ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 2-2

Side Story < A Love Marriage > 2-2

เวลาสามสิบนาทีที่กำหนดถูกขยายออกไปโดยไม่คาดคิด หลังจากนั่งชิงช้าวนไปสองสามรอบ เขายังสามารถเล่นม้าหมุน และเล่นเกมยิงปืนได้อีกด้วย

“อะ นี่ครับ”

อีอูยอนยื่นไอศกรีมให้

“ขอบคุณครับ”

อีอูยอนออกมาจากคันทรี่แฟร์และขับรถไปที่ร้านโดนัทบนถนนหมายเลขสี่ และหันมาถามในตอนนั้นเองว่าตนอยากกินอะไร ก่อนจะสั่งของแบบเดียวกันให้

“…คุณอูยอนไม่กินเหรอครับ”

อีอูยอนยกกาแฟของตัวเองให้ดูแทนคำตอบ อินซอบเขินกับการกินไอศกรีมคนเดียวเล็กน้อย และก้มหน้ากัดไอศกรีมกินต่อ

“อร่อยไหมครับ”

“ครับ”

อีอูยอนใช้นิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากบนของอินซอบ

“เปื้อนน่ะ”

อีอูยอนเอาไอศกรีมที่เปื้อนนิ้วของตนให้ดูพลางยิ้ม อินซอบรีบกินไอศกรีมทั้งหน้าแดงเรื่อ โชคดีที่เขารู้สึกว่าความร้อนวูบวาบที่เคยพุ่งขึ้นมาจนถึงลำคอหายไปบ้างแล้ว

“คุณเดินเที่ยวเล่นตอนกลางคืนบ่อยไหมครับ”

“ไม่ครับ ไม่บ่อย”

อินซอบส่ายหน้า ไม่บ่อยนักที่อินซอบและเจนนี่จะได้เดินเที่ยวกันในย่านที่คึกคักจอแจ แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะบ้านของเจนนี่เข้มงวด แต่ร่างกายของเขาเองก็อ่อนแอจนมีวันที่ป่วยเยอะกว่าวันที่ไม่ป่วยด้วยเช่นกัน ดังนั้นบางครั้งหากพวกเขาทั้งสองคนแอบออกมาข้างนอกตอนกลางคืนก็จะตื่นเต้นและดีใจราวกับได้ผจญภัย

“แต่ความชำนาญที่เห็นไม่ใช่ของคนที่ปีนหน้าต่างออกมาแค่ครั้งหรือสองครั้งเลยนะครับ”

“…ผมเล่นแถวบ้านครับ”

อีอูยอนหัวเราะเบาๆ และจิบกาแฟเข้าไปอึกหนึ่ง

“นี่เป็นครั้งแรกเลยครับที่ออกมาตอนดึกขนาดนี้”

“ใส่ชุดนอนออกมาด้วย?”

“ครับ”

ดวงตาที่กลมโตของอินซอบหยีจากการยิ้ม อินซอบกัดไอศกรีมกินอย่างระมัดระวังและพูดต่อ

“เพราะออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ในเวลานี้ ผมเลยรู้สึกเหมือนตัวเองทำเรื่องที่ไม่ดีมากเลยล่ะครับ”

อีอูยอนก้มมองอินซอบ แม้จะสวมเสื้อคลุมอยู่ แต่ก็มองเห็นหัวนมเล็กๆ ผ่านชุดนอนที่หลวมโพรกอย่างวับๆ แวมๆ

“…เป็นอะไรไปครับ”

อินซอบรู้สึกถึงสายตาจึงเอ่ยถาม

“ทำเรื่องไม่ดีจริงๆ กันไหม”

“ครับ?”

อินซอบตกใจเบิกตาโต ดวงตานั้นเป็นดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ และไม่เคยทำสิ่งที่เรียกว่าเรื่องที่ไม่ดีเลยทั้งชีวิต

อีอูยอนที่อยากจะลากอีกฝ่ายไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ และมีเซ็กซ์แบบเอ้าท์ดอร์จนหมดแรงเกิดไม่มีแรงขึ้นมาทันที มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ต่อให้เขาจะสร้างแผนการอะไรก็ไม่สามารถทำให้ความดีของอินซอบมีตำหนิได้เลย

“ผมจะซื้อไอศกรีมช็อกโกแลตให้อีกอันหนึ่ง คุณกินให้หมดนะครับ กินให้เหมือนกับเป็นคนที่ไม่ดีที่สุดไปเลย”

อินซอบหัวเราะ มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไพเราะและนุ่มนวล อีอูยอนยืนถือกาแฟและมองอินซอบอย่างเหม่อลอย พอได้สูดเอาอากาศที่อุ่นนิดๆ ของคืนกลางฤดูร้อนเข้าไป เขาก็รู้สึกจั๊กจี้ในลำคอ

“เอ่อ คุณอีอูยอนครับ”

“ทำไมถึงเรียกอย่างนั้นล่ะครับ มันทำให้คนใจสั่นนะ”

“…ผมขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหมครับ”

“อืม จะลองคิดดูแล้วกัน”

พออีอูยอนจงใจยิ้มอย่างแกล้งเล่นและตอบรับ ดวงตาของอินซอบก็สั่นไหว

ฉิบหาย ถ้าคุณสั่งให้ตายที่นี่เดี๋ยวนี้ ผมก็คงจะตาย คุณโคตรจะสวยจริงๆ ให้ตายสิ

อีอูยอนถามว่า “อะไรเหรอครับ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”

อินซอบพูดอ้อมแอ้มและก้มหน้า อินซอบที่หงอยลงไปในทันทีนั้นน่ารักจนเขารู้สึกจั๊กจี้ในท้อง

“เรื่องอะไรล่ะ พูดให้ผมฟังหน่อยสิครับ”

อีอูยอนยื่นหน้าเข้าไปหาอินซอบพลางเอ่ยถาม พอเขาตื๊อถามว่า “นะ? นะ?” อีกหลายครั้งเข้า อินซอบก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น” และเงยหน้าขึ้นมา

***

“…ขอโทษครับ”

“เรื่องอะไรเหรอ”

อีอูยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ อินซอบเอ่ยถาม

“คุณไม่ชอบที่แบบนี้แท้ๆ แต่…”

อินซอบกระซิบด้วยเสียงเล็กๆ มันคือความจริง เขาเกลียดโบสถ์ เขาไม่เคยมาที่โบสถ์ด้วยความตั้งใจของตัวเองนอกเสียจากใครสักคนจะตาย แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากมาเพราะใครสักคนตายด้วย

“ไม่เป็นไรครับ รีบอธิษฐานเถอะ”

คำพูดที่อินซอบผู้เอ่ยปากพูดได้อย่างยากลำบากพูดคืออยากไปโบสถ์แถวนี้ ดูเหมือนเขายังติดใจกับการที่ไม่สามารถอธิษฐานให้จบได้เพราะเกิดเป็นลมในวันที่มีพิธีศพเสียก่อน และอีอูยอนก็รับฟังคำขอของอินซอบด้วยความยินดี

ภายในโบสถ์ตอนกลางดึกไม่มีใครอยู่เลยสักคน

อินซอบจับจองที่นั่งตรงมุมโบสถ์ เขานั่งประสานมือและเริ่มอธิษฐาน อีอูยอนนั่งอยู่ข้างๆ และจ้องมองอินซอบที่อธิษฐาน ริมฝีปากเล็กนั่นขยับทุกครั้งที่กระซิบอะไรบางอย่าง

เขาเคยได้ยินว่าถ้าคบกันไปนานๆ ตาที่เคยมืดบอดในตอนแรกจะสว่างขึ้น แต่ทำไมเขาถึงไม่เบื่อง่ายๆ แม้จะคบกันมาหลายปีแล้วล่ะ ไม่สิ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งดูสวยหรือเปล่า แม่งเอ๊ย

อินซอบที่รับรู้ได้ถึงสายตาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

อินซอบเอ่ยถาม

“อะไรเหรอครับ”

อีอูยอนที่นั่งพิงเก้าอี้ในโบสถ์หันกายไปหาอินซอบพลางถามกลับ

“คุณมองผมอยู่ตลอดเลย…อยากจะพูดอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้มองนี่”

อีอูยอนยิ้มอย่างหน้าตาเฉยและตอบกลับ อินซอบใช้ปลายนิ้วดันแขนของอีอูยอนเบาๆ และทำให้หันกลับไปมองด้านหน้าพร้อมกับบอกว่า “อย่าแกล้งสิครับ”

เขาไม่ได้แกล้ง แต่กำลังคิดไม่ดีอยู่ต่างหาก

อีอูยอนเท้าคางและมองอินซอบที่กำลังอธิษฐานนิ่งๆ

บางทีอาจจะเป็นเพราะใส่ชุดนอน อีกฝ่ายจึงดูเด็กกว่าปกติ ขนอ่อนตรงติ่งหูสะดุดตาเป็นพิเศษ นิ้วมือที่ประสานกัน ริมฝีปากที่ขยับทุกครั้งที่พูดบทสวดซ้ำๆ ขนตายาวที่เรียงตัวชิดกันเป็นแพ รอยกระจางๆ และหัวนมกับหน้าท้องที่มองเห็นผ่านชุดนอนหลวมๆ

หน้าท้องที่แบนราบจะปรากฏรูปร่างของแก่นกายให้เห็นอย่างง่ายดายเมื่อสอดใส่แก่นกายที่แข็งตัวอย่างเต็มที่เข้าไป และหากเขากระซิบพร้อมกับใช้ฝ่ามือกดมันเอาไว้ อินซอบก็จะร้องไห้ออกมาในที่สุดด้วยใบหน้าที่งดงามอย่างมาก

อีอูยอนค่อยๆ กลืนน้ำลาย

บอกว่ารู้สึกเหมือนทำเรื่องไม่ดี เพราะใส่ชุดนอนและกินไอศกรีมในเวลานี้อย่างนั้นเหรอ งั้นเรามาทำเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ กันได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าเป็นการมีเซ็กซ์ในโบสถ์ก็น่าจะดีนะ

อีอูยอนใช้สายตาคาดคะเนเก้าอี้ตัวยาวของโบสถ์อย่างคร่าวๆ มันมีขนาดพอดีกับการจับอินซอบนอนและสอดใส่เข้าไป

“…ห้ามแกล้งนะครับ”

อินซอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมามองอีอูยอนและกำชับอีกครั้ง

“ไม่แกล้งครับ”

อีอูยอนจงใจทำหน้าตาจริงจังและเอ่ยตอบ อินซอบจึงเริ่มอธิษฐานอีกครั้ง

พูดอะไรกับคนตายยาวขนาดนั้นน่ะ

อีอูยอนมองอินซอบโดยไม่พูดอะไร และใช้นิ้วจิ้มแก้มของอีกฝ่าย อินซอบขมวดคิ้วพลางลืมตาขึ้น

“ปกติคุณอธิษฐานยาวขนาดนี้เลยเหรอครับ”

“ขอโทษครับ เกือบจะเสร็จแล้วล่ะครับ”

“พูดอะไรเหรอ”

“ครับ?”

“ผมถามว่าพูดอะไรขณะอธิษฐานเหรอครับ”

เขาไม่เคยสงสัยว่าคนอื่นมองโลกอย่างไรมาก่อน เขาคิดแค่ว่ามันเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยสมองที่คิดต่างกันไป แต่เขากลับสงสัยในความคิดของอินซอบอยู่บ่อยๆ

พอเห็นว่าอินซอบเบิกตาเล็กน้อย เพราะเป็นคำถามที่คาดไม่ถึง ก่อนจะค่อยๆ เผยยิ้ม

“ผมขอบคุณน่ะครับ”

“คนตาย แต่คุณขอบคุณเหรอครับ”

“เปล่าครับ หมายถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันคนคนนั้นน่ะครับ ผมบอกว่าขอบคุณที่ทำให้ได้เจอกันและอธิษฐานครับ”

มีสิ่งที่เขาได้รู้ขณะใช้ชีวิตร่วมกันอินซอบมาหลายปี ความดีของอินซอบไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเอาชนะได้ และไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเลียนแบบหรือมีได้ด้วย

“ผมกำลังพูดขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณยาย ขอบคุณที่คุณยายรักผม…และขอบคุณที่เป็นครอบครัวให้ผมในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ครับ และผมก็อธิษฐานให้ครอบครัวมีความสุขและแข็งแรง”

บางครั้งเขาก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งอย่างสมบูรณ์ในโลกที่อินซอบแสดงให้เห็น ครอบครองทุกพื้นที่โดยไม่มีช่องว่างแม้แต่ช่องเดียว…

“…จะอยู่ที่นี่ไหมครับ”

“ครับ?”

“อยู่ที่อเมริกาสักพักดีไหมครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แม้เมื่อกี้จะเป็นคำถามที่เอ่ยถามอย่างไม่จริงจังนัก แต่คราวนี้เป็นคำถามที่จริงจัง อินซอบอ่อนไหวกับความเครียดเป็นพิเศษ นี่เป็นคำพูดที่เขาได้ยินจนเบื่อทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาล แม้จะอยากจับครอบครัวที่เกาะติดกับอินซอบโดยธรรมชาติแยกออกมา แต่เขาก็อยากให้อีกฝ่ายได้พักในที่ที่รู้สึกสบายใจจนกว่าจะจัดการกับความเศร้าได้

“ไม่ครับ ผมจะกลับเกาหลี”

อินซอบส่ายหน้า

“ผมไม่เป็นไร คุณใช้เวลากันครอบครัวสักพักเถอะครับ”

แม้จะทำให้รู้สึกไม่ดี แต่คำพูดที่แอรอนพูดนั้นถูกต้อง มันมีความสัมพันธ์ที่มีแค่ครอบครัวเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มได้ ตัวเขาซึ่งขาดความสามารถในการรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นไม่สามารถปลอบอินซอบได้เลย และอินซอบต้องได้รับการปลอบโยนจากครอบครัว

“…คุณอีอูยอนก็เป็นครอบครัวของผมนะครับ”

อินซอบเอ่ยแย้งเล็กน้อย ริ้วสีแดงปรากฏบนแก้มของเขา พออีอูยอนไม่ตอบอะไร อินซอบหันหน้าไปอย่างลุกลี้ลุกลนและพึมพำราวกับแก้ตัว

“ถะ ถึงจะยังไม่ใช่ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นครับ”

เสียงระฆังของโบสถ์ที่บอกเวลาดังขึ้น

ความรู้สึกของคนไม่ใช่สิ่งที่สามารถแยกแยะและตัดสินได้อย่างชัดเจน เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองมีใจให้ชเวอินซอบตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงชอบ

แต่เขาก็รู้สึกถึงช่วงเวลาที่ตกหลุมรักได้ทุกครั้ง

เขารับรู้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้าสวยขึ้นทุกครั้งที่กะพริบตา ความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำสีหน้าอย่างไร และได้แต่มองอีกฝ่ายราวกับคนโง่ และความเจ็บปวดที่ซับซ้อนเกินบรรยายที่รู้สึกในอกเพราะท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของอีกฝ่าย

“อินซอบ”

อินซอบเงยหน้าเพราะการเอ่ยเรียกที่แผ่วเบาของอีอูยอน

“คุณแต่งงานกับผมวันนี้ได้ไหม”

หลังจากถูกขอแต่งงาน ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้จะสามารถมาอเมริกาและจัดการเอกสารต่างๆ ได้ และไปที่ไหนก็ได้ตอนนี้เพื่อจัดงานแต่งงาน แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

หลังจากพูดความรักลึกซึ้งที่เอ่อล้นขึ้นมาออกไป อีอูยอนก็กัดริมฝีปากที่แห้งผากเบาๆ

จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ ชเวอินซอบกับคนอย่างเรา…

“ครับ”

คำตอบที่ไม่มีความลังเลใดๆ ถูกส่งกลับมา อินซอบให้คำตอบอย่างชัดเจนราวกับอ่านความกังวลใจของอีอูยอนออก อีกฝ่ายทำให้ตนอยู่ในโลกของความกังวลใจแบบนั้นทุกครั้ง

“แต่งครับ”

อินซอบพยักหน้าพลางเอ่ยตอบอีกครั้ง เขากำมือที่มีเหงื่อซึมและกางออก จากนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสของโลหะที่สวมอยู่ที่นิ้วก้อย และตอนนี้ก็คุ้นชินกับมันแล้ว อีอูยอนหัวเราะและจับมือของอินซอบไว้

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท