ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 2-1

Side Story < A Love Marriage > 2-1

“ฮึ่ม”

อีอูยอนเงยหน้ามองเครื่องเล่นที่ปิดไฟแล้วด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“…ปิดแล้วสินะครับ”

อินซอบยืนอยู่ข้างๆ และพึมพำเสียงเบา ตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว แม้จะเป็นวันศุกร์ แต่ก็เป็นเวลาที่ควรจะปิดแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ”

อินซอบดึงปลายแขนเสื้อของอีอูยอนและพูดเสริมว่า “ไว้ค่อยมาอีกคราวหน้าก็ได้ครับ”

“ไปรอในรอสักครู่นะครับ”

อีอูยอนพาอินซอบขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับตามเดิมและปิดประตูให้

“ล็อกประตูด้วย”

อินซอบรีบล็อกประตูตามที่อีอูยอนสั่ง จากนั้นอีอูยอนก็พูดต่อว่า “ต่อให้ใครจะขอให้เปิดประตูก็ห้ามเปิดนะครับ”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

อินซอบพยักหน้า แล้วอีอูยอนก็เดินหายไป อินซอบเอนตัวพิงเบาะที่นั่งข้างคนขับ

แม้จะบอกว่ามาอีกครั้งคราวหน้าก็ได้ แต่ก็ไม่ได้คาดหวัง ไม่สิ เขาคาดหวังมากเลยต่างหาก เพราะที่เกาหลีพววกเขาไม่มีโอกาสที่จะไปสวนสนุกกันแค่สองคนเลย

แม้ว่าจะสวมหมวกกับผ้าปิดปาก แต่คนก็จำอีอูยอนได้อย่างกับมีตาทิพย์ คำพูดที่เริ่มต้นว่า “ใช่คุณอีอูยอนหรือเปล่าคะ” มักจะจบลงด้วยการที่ถูกคนรายล้อม

…ก็แน่ละ

รูปร่างหน้าตาแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะปกปิดกันได้ ทุกคนเหลือบมองอีอูยอนที่สวมสูทดำและนั่งอยู่หลังโบสถ์ แค่ลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงที่ถามถึงตัวตนของ ‘หนุ่มฮอตที่หล่อจนไม่น่าเชื่อ’ ระหว่างที่รวมตัวกันกินข้าวหลังเสร็จพิธีศพก็มีถึงสามคนแล้ว

‘ผมน่าจะผ่านที่นี่บ่อยๆ ตอนฝึกฟุตบอลนะครับ จะได้ซ้อมรับลูกไปด้วย’

…คุณเคยผ่านมาหลายครั้งแล้วครับ

อินซอบพึมพำสิ่งที่ไม่กล้าพูดออกไปในใจและถอนหายใจ เขานึกถึงความทรงจำตอนที่เห็นอีอูยอนเดินผ่านไปตรงนอกหน้าต่าง อีกฝ่ายเป็นคนที่เขาไม่กล้าพูดคุย ไม่กล้าสบตา และคิดว่าไม่มีทางมาเกี่ยวข้องกันได้เด็ดขาด…

“คุณอินซอบ”

ชื่อที่ถูกเอ่ยเรียกอย่างกะทันหันทำให้อินซอบกลั้นหายใจดังเฮือก อีอูยอนใช้หลังมือเคาะหน้าต่างรถเบาๆ และทำมือสั่งให้ออกมา อินซอบรีบเปิดประตูรถและออกไป

“ไปกันไหมครับ”

“ไปไหนเหรอครับ”

“ไปขึ้นไอ้นั่นไง”

พออีอูยอนพยักพเยิดคาง ไฟของชิงช้าสวรรค์ที่ปิดอยู่จนถึงเมื่อกี้ก็เปิดขึ้นพร้อมกับเสียงดัง พึ่บ ราวกับโกหก และม้าหมุนก็เริ่มหมุน ดวงตากลมโตของอินซอบเต็มไปด้วยความตกใจ

“ได้ยังไง…”

“ไม่มีเวลาแล้วครับ เพราะเขาบอกว่าจะเปิดให้แค่สามสิบนาทีเท่านั้น”

อีอูยอนจับข้อมือของอินซอบ และทั้งคู่ก็เข้าไปในสวนสนุกที่เปิดไฟขึ้นอีกครั้ง

***

“…ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

พอเห็นอีอูยอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองตัวเองด้วยสีหน้าไม่พอใจ อินซอบก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ผมกำลังคิดอยู่ครับ”

“คิดอะไรเหรอครับ”

“ว่าทำไมผมถึงต้องมาเล่นเครื่องเล่นเครื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีเครื่องเล่นให้เล่นตั้งเยอะ”

“ถ้าคุณอยากเล่นอย่างอื่นผมจะไปขอลงแล้ว…”

อีอูยอนจับอินซอบที่กำลังจะลุกขึ้นให้นั่งลงไปตามเดิม

“คุณคิดว่าผมอยากเล่นอย่างอื่นเหรอครับ”

“…ขอโทษครับ”

สวนสนุกกับอีอูยอนไม่ใช่ส่วนผสมที่เข้ากันตั้งแต่แรกแล้ว อีอูยอนซึ่งรู้ความหมายของคำขอโทษนั้นหัวเราะ “ฮ่าๆ” เบาๆ

“ชอบไหมครับ”

การได้เล่นในสวนสนุกที่ไม่มีใครเป็นเรื่องเหมือนกับในภาพยนตร์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยฝันถึงสักครั้งตอนเด็กๆ หลังจากที่อีอูยอนสั่งให้เลือกสิ่งที่ต้องการหน้าเครื่องเล่นที่เปิดไฟและเริ่มหมุนอีกครั้ง อินซอบก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือกชิงช้าสวรรค์

“ครับ ชอบครับ”

อินซอบพยักหน้าอย่างเปิดเผย

แน่อยู่แล้ว นี่เป็นชิงช้าสวรรค์ราคาแพงเชียวนะ

อีอูยอนก้มมองข้อมือของตัวเองท่ามกลางแสงสลัว

เขาถามผู้ดูแลที่กำลังเคลียร์ถังขยะอยู่ว่าจะสามารถเปิดเครื่องเล่นอีกครั้งได้ไหม พร้อมกับแสดงความตั้งใจว่าจะจ่ายเงินให้สมราคาอย่างแน่นอน ผู้ดูแลที่มีแววตาเหนื่อยล้าไล่มองอีอูยอนตั้งแต่หัวจรดเท้าและขอเป็นเงินสด แต่เนื่องจากตอนที่ออกมาจากโรงแรมเขาพกมาแค่กุญแจรถยนต์กับบัตร เขาจึงขอให้บอกเลขบัญชี

ผู้ดูแลบอกว่าใช้ได้แค่เงินสดเท่านั้น และส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น ดูเหมือนเขาจะไม่อยากทิ้งหลักฐานไว้ในเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหาในอนาคต

แม่งเอ๊ย น่ารำคาญจริงๆ

ตอนที่อีอูยอนพึมพำด้วยเสียงที่เจือความหงุดหงิดและเสยผมขึ้นไป ผู้ดูแลก็ทำตาเป็นประกาย อีอูยอนมองจุดที่สายตาของอีกฝ่ายหยุดมอง และถอดนาฬิกาข้อมือของตัวเองยื่นให้อย่างไม่ลังเล ผู้ดูแลที่ได้รับนาฬิกาที่มีราคาเกือบจะเท่ารถยนต์หรูหนึ่งคันบอกว่าจะเปิดไฟเพื่อตรวจสอบเครื่องเล่นเป็นเวลาสามสิบนาที

“ชอบอะไรขนาดนั้นเหรอ”

อีอูยอนมองคนรักของตัวเองที่มองออกไปนอกหน้าต่างชิงช้าสวรรค์ด้วยดวงตาเป็นประกายพลางเอ่ยถาม

“ก็แค่ชอบน่ะครับ เวลาพูดถึงเทศกาลก็จะนึกถึงชิงช้าสวรรค์เป็นอย่างแรก และเราก็สามารถมองเห็นทุกอย่างเมื่อขึ้นมาอยู่บนที่สูงด้วย และ…”

“และ”

เขาจะพูดเหตุผลที่ไร้สาระอะไรอีกใช่ไหม อีอูยอนทำตายิ้มและเร่งให้พูดต่อ

“…ผมคิดถึงเมื่อก่อนน่ะครับ”

“ว้า ทำเกินไปแล้วนะ”

อีอูยอนยกยิ้มมุมปากพลางตำหนิอินซอบ

“การพูดถึงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าคนรักไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

“ผมไม่ได้พูดเรื่องเจนนี่ครับ ผมกำลังพูดถึงเรื่องคุณอีอูยอนต่างหาก”

อินซอบทำตาโตและโต้แย้ง

บัดซบเอ๊ย มีอะไรกันตรงนี้เลยได้ไหม

อีอูยอนเคาะเท้ากับพื้นชิงช้าสวรรค์และลองคาดเดาว่ามันจะสามารถรับน้ำหนักได้ถึงขนาดไหน

“เรื่องของผมเหรอ เรื่องอะไรล่ะ”

“เรื่องตอนนั้นไงครับ เรื่องหินนำโชคน่ะ”

อีอูยอนหรี่ตาและพยักหน้าพร้อมกับร้องอ๋อ เรื่องเมื่อสองสามปีก่อนผ่านเข้ามาในหัว

“ตอนนั้นเกือบจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นะครับ เพราะผมเกือบทำหินนำโชคที่มีค่าหายไปแล้ว”

อีอูยอนโกหกหน้าตาย

“ผมรู้ครับว่าคุณจงใจทำแบบนั้น”

“จงใจเรื่องอะไร”

“ผมได้ยินมาว่าคุณจะจงใจทำแบบนั้นเวลาจะไล่ผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่ถูกใจออกครับ”

“ผมไม่ถูกใจคุณอินซอบงั้นเหรอครับ ไม่มีทาง”

อีอูยอนเท้าคางและเอ่ยถามด้วยสีหน้าเหมือนกับได้ยินเรื่องแบบนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิต

“ตอนนั้น…คุณเป็นแบบนั้นนี่ครับ”

อินซอบท้วงอย่างระวัง อีอูยอนหัวเราะพลางยื่นแขนทั้งสองข้างออกมาและเอนตัวพิงชิงช้าสวรรค์ เขาไม่ได้โต้แย้ง เพราะเป็นความจริงที่ว่าในอดีตตัวเขาทำตัวแย่กับอินซอบ

“ผมขอถามอะไรสักอย่างหน่อยได้ไหมครับ”

“ถามสิบอย่างก็ได้ครับ”

อีอูยอนตอบกลับอย่างขี้เล่น

“…ทำไมตอนนั้นถึงช่วยผมล่ะครับ”

ดวงตากลมโตของอินซอบมองไปทางอีอูยอน ดวงตานั้นทั้งสวยและดูใจดี รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของอีอูยอน

“คุณจงใจซ่อน แต่ทำไมถึงช่วยล่ะครับ”

“นั่นสินะครับ ทำไมผมถึงทำแบบนั้นนะ”

อีอูยอนพึมพำคนเดียว

ฤดูหนาวที่หนาวเย็น ในตอนที่เห็นผู้จัดการส่วนตัวผู้ซึ่งเหมือนคนโง่ที่เป็นบ้าอะไรไม่รู้ถึงได้บอกว่าจะหาหินให้เจอแม้ว่าจะหน้าซีดและตัวสั่นเทาอยู่ในน้ำที่สกปรก เขาก็เดินย่ำน้ำเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

อีอูยอนมองอินซอบที่กำลังรอคำตอบนิ่งๆ หลอดไฟหลากสีสันที่ประดับชิงช้าสวรรค์กะพริบและขึ้นสีบนแก้มของอินซอบ

“…เพราะสวย”

“ครับ?”

“เพราะคุณสวย ผมก็เลยช่วย”

แก้มกลมๆ ของอินซอบแดงในทันที

“…อย่าล้อเล่นสิครับ”

อินซอบหลุบตามองต่ำและจงใจพึมพำเสียงต่ำ

“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ มันคือความจริง ตอนนั้นผมก็บอกไปแล้วนี่ครับ ว่ามันทำให้ผมหงุดหงิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะจัดการได้ แต่ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้”

ต่อให้มาถามเอาตอนนี้ว่าตั้งแต่เมื่อไร และทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เขาก็ไม่สามารถตอบอะไรได้ ชเวอินซอบทำให้เขาหงุดหงิด และสงสัยในการกระทำต่างๆ ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ของอีกฝ่าย เขาทำเรื่องที่ไม่สมกับเป็นตัวเอง สุดท้ายเขาก็โดนจูงจมูกและถูกคนสวยคนนี้จับตัวไว้เป็นตัวประกันทั้งชีวิต

ต่อให้โดนจับ แต่เพราะโดนคนแบบนี้จับเขาถึงไม่สามารถตั้งสติได้

“ผมไม่เก่งเรื่องการคบหาดูใจกับใครเอามากๆ เลยครับ”

อีอูยอนหลุบตามองต่ำและพูดปนขำ

“ครับ? มะ หมายความว่า…อะไร…”

อินซอบมึนงงและพูดตะกุกตะกัก เขาไม่สามารถปรับตัวกับวิธีการพูดของอีอูยอนที่ข้ามไปข้ามมาได้ง่ายๆ เขาไม่เข้าใจอยู่บ่อยๆ ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร อินซอบมักจะถามซ้ำว่า “มันหมายความว่าอะไรครับ” เพราะเคยเกิดปัญหาเมื่อเขาปล่อยคำพูดของอีกฝ่ายผ่านไปส่งๆ อยู่บ่อยครั้ง

“เพราะผมเพิ่งคบหาดูใจกับใครเป็นครั้งแรก”

“…”

อินซอบไม่เชื่อหูตัวเอง แค่ข่าวเรื่องความรักร้อนแรงของ ‘นักแสดงอีอูยอน’ ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ก็มีเยอะเกินกว่าที่จะนับนิ้วได้ และผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายเป็นเวลาสั้นๆ ที่อเมริกาก็มีอยู่หลายคน คนแบบนั้นบอกว่าเพิ่งคบหาดูใจใครเป็นครั้งแรกเหรอ

“เพราะเป็นครั้งแรก ผมเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง และเพราะนิสัยที่ไม่ดีของผม ผมคงจะทำให้คุณอินซอบรู้สึกไม่ดีจากการทำผิดบ่อยๆ ด้วยครับ”

อินซอบกะพริบตา ตอนนั้นเองเขาถึงนึกคำพูดคล้ายๆ กันนี้ที่อีอูยอนเคยพูดกับตัวเองออก

พออีอูยอนโน้มตัวมาข้างหน้า ชิงช้าสวรรค์ก็ส่งเสียงดัง เอี๊ยด และขยับ อินซอบเงยหน้ามองผู้ชายที่บดบังการมองเห็นของตนเงียบๆ

“เพราะฉะนั้น…”

เขามองริมฝีปากของชายหนุ่มที่เข้ามาใกล้ตัวเอง หัวใจของเขาเต้นตึกตัก หลอดไฟที่กะพริบสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของอีอูยอน อินซอบกำชายเสื้อคลุมที่อีอูยอนถอดให้แน่นพลางก้มหน้า

“…อย่าเกลียดผมมากเลยนะ”

“ทำไมผม…”

ผมที่ไม่ถูกจัดทรงของอีอูยอนโผล่เข้ามาในสายตาของอินซอบ และวินาทีที่ได้รู้ความจริงว่าคำพูดของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นทางผ่านระหว่างไปทำธุระคือคำโกหก ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ก็ตีตื้นขึ้นมาถึงลำคอ

เขาชอบอีอูยอน แม้จะรู้ความจริงว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนดี แต่หัวใจก็ยังเจ็บแปลบกับความอ่อนโยนที่เล็กน้อยและธรรมดาที่เขาแสดงกับตนเอง

อีอูยอนกำลังมองเขาราวกับรอคำตอบ และมีแววตาที่ทำตัวไม่ถูกเหมือนเด็กหนุ่มผู้ไม่ประสาที่เพิ่งจะมีรักครั้งแรกอย่างที่พูด

น่ารัก เพราะผู้ชายที่เลื่อนตารางงานทั้งหมดออกไปและติดตามตนมาที่อเมริกา ผู้ชายที่รับฟังคำพูดที่ได้แต่เก็บไว้ในกระเป๋า ไม่สามารถบอกคุณยายได้ ผู้ชายที่ขับรถมาหาในคืนนี้ในสภาพที่ไม่ได้จัดแต่งทรงผมเพื่อมาเจอตนน่ารักมาก…

“ผมเกลียดคุณไม่ได้หรอกครับ”

อินซอบจูบเบาๆ ราวกับดูดริมฝีปากล่างของอีอูยอน

“…คุณก็รู้นี่ครับ”

อินซอบกระซิบเบาๆ ในระหว่างที่ถอนริมฝีปากที่ประกบกันอย่างนุ่มนวลออกมา

ต่อให้พยายามทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายช่วงเวลาที่รู้สึกหลงใหลก็มาหาอยู่ดี

เหมือนกับตอนที่ได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วตัวเขาก็ไม่สามารถเกลียดผู้ชายคนนี้ได้ในขณะที่อยู่ในสภาพเปียกปอนภายในชิงช้าสวรรค์ที่หมุนเป็นวงกลม

มือคู่ใหญ่ของอีอูยอนกุมแก้มทั้งสองข้างของอินซอบไว้ เขาที่หายใจออกมาอย่างแผ่วเบาอ้าปากออกจนสุดและกลืนกินริมฝีปากของอินซอบเข้าไป พออีอูยอนเอาเข่าแตะกับเก้าอี้ที่อินซอบนั่งและก้มตัวลงมา เสียงดัง กึก ก็ดังขึ้นพร้อมกับชิงช้าสวรรค์ที่เลื่อนต่ำลง

ตอนนั้นเองพลุที่สว่างไสวก็พุ่งขึ้นมาบนพื้นที่ว่างเปล่าของท้องฟ้า อินซอบเบิกตาด้วยความตกใจจากการเล่นดอกไม้ไฟที่เริ่มขึ้นอย่างกะทันหัน

“ดูเหมือนเขาจะค้นหาราคาของนาฬิกาดูแล้วสินะ”

“ครับ?”

“จูบกันเถอะครับ ไม่มีเวลาแล้ว”

อีอูยอนหลับตาลงและจูบปากอย่างดูดดื่ม และอินซอบก็โอบคอของอีอูยอนไว้

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท