญ่ใกล้มาถึงเต็มที นางอยากได้ฉินในมือหลิงอินเพื่อใช้ปกป้องหุบเขาคงหลิงของพวกนาง!

ฉินนี้ไม่เพียงแต่ก่อกำเนิดญาณศัสตรา ซ้ำยังมีจังหวะแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่น่าทึ่งไหลเวียนอยู่ นางไม่รู้ว่าฉินนี้อยู่ระดับขั้นใด กระนั้นนางแน่ใจได้ว่า ฉินนี้อยู่เหนืออาวุธมหาจักรพรรดิขึ้นไปมาก!

ความละโมบในใจนางยิ่งรุนแรง!

“มิน่าเจ้าถึงกล้ามาที่หุบเขาคงหลิงของข้า!”

จ้าวหุบเขามองหลิงอินขณะกล่าว “เพียงแต่ เจ้าคิดจริงหรือว่าจะจัดการหุบเขาคงหลิงของข้าได้ง่าย ๆ หากขอบเขตพลังของเจ้าสูงกว่านี้อีกหน่อย ข้าย่อมไม่มีคำอื่น เจ้าต้องการสิ่งใดย่อมได้ทั้งนั้น! ทว่าเจ้าเป็นเพียงราชันเทวา ต่อให้เจ้ามีฉินวิเศษระดับนี้ในครอบครองก็ยังอ่อนหัดอยู่!”

ยามเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมา หลิงอินเผยคลื่นพลังปราณของตนออกมาด้วย

จ้าวหุบเขาสัมผัสถึงขอบเขตพลังของหลินอิน ซึ่งคือขอบเขตราชันเทวา!

เซี่ยเหยียนในขอบเขตเทวาสามารถปลิดชีพอสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์ด้วยคันศรวิเศษได้ หลิงอินไม่เพียงแต่มีขอบเขตสูงกว่า ฉินในมือยังทรงพลังกว่า นางรู้สึกว่าหลิงอินอาจอยู่ในระดับที่สามารถเข่นฆ่าจ้าวสูงสุดได้!

ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจว่า ยอดนิกายใช้วิธีการใดช่วยให้เซี่ยเหยียนกับหลิงอินทำได้ถึงขั้นนี้

ทว่าศัสตรายิ่งทรงพลังปานใด ยามรีดเร้นพลังก็ยิ่งยากลำบากเท่านั้น

ไม่ว่าคันศรวิเศษหรือฉินวิเศษ ล้วนอยู่เหนือขอบเขตของเซี่ยเหยียนและหลิงอินไปมาก ในสถานการณ์ปกติ เซี่ยเหยียนและหลิงอินไม่สมควรใช้พลังของมันได้จึงจะถูก

แต่ทั้งเซี่ยเหยียนและหลิงอินกลับรีดเร้นพลังได้อย่างง่ายดาย

หลิงอินสังหารจ้าวสูงสุดได้โดยฉินวิเศษ…

แต่นางไม่กลัว

หากเป็นที่อื่นนางคงต้องรู้สึกกลัวแล้ว ทว่าที่นี่ไม่เหมือนกัน ที่นี่คือหุบเขาคงหลิง ถิ่นของนาง!

ในกาลเวลาอันแสนยาวนาน หุบเขาคงหลิงของพวกนางไม่เคยเปลี่ยนอาณาที่ตั้ง รากฐานของพวกนางอยู่ที่นี่เสมอ

หุบเขาคงหลิงของพวกนางเคยมีพลังรบระดับมหาจักรพรรดิถือกำเนิดเเกินคณานับ และที่ตั้งของพวกนางก็มั่นคงเป็นปึกแผ่นเพราะการนี้

แม้กระทั่งในภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อครั้งโบราณ สถานที่ตั้งหุบเขาคงหลิงของพวกนางก็ได้รับผลกระทบไม่มาก คงสภาพไว้ได้เป็นอย่างดี

หลิงอินคิดกำเริบเสิบสานที่นี่ ยังอ่อนหัดไปหน่อย!

“อันที่จริงเจ้าสามารถไปได้ ทว่าตอนนี้ ต่อให้เจ้ายอมไปก็ไปไม่ได้แล้ว!”

ดวงตาจ้าวหุบเขาทอประกายโหดเหี้ยม ความละโมบก่อเกิด นางตั้งใจช่วงชิงฉินวิเศษของหลิงอิน

หลิงอินมาที่นี่ตามลำพัง ยอดนิกายซึ่งอยู่เบื้องหลังไม่รับรู้

นี่คือโอกาส!

“ทั้งเจ้าและฉินของเจ้าอยู่ที่นี่เถิด…”

นางเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดในหุบเขาคงหลิง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท