ตอนที่ 273 พระราชวังเซียนมาร ลานสมรภูมิสัประยุทธ์!
ท้ายที่สุด หนิงฝานก็นำธงเขตขนนกวางไว้บนแท่นค่ายกลเคลื่อนย้าย คำว่าขนนกปลิวไสวไปตามแรงลม โลหิตเซียนที่เปื้อนมันดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
ทั่วทั้งขุนเขาเบิกสวรรค์ตกอยู่ในความเงียบงัน ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตื่นตะลึง
แม้ว่าหนิงฝานที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นจ้าวเซียนขั้นสุด แต่พลังรบเช่นนี้กลับน่ากลัวมากเกินไป จึงไม่มีผู้ใดกล้าต่อสู้กับหนิงฝานเพื่อแย่งชิงแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายแท่นสุดท้ายนี้เลย
เป็นเช่นนี้ กระทั่งสามวันสุดท้ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
หลังจากนั้นสามวัน พลังปราณแห่งขอบเขตราชาเซียนขนาดมหึมาก็ตกลงมายังดินแดนแห่งนี้ พลังขนาดใหญ่นี้ราวกับเสียงมหรสพอันเคร่งขรึมที่ดังกึกก้องขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่สามารถครอบครองแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งเขตเซียนได้สำเร็จ พวกท่านผ่านรอบแรกของมหาสงครามหมื่นเขตได้เป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนี้ไปคือการเริ่มต้นการแข่งขันรอบสุดท้าย!”
ครืน!
สิ้นคำ ทันใดนั้นแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหนึ่งร้อยแปดแท่นก็ค่อย ๆ ส่งเสียงออกมา แล้วต่อมาแสงค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหนึ่งร้อยแปดลำแสงก็ปกคลุมลงมาในทันที
ท้ายที่สุด ลำแสงค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ถูกดึงกลับไป เหล่าผู้คนของเขตเซียนที่ครอบครองแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ ล้วนหายไปจากขุนเขาเบิกสวรรค์
…
ณ พระราชวังเซียนมาร
พระราชวังเซียนมารเป็นกองกำลังชั้นหนึ่งแห่งหมู่เกาะจิ่น แน่นอนว่าพวกเขาคือผู้ปกครองเขตเซียนนับแสนแห่ง!
สถานที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะจิ่นซึ่งเป็นเส้นชีพจรเซียนชั้นสูง บนนั้นมีพระราชวังอยู่สองพระราชวัง ด้านหนึ่งเต็มไปด้วยพลังเซียนไอวารีพิสุทธ์ ส่วนอีกด้านหนึ่งเต็มไปด้วยพลังมารโกลาหล
พระราชวังเซียนมารแบ่งเป็นวังเซียนและวังมาร ทั้งสองวังผลัดกันเป็นผู้สั่งการพระราชวังเซียนมาร
ตอนนี้ภายนอกพระราชวังเซียนมาร มีลานสมรภูมิสัประยุทธ์ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนนับล้านได้
รอบ ๆ ลานสมรภูมิสัประยุทธ์เต็มไปด้วยผู้คน พลังเซียนมารสองสายต่างพัวพันเข้าหากัน ล้วนเป็นผู้คนแห่งพระราชวังเซียนมาร ทั้งสองวังมีตั้งแต่เซียนแท้จริง จ้าวเซียน หรือแม้แต่ราชาเซียนก็มี
“หึ! ในที่สุด มหาสงครามหมื่นเขตก็มาถึงช่วงท้ายสุดแล้ว!”
“มหาสงครามหมื่นเขตในครั้งนี้ก็ยังคงจัดขึ้นโดยวังเซียนข้า หวังว่าครานี้พวกเราจะมีบุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมากขึ้นนะ!”
“ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่ท่านเจ้าวังคนก่อนสิ้นชีพลง พวกคนวังมารก็เริ่มหยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อย ๆ!”
“จิ๊จิ๊! วังเซียนใช้การไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ในอีกหลายปีข้างหน้า พระราชวังเซียนมารจะต้องถูกปกครองโดยวังมารเรา!”
“ฮ่าฮ่า วังเซียนยังคงต้องพึ่งพามหาสงครามหมื่นเขตในการกลับมา พวกมันคงได้แค่จินตนาการแล้ว!”
“…”
ตอนนี้เอง ฝ่ายวังเซียนและวังมารเริ่มปะทะฝีปากกัน
ปัง! ปัง! ปัง!
ทันใดนั้น ลำแสงค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ปรากฏขึ้นบนลานสมรภูมิสัประยุทธ์
“หึ! มาแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เสียงโต้แย้งในตอนแรกก็เงียบหายไป ผู้คนของวังเซียนและวังมารล้วนจดจ้องไปทางเดียวกันอย่างมิได้นัดหมาย
ครืน!
หลังจากนั้น ภายใต้การจ้องมองของผู้คนอย่างนับไม่ถ้วน ในลำแสงค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ปรากฏเงาของคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมา ด้านข้างเงาของทุก ๆ คนในกลุ่มล้วนมีธงเขตของตนโบกสะบัดอยู่ นั่นคือผู้คนแห่งเขตเซียนซึ่งอยู่บนขุนเขาเบิกสวรรค์และสามารถครอบครองแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหนึ่งร้อยแปดแท่นได้
และในเวลาต่อมา เมื่อลำแสงค่ายกลเคลื่อนย้ายหายไป ผู้คนแห่งวังเซียนและวังมารก็ส่งเสียงพูดคุยกันอีกครั้ง
“หึ หมื่นเซียน มารบรรพกาล โลกใต้พิภพ แดนเถื่อนรกร้าง วิญญาณผู้วายชนม์…เป็นอย่างที่คาดไว้ เขตเซียนเหล่านี้ล้วนเป็นกลุ่มเขตเซียนอันดับต้น ๆ ของเขตเซียนทั้งแสนแห่งของหมู่เกาะจิ่น!”
“ผู้นำเขตพวกเขาล้วนเป็นกึ่งราชาเซียน แม้ว่าจะไม่เลว แต่ความสามารถนั้นถือว่าธรรมดา!”
“หืม? เขตเซียนขนนก? ไม่เคยได้ยินมาก่อน มีเพียงจ้าวเซียนขั้นสุดเพียงผู้เดียวหรือ!”
“วังเซียนถูกกำหนดมาให้ล่มสลายแล้ว แม้แต่จ้าวเซียนขั้นสุดก็ยังมี!”
“ฮ่าฮ่า! อาศัยพลังเช่นนี้งั้นหรือ? พวกไร้สาระ อยากจะก้าวข้ามวังมารของพวกข้า ฝันไปเถอะ!”
“…”
คนของทั้งสองฝ่ายเริ่มถกเถียงกัน สายตาก็จ้องมองไปยังเหล่าเขตเซียน ซ้ำยังมีสายตาไม่น้อยที่มองไปยังหนิงฝาน!
“หึ!”
ขณะเดียวกัน หนิงฝานเองก็มองดูเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัวพลางครุ่นคิดในใจ ‘ดูท่า คงเป็นคนพวกนี้ที่อยู่เบื้องหลังการจัดมหาสงครามหมื่นเขต!’
ตู้ม!
ไม่นานนัก กลิ่นอายของราชาเซียนขนาดมหึมาก็พวยพุ่งขึ้นสู่นภา จากนั้นชายชราผมสีขาวในชุดคลุมเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นบนอากาศเหนือลานสมรภูมิสัประยุทธ์ เขายิ้มบางพลางพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่พระราชวังเซียนมาร พระราชวังเซียนมารของข้าแบ่งเป็นวังเซียนและวังมาร ข้าคือเจ้าวังเซียน นามว่าจวินเต้าหลิน มหาสงครามหมื่นเขตในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยวังเซียนของข้า!”
“เคารพท่านเจ้าวัง!”
เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัว ผู้คนของเขตเซียนก็พากันทำความเคารพจวินเต้าหลิน
หนิงฝานเองก็ทำความเคารพอย่างสุภาพ เพราะจวินเต้าหลินตรงหน้าเป็นถึงราชาเซียนขั้นสูง!
จวินเต้าหลินพยักหน้า ก่อนที่จะพูดต่อ “เหล่าเขตเซียนทั้งหลาย การที่พวกเจ้าสามารถมาที่นี่ได้ก็ถือว่าได้รับชัยชนะในรอบแรกแล้ว นี่คือรางวัลของพวกเจ้าแต่ละเขตเซียน!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เมื่อจวินเต้าหลินดีดนิ้ว ธารแสงของรางวัลก็พุ่งออกมาจากมือของเจ้าวัง ก่อนจะส่งต่อให้กับเหล่าเขตเซียนแต่ละแห่งตามลำดับ
หนิงฝานเองก็รับเอาแหวนเก็บของมาสำรวจดู ก่อนจะพบว่า ทรัพยากรที่ได้มานั้นมากมายนับไม่ถ้วน และมากพอที่จะพัฒนาเขตเซียนไปได้อีกกว่าหมื่นปี
“ต่อไป เราจะเริ่มการแข่งขันรอบสุดท้าย แต่ละเขตเซียนจะต้องส่งผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดมาหนึ่งคนและเข้าไปยังลานสมรภูมิสัประยุทธ์ ยิ่งอันดับดีเท่าไร รางวัลก็จะยิ่งมากขึ้น และหากแสดงความสามารถได้ยอดเยี่ยมก็จะได้รับโอกาสเข้าร่วมกับวังเซียนของพวกเรา แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้!”
“เข้าใจแล้วใช่หรือไม่?”
สิ้นประโยคนั้น จวินเต้าหลินก็จ้องมองไปที่ทุกเขตเซียน
“ทราบแล้ว!”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้คนของเขตเซียนจำนวนไม่น้อยต่างตอบรับด้วยความตื่นเต้น
นี่พวกเขาแค่ชนะในรอบแรกก็ยังได้รับรางวัลมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ หากว่าออกไปสู้ต่อจากนี้แล้วได้ลำดับที่ดี เกรงว่ารางวัลก็คงจะยิ่งมากมายกว่าเดิม และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมวังเซียนด้วย!
นี่นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทะยานขึ้นสู่สวรรค์!
แน่นอนว่าต้องมีเหล่าเขตเซียนบางส่วนที่เลือกจะล่าถอย แม้ว่ารางวัลจะดีมาก แต่การมีชีวิตอยู่นั้นย่อมดีกว่า
ทันใดนั้น เหล่าเขตเซียนสิบกว่าเขตก็เลือกที่จะล่าถอย
และเมื่อฝูงชนมองไปยังหนิงฝานที่มาจากเขตเซียนขนนกเพียงคนเดียว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ล่าถอยนั้นก็ทำให้ทุกคนต่างแปลกใจ
ในสายตาของพวกเขา จ้าวเซียนขั้นสุดเพียงคนเดียวที่สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ก็ถือว่าเกินกำลังไปมากแล้ว
คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานกลับยังต้องการเข้าร่วมลานสมรภูมิสัประยุทธ์ครั้งสุดท้ายนี้ด้วย!
“ดี ในเมื่อพวกเจ้าเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นก็เริ่มต้นศึกครั้งสุดท้ายนี้เถิด!”
จวินเต้าหลินพยักหน้าและประกาศเริ่มต้นในทันที
ศึกรอบสุดท้ายนี้มีกฎง่ายมาก นั่นก็คือเอาชนะคู่ต่อสู้บนลานนั้นให้ได้ ทุกครั้งที่มีผู้ชนะในลาน ลำดับก็จะขึ้นไปหนึ่งขั้น จนสามารถแบ่งผู้แข็งแกร่งออกมาได้ยี่สิบคน สิบคน จนถึงสามอันดับแรก
“ศึกแรก เขตเซียนขนนกและเขตเซียนฟ้าวายุ!”
ไม่นานนัก หลังจากที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ศึกแรกหนิงฝานเป็นผู้ที่ถูกเรียกขึ้น!
พรึ่บ!
ในครั้งนี้ ท่าทีของหนิงฝานมิได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เขาก้าวขึ้นไปบนลานสมรภูมิสัประยุทธ์ในทันที
หลังจากนั้น เหล่าผู้คนแห่งวังเซียนและวังมารก็พากันส่ายหัวขณะพูดคุยกัน
“หึ! เจ้านี่ช่างโชคร้ายเสียจริง คิดไม่ถึงว่าแค่การแข่งขันครั้งแรกก็ต้องมาเจอกับข้า!”
“เป็นเพียงจ้าวเซียนขั้นสุดเท่านั้น แต่คู่แข่งเป็นถึงกึ่งราชาเซียนขั้นกลาง เขายังจะกล้าเข้าร่วมการแข่งขันอีกหรือ!”
“ฮ่าฮ่า โลภมากจนไม่รู้จักพอเหมือนพวกงูที่พยายามกินช้าง!”
“…”
ในขณะที่เสียงรอบข้างเต็มไปด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์ ผู้นำเขตเซียนฟ้าวายุก็กระโดดไปยังฝั่งตรงข้ามของหนิงฝาน ทั่วร่างปลดปล่อยพลังกึ่งราชาเซียนขั้นกลางออกมา
เขาจ้องมองหนิงฝาน สายตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและการดูถูก ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เจ้าหนุ่ม! ข้ารู้ว่าเมื่อตอนอยู่ที่ขุนเขาเบิกสวรรค์ เจ้าสังหารกึ่งราชาเซียนระดับต้นผู้แข็งแกร่งได้ ตัวเจ้านับเป็นยอดฝีมือที่พบเจอได้ยากยิ่ง แต่หากคิดจะต่อกรกับข้าคงจะไม่ไหวกระมัง กว่าเจ้าจะฝึกมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ง่ายเลย รีบยอมแพ้ไปเสียดีกว่า อย่างน้อยก็ยังสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้!”
“หึ พล่ามมากเสียจริง!”
ทว่าเมื่อหนิงฝานได้ฟัง เขากลับยกยิ้มเย็นชาขึ้นมา
“หืม? ปากดีเช่นนี้ก็สมควรตายแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ฟังคำแนะนำของข้า เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานี!”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของผู้นำเขตเซียนฟ้าวายุพลันเคร่งขรึมขึ้น ไม่พูดอะไรให้มากความ เขาลงมือทันที
ตู้ม!
เสียงหัตถาดังลั่น รอยฝ่ามือพร่างพรายปรากฏขึ้น สายุอัสนีระเบิดออกเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวก่อนจะพุ่งเข้าหมายสังหารหนิงฝาน
“อ่อนแอนัก!”
เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หัวเราะเยาะและชักกระบี่ต้าหลัวออกมาสับฟันในทันที
ตู้มมม!
ปราณกระบี่ปะทุออก ฉับพลันนั้นมันก็ทำลายฝ่ามือที่กำลังมาถึงในทันที และพริบตาเดียว ปราณกระบี่สะบั้นศีรษะอีกฝ่าย โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ!