หลินเยวียนไม่อยากชะลอการอัปเดตเพียงเพราะเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสใกล้จะจบลง ถึงอย่างไรในตอนนี้ก็มีการ์ตูนเรื่องใหม่รอแทนที่อยู่ ทว่าผู้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้จะยิ่งรู้สึกทำใจไม่ได้
อ่านจากคอมเมนต์ในช่องแสดงความคิดเห็นก็มองออกแล้ว
‘อยากให้อิ่งจือวาดต่อ!’
‘ทีมนิยายต้นฉบับก็ปวดใจเหมือนกัน ฉันเป็นแฟนนิยาย ก่อนหน้านี้กดเข้ามาอ่านด้วยความคิดที่ว่าลองอ่านดูสนุกๆ พออ่านไปเรื่อยๆ ก็โดนตกซะงั้น ตอนนี้เท่ากับว่าฉันอ่านเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสไปสองรอบ’
‘ไม่อยากให้จบเลย!’
‘ส่วนตัวรู้สึกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นตัวอย่างคลาสสิกของความสำเร็จในการดัดแปลงนิยายเป็นการ์ตูน การ์ตูนที่ดัดแปลงมาจากนิยายส่วนมากจะห่วยแตกมาก มีแค่เรื่องนี้ที่ยังรักษาแก่นแท้ของต้นฉบับเอาไว้ แถมยังใช้ลายเส้นของการ์ตูนทำให้พวกเราได้เข้าไปในโลกของเทนนิสได้อย่างชัดเจนมากขึ้น’
‘อิ่งจือก็ทำอะไรไม่ได้หรอก’
‘เพราะนิยายเรื่องนี้จบแค่นี้ นิยายสั้น การ์ตูนเลยสั้นไปด้วย ถ้ายังคิดจะวาดต่อไป ก็ต้องเป็นพล็อตที่อิ่งจือสร้างขึ้นมาใหม่ นี่เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่าอิ่งจือเป็นแค่นักวาดบริสุทธิ์’
‘นักวาดบริสุทธิ์แปลว่าอะไรอะ’
‘สงสัยเหมือนกันค่ะ เพิ่งโดนตกเข้าด้อมมา’
‘การ์ตูนของนักวาดบริสุทธิ์จะต้องหานักเขียนเนื้อเรื่องต้นฉบับมาร่วมงานด้วย ซึ่งหมายความว่าต้องเขียนบทมาก่อนแล้วค่อยวาด หรือยกตัวอย่างเช่นนิยายอย่างปรินซ์ออฟเทนนิสที่นำมาดัดแปลงเป็นการ์ตูน ข้อดีของรูปแบบนี้ก็คือนักวาดการ์ตูนสามารถทุ่มเทกับการวาด เพราะไม่จำเป็นต้องเจียดเวลาไปวางพล็อตเรื่อง’
‘แบบนี้นี่เอง’
‘ถ้าแยกไม่ออก ปกติแล้วตอนที่อ่านการ์ตูนก็ลองสังเกตกันได้ ถ้ามี [ต้นฉบับ: xxx] [ภาพ: xxx] หมายความว่าเป็นผลงานของนักวาดและผู้เขียนบทต้นฉบับคนละคนที่มาร่วมงานกัน ถ้าเขียนว่า [เรื่อง-ภาพ: xxx] ก็หมายความว่าเป็นผลงานของนักวาดเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าอาจารย์อิ่งจือจะเป็นหน้าใหม่ในวงการนี้ แต่ก็นับว่าเป็นนักวาดบริสุทธิ์ที่เก่งมากแล้ว’
‘…’
ในอุตสาหกรรมการ์ตูนส่วนมากจะใช้สองรูปแบบนี้ บอกไม่ได้ว่าวิธีไหนดีกว่ากัน เพราะต่างคนต่างก็มีวิธีที่เหมาะสมของตัวเอง
ตัวอย่างเช่นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังบนโลกอย่างอาจารย์โอบาตะ ทาเคชิ เรื่อง ‘ฮิคารุ เซียนโกะ เกมอัจฉริยะ’ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา ก็มีผู้อื่นเขียนบท ขณะที่เขารับผิดชอบการวาดภาพ
จริงสิ เรื่องวัยซนคนการ์ตูนที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้อาจารย์โอบาตะก็รับหน้าที่วาดภาพ และให้ผู้อื่นรับผิดชอบการเขียนบท
เพราะลายเส้นของเขานั้นสวยงามมาก จึงรับหน้าที่เป็นนักวาดบริสุทธิ์
หรือยกตัวอย่างเช่นอนิเมชันต้นฉบับจากโลกอย่างเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ อันที่จริงก็เป็นความร่วมมือจากสองฝ่ายเช่นกัน
ผู้เขียนบทคือสึคุดะ ยูโตะ
ส่วนผู้วาดภาพคือซาเอกิ ชุน
ซาเอกิ ชุนก็คืออาจารย์อดีตนักวาดการ์ตูนวาบหวิวท่านนั้นที่เราเอ่ยถึงกันก่อนหน้านี้
หรือยกตัวอย่างเช่นเรื่องวันพันช์แมน ซึ่งเป็นการร่วมงานระหว่างนักวาดและนักเขียนบทเช่นเดียวกัน
ยังมีสมมุติฐานอีกหนึ่งเรื่อง
ทุกคนคงนึกถึงเรื่อง ‘ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน’ บนโลกซึ่งออกฉายมานานหลายปี ทุกๆ คดีในเรื่องนั้นล้วนมาจากความคิดของนักวาดหรือเปล่า?
ในความเป็นจริงก็คือ มีความเป็นไปได้สูงที่พล็อตเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้จะไม่ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นจากคนเพียงคนเดียวอีกต่อไป
ในการสร้างการ์ตูนนั้นสามารถร่วมมือกันเพื่อความสำเร็จร่วมกัน หรือสามารถกุมชะตาสวรรค์ด้วยตัวคนเดียวก็ได้
นักวาดบริสุทธิ์ฝีมือดีสามารถผลิตผลงานชั้นเยี่ยมออกมาได้เมื่อมีพล็อตเรื่องที่ดี และโอบาตะ ทาเคชิก็เป็นตัวแทนของนักวาดบริสุทธิ์ประเภทนี้
สำหรับผู้ที่วาดภาพเองและเขียนเรื่องเองและยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานระดับเทพออกมาได้ก็มีอยู่ไม่น้อย และเรื่องนารุโตะ นินจาจอมคาถาก็เป็นหนึ่งในนั้น
มาถึงตรงนี้จะขอยกตัวอย่างกรณีพิเศษสักหน่อย
มีการ์ตูนเรื่องหนึ่งชื่อว่า ‘ผ่าพิภพไททัน’ ซึ่งเป็นผลงานสุดคลาสสิกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันถ้วนหน้าว่าลายเส้นไม่รื่นตาเอาซะเลย แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อหากลับเป็นผลงานชั้นยอดสุดคลาสสิก (ไม่ได้มีเจตนาจะแบล็กเมล เพราะนักเขียนชอบผลงานเรื่องนี้มากเลยล่ะ)
ดังนั้นสำหรับการ์ตูนแล้ว ทั้งภาพและพล็อตเรื่อง ไม่มีใครสำคัญน้อยไปกว่าใครหรอก
ทุกสิ่งล้วนมีความสำคัญมากเหมือนกัน
ทว่าโดยภาพรวมแล้ว นักวาดที่ทั้งวาดได้ดี ทั้งออกแบบพล็อตเรื่องได้ย่อมโดดเด่นกว่าเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง เพราะพวกเขามีฝีมือทั้งบุ๋นและบู๊
และอิ่งจือ ก็เป็นเพียงนักวาดบริสุทธิ์ในภาพจำสำเร็จรูปของใครหลายคน
และนี่ก็คือเหตุผลที่หลัวเวยรู้สึกไม่เชื่อมั่น หลังจากได้ฟังว่าหลินเยวียนคิดจะสร้างพล็อตการ์ตูนของตนเอง
หลัวเวยคิดมาตลอดว่าอิ่งจือเหมือนกับตน ซึ่งจัดอยู่ในประเภทนักวาดบริสุทธิ์
……
คนในแวดวงการ์ตูนไม่น้อยให้ความสนใจกับความคืบหน้าของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส
อันที่จริง เมื่อการ์ตูนเรื่องนี้กำลังจะจบลง หลังบ้านปู้ลั่วก็มีหลายคนซึ่งเริ่มติดต่ออิ่งจือ ต้องการร่วมงานด้วย
แน่นอนว่าเป็นการร่วมงานในรูปแบบแยก
สำนักพิมพ์บางรายแสดงออกโดยตรงว่าพวกเขายินดีจัดทำโครงเรื่องและสตอรีบอร์ดอย่างง่าย และให้นักวาดบริสุทธิ์อย่างอิ่งจือวาดภาพ
เห็นได้ชัดว่า
การเผยแพร่เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสบนปู้ลั่วนั้นเกิดผลสัมฤทธิ์สูงมาก ทั้งยังส่งผลให้ผู้คนจดจำอิ่งจือในฐานะนักวาดบริสุทธิ์
“หรือไม่คุณก็ลองพิจารณาร่วมงานกับสำนักพิมพ์ดีไหมคะ”
หลังจากสังเกตเห็นข้อความส่วนตัวบนปู้ลั่ว หลัวเวยจึงแอบเอ่ยเตือนหลินเยวียน
“ถ้าคุณอยากวาดการ์ตูนเกี่ยวกับอาหาร ก็สามารถหาอาจารย์นักเขียนบทที่เชี่ยวชาญการเขียนพล็อตประเภทนี้ก็ได้ หรือไม่พวกเขาไม่จำเป็นต้องช่วยเขียนโครงเรื่องก็ได้ โครงเรื่องของคุณทำได้ดีมากแล้ว”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ”
แน่นอนว่าหลินเยวียนเข้าใจสิ่งที่หลัวเวยกังวล เพียงแต่เขาไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ของตนได้ นอกเสียจากว่าคิดจะเปิดเผยตัวตนทั้งสองของเขา
“เอาเถอะค่ะ”
หลัวเวยเห็นว่าหลินเยวียนมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะสร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง จึงไม่ได้เกลี้ยกล่อมอีก
ถึงอย่างไรอิ่งจือก็มีชื่อเสียงบ้างแล้ว รอให้หลินเยวียนตระหนักได้เองว่าตนไม่มีทางสร้างพล็อตเรื่องที่ดีกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสได้ เขาก็มีแต่ต้องยอมจำนนแต่โดยดี และกลับไปเป็นนักวาดบริสุทธิ์เฉกเช่นที่ผ่านมา
หลังเลิกงาน
หลินเยวียนกำลังจะออกจากออฟฟิศ จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
“สวัสดีครับ”
หลินเยวียนกดรับสาย
อีกฝ่ายชะงักไป รู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นเคยเหลือเกิน ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ “ฉันคือหานจี้เหม่ยจากปู้ลั่ววรรณกรรมนะคะ ไม่ทราบว่า…ครั้งนี้เป็นอาจารย์ฉู่ขวงที่รับสายอีกหรือเปล่าคะ”
หลินเยวียนก็ชะงักไปเช่นกัน
เขามองหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ และพบว่าโทรศัพท์สายนี้โทรเข้าที่เบอร์โทรศัพท์ของอิ่งจือ และในครั้งก่อน สุภาพสตรีที่ชื่อว่าหานจี้เหม่ยท่านนี้ก็คล้ายกับว่าจะโทรมาหาอิ่งจือเช่นกัน
“ใช่ครับ”
หลินเยวียนกระแอม
หานจี้เหม่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มแปลกพิลึก “บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันโทรมาสองครั้ง อาจารย์ฉู่ขวงเหมือนจะรับสายแทนอาจารย์อิ่งจือทั้งสองครั้งเลย…”
“เขาอาบน้ำอยู่น่ะครับ”
หลินเยวียนอ้างเหตุผลออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
ทางหานจี้เหม่ยเงียบลง ราวกับความถี่ของเสียงลมหายใจของเธอนั้นผิดแปลกไป ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะกล่าวออกมาอย่างลังเล “ฉันรบกวนพวกคุณหรือเปล่าคะ…”
หลินเยวียนเอ่ย “ไม่เป็นไรครับ คุณบอกมาได้เลย เดี๋ยวผมไปบอกเขาให้เอง”
หานจี้เหม่ยรู้สึกคันคอ จึงกระแอมออกมา “ฉันโทรมาเพราะอยากถามว่าอาจารย์อิ่งจือสนใจจะลงการ์ตูนเรื่องใหม่บนปู้ลั่วต่อไหมคะ”
หลินเยวียนขมวดคิ้ว “ลงฟรีเหรอครับ”
หานจี้เหม่ยรีบพูดต่อ “คืออย่างนี้นะคะ ช่วงนี้ปู้ลั่วเราเปิดเว็บไซต์การ์ตูนออนไลน์ เป็นแพลตฟอร์มซึ่งใช้รูปแบบการเก็บค่าธรรมเนียม จากนั้นเราจะเรียกทราฟฟิกผ่านทางปู้ลั่วค่ะ…”
“ผมจะลองคิดดูนะครับ”
“คุณ?”
“ใช่ครับ”
“คือว่า…เอ่อ…นึกไม่ถึงเลยนะคะว่าคุณจะตัดสินใจแทนอิ่งจือได้…ทั้งสองท่านสนิทกันมากเลยนะคะ…”
“…”
หลินเยวียนเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว หนังตาเริ่มกระตุก “งั้นตามนี้ก่อนก็แล้วกันครับ ต่อไปทักแช็ตมาก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องโทรมาบ่อยๆ”
“ได้ค่ะ”
หานจี้เหม่ยเจรจาง่ายมาก
หลังจากวางสาย หลินเยวียนก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องหาคนมาช่วยจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
ไม่อย่างนั้น จะช้าหรือเร็วตัวตนของเขาก็ต้องยุ่งเหยิงอย่างแน่นอน
…………………………………………….