บทที่ 320 ช่างน่าดีใจ ศพเฒ่ายังมีชีวิตอยู่!
โลงศพสั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้น น้ำสีดำภายในก็ล้นทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง!
น้ำสีดำนี้ช่างแปลกประหลาด น่าขยะแขยงไม่พอยังมีฤทธิ์กัดกร่อนอีกด้วย หากกระเด็นลงพื้นก็จะกัดกร่อนจนเป็นหลุมใหญ่ กวาดล้างทุกสิ่งชีวิตในระยะเวลาอันสั้น!
จ้าวหุบเขากับกลุ่มผู้อาวุโสตกใจกลัว พวกนางรู้สึกว่าหากน้ำสีดำเช่นนี้โดนพวกนาง พวกนางคงทนไม่ไหว ชีวิตของพวกนางจะต้องถูกกัดกร่อนเช่นกันเป็นแน่!
ตู้ม!
ในตอนนั้นเองก็มีบางอย่างผุดขึ้นมาในโลงศพ!
“มารดามันเถอะ!”
“เป็นผีดิบไปแล้ว!”
จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสต่างหวาดกลัว ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที ไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่ครู่เดียว!
“ข้า…ข้า!”
จ้าวหุบเขาเผยท่าทางโมโห
ผู้อาวุโสพวกนี้แต่ละคนวิ่งเร็วเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่มีใครสนใจนางเลย!
นางตัดการเชื่อมต่อกับกระดูกจักรพรรดิ ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ตอนนี้นางทำได้เพียงใช้กำลังพยุงตนเองเอาไว้เท่านั้น
นับประสาอะไรกับการวิ่ง ต่อให้นางเดินเร็วก็เสียกำลังเปล่าประโยชน์ล้มลงกับพื้นอยู่ดี
“อ๊ะ ข้าลืมจ้าวหุบเขา!”
“ข้ามาแล้ว ท่านจ้าวหุบเขา!”
ผ่านไปครึ่งทางผู้อาวุโสหลายคนก็นึกถึงจ้าวหุบเขาขึ้นมาได้ เห็นสีหน้าของจ้าวหุบเขานั้นดำยิ่งกว่าหม้อ
พวกนางรีบกลับมาพาจ้าวหุบเขาออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
“ผีดิบ? ไม่มีหรอก!”
หลิงอินหัวเราะเยาะ มองจักรพรรดิบุปผาที่กำลังลุกขึ้นออกจากโลงศพ
นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิตจากตัวจักรพรรดิบุปผา เช่นนี้แล้วอีกฝ่ายจะเป็นผีดิบได้อย่างไร?
จะมีผีดิบที่ใดกันมีลมหายใจแห่งชีวิต นี่คือคน จักรพรรดิบุปผายังมีชีวิตอยู่!
“ผู้ใดมารบกวนข้าที่นี่!?” เสียงเย็นยะเยียบดังขึ้น
จักรพรรดิบุปผาเป็นคนเอ่ย นางดูเหมือนผีดิบมาก ผิวหนังของนางเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำไร้สีเลือด แต่จริง ๆ แล้วนางยังไม่ตาย ดวงตาคู่นี้ยังฉายความน่าประหวั่นพรั่นพรึงอยู่!
จักรพรรดิบุปผาเหินออกจากโลงศพ นางเป็นหญิงชราผมสั้น ผมบนหัวสีขาวราวกับดอกเลา
เพียงแต่นางน่ากลัวมาก ร่างกายหดสั้นแฝงความน่าสะพรึงอย่างยิ่ง ลมปราณแผ่ซานกดดันสวรรค์และโลก!
“จักรพรรดิบุปผายังไม่ตาย!”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?”
ระหว่างทางหนี ผู้อาวุโสคนหนึ่งหันศีรษะไปมองเห็นจักรพรรดิบุปผาเหินออกมาจากโลงศพ
พวกนางยังรับรู้ได้ถึงถึงลมหายใจแห่งชีวิตจากร่างของจักรพรรดิบุปผา นี่ไม่ใช่ศพ จักรพรรดิบุปผายังไม่ตาย นางมีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน!
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!?
เวลาในอดีตจนถึงปัจจุบันเนิ่นนานเพียงใด ไม่ว่าจักรพรรดิบุปผาจะน่าทึ่งเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอายุอยู่มานานถึงเพียงนี้!
โดยเฉพาะช่วงเวลายุคสมัยโบราณของจักรพรรดิบุปผาสิ้นสุดแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน!
แท้จริงแล้ว นางใช้วิธีใดกัน!?
พวกนางเต็มไปด้วยความตกใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้พวกนางประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านคือจักรพรรดิบุปผา?”
หลิงอินมองจักรพรรดิบุปผา บนใบหน้าฉายรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า งดงามเสียยิ่งกว่าหมู่ผกาบานสะพรั่ง
ตอนนี้ทุกอย่างดีกว่าที่นางคิดไว้!
นางหวังว่าร่างของจักรพรรดิบุปผาจะอยู่ที่นี้ แต่ตอนนี้จักรพรรดิบุปผายังไม่ตาย เรื่องนี้เกินความคาดหมายของนางอย่างยิ่ง แล้วนางจะไม่พอใจได้อย่างไร?
แก้แค้นให้เสี่ยวหยา สนองคืนอีกฝ่ายอย่างสาสม ช่างดียิ่งนัก!
สุสานถูกทำลาย โลงศพยังถูกเปิดออก นางถูกรบกวน เดิมทีจักรพรรดิบุปผาโมโหยิ่ง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของหลิงอิน นางก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
รอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความสุขมากที่เห็นนางยังมีชีวิตอยู่ นี่ไม่ใช่การแสดงออกของศัตรู
นางลากสายตามองหลิงอิน เป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม
นี่มันอะไรกัน… ฉิน!
ทันใดนั้นสายตาของนางก็ชะงัก เพราะเห็นฉินเฟิ่งหมิงที่ลอยอยู่ข้างกายหลิงอิน นางตกใจทันที ภายในใจบังเกิดคล้ายเกิดคลื่นนับพันโหมกระหน่ำ!
นี่มันฉินวิเศษระดับใดกัน?
คลื่นจังหวะแห่งเต๋าขั้นสูงไหลเวียนอยู่รอบฉิน นางไม่เคยสัมผัสจังหวะแห่งเต๋าขั้นสูงเช่นนี้มาก่อนในชีวิตของนาง!
จักรพรรดิบุปผาหัวเราะอย่างมีความสุข
“ไม่เลว ๆ ข้าชื่อจักรพรรดิบุปผา บรรพบุรุษของพวกเจ้า ข้ายังไม่ตาย ข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเจ้าไม่ดีใจหรือ?”
นางกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นว่าบรรพบุรุษในตำนานยังมีชีวิตอยู่ เจ้าอยากพูดอะไรกับบรรพบุรุษหรือไม่?”
นางแสดงท่าทางพึงพอใจ และรอให้หลิงอินกล่าวยกยอ
สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานในส่วนลึกของหุบเขาคงหลิง คนนอกไม่อาจเข้ามาได้ หลิงอินเป็นเพียงหญิงสาวรุ่นเยาว์ไม่กี่สิบปี ข้างกายยังมีฉิน…
นางพอจะคาดเดาฐานะตัวตนของหลิงอินได้คร่าว ๆ
หุบเขาคงหลิงเป็นสถานฝึกตนด้านดนตรี หลิงอินปรากฏกายที่นี่พร้อมกับฉิน เห็นได้ชัดว่านางเป็นศิษย์ของหุบเขาคงหลิง ซ้ำยังมีฐานะสูงมาก ไม่เช่นนั้นหลิงอินคงมีฉินน่ากลัวเช่นนี้ไม่ได้!
ส่วนเรื่องสาเหตุที่สุสานของนางถูกทำลาย เหตุใดฝาโลงถึงถูกเปิด ตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ไว้รอถามทีหลัง
หลังได้ยินจักรพรรดิบุปผายืนยันตัวตน หลิงอินยิ่งยิ้มสดใสเข้าไปใหญ่
“ตรวจกระดูก ทวงหนี้ ล้างแค้น!”
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส แต่สิ่งที่นางพูดกลับทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน!
“ดี ๆๆ ไม่เลว… อ๊ะ ไม่ถูกต้อง เจ้าเป็นใคร!?”
จักรพรรดิบุปผาหุบยิ้มโดยไม่รู้ตัว เพิ่งจะรู้สึกว่าคำพูดนั้นไม่ถูกต้อง
คำพูดของหลิงอินไม่ใช่คำยกยอนาง!
สีหน้าภาคภูมิใจบนใบหน้าของนางแข็งทื่อก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
เดิมทีนางคิดว่าหลิงอินจะเอ่ยยกยอนาง ดังนั้นนางจึงตอบกลับว่าดีสามคำโดยไม่รู้ตัว
ผลปรากฏว่า… ไม่ใช่!
คำพูดของหลิงอินคือ ตรวจกระดูก ทวงหนี้ ล้างแค้น!
ดวงตาเฒ่าของนางฉายแววอันตราย จักรพรรดิบุปผาจ้องหลิงอินเขม็ง ทั้งร่างปลดปล่อยปราณชั่วร้ายออกมา!
นี่คือ… ศัตรู!
ไม่ใช่ศิษย์ของหุบเขาคงหลิงอย่างที่นางคิด!
“ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป!”
รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าหลิงอินหายไป สบสายตาจักรพรรดิบุปผาอย่างไม่เกรงกลัว
“น่าสนใจนี่”
จักรพรรดิบุปผาหัวเราะ ยังไม่รีบร้อนแสดงฝีมือ
ความแข็งแกร่งระดับนี้ของนาง ไม่จำเป็นต้องกังวล ต่อให้ในมือหลิงอินจะถือฉินแต่ก็ยังคงห่างไกลจากนางนัก
เป็นแค่ราชันเทวาตัวเล็ก ๆ ถือสมบัติวิเศษมีพลังมหาศาลแล้วอย่างไร?
ขอบเขตต่ำต้อยก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี…
“ที่ผ่านมาข้าทำหลายสิ่งอย่าง ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน เจ้าต้องการทวงหนี้ จะแก้แค้นแบบไหนดีเล่า?”
สีหน้านางเฉยเมยไม่ยี่หระ
หลิงอินมองจักรพรรดิบุปผาพลางกล่าวทีละคำ “ฟ่านหยาเหยียน ในสมัยโบราณเป็นเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าผงาดได้มาถึงทุกวันนี้อย่างไรเล่า!”
เมื่อได้ยิน ชื่อฟ่านหยาเหยียน สีหน้าเฉยเมยของจักรพรรดิบุปผาก็หายไป รูม่านตาของนางหดเล็กลง
นางมีความทรงจำเกี่ยวกับชื่อนี้อย่างลึกซึ้ง!
“ทวงหนี้ให้นาง? เจ้ากับนางเป็นอะไรกันเล่า? พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ช่างน่าคิดถึงเด็กน้อยคนดี ตอนนั้นข้าเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ตอนได้ยินเสียงนางดีดฉินทำเอาข้าประหลาดใจ คิดไม่ถึงในหมู่บ้านแสนธรรมดาเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีคนดีดฉินได้เก่งกาจถึงเพียงนั้น!”
จักรพรรดิบุปผาแย้มยิ้มพลางกล่างว่า “นางมีน้ำใจนัก จริงใจกับข้าไม่น้อยเชียว ถามอะไรเกี่ยวกับฉินนางก็ตั้งใจตอบอย่างละเอียดหมด เป็นคนใจดีคนหนึ่ง”
พลันนางหยุดพูดชั่วคราว ลิ้นเลียริมฝีปากแห้งดำคล้ำของนางก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
“เพื่อตอบแทนความไมตรีกับความใจดีของนาง ตอนข้าขุดกระดูกของนาง ข้าจงใจใช้พลังของข้าเพื่อรักษาสติของนาง ไม่ให้นางสลบ ให้นางเห็นข้าถลกหนังของนางช้า ๆ ค่อยขุดกระดูกของนางออกมา!”
นางกล่าวต่อไปอีกว่า “รสชาตินี้ ตอนนี้คิดถึงแล้วยังรู้สึกสดใหม่ยิ่งนัก!”