ตอนที่ 337 ได้ยินโดยไม่ตั้งใจ
ถึงว่านฮุ่ยจะกลับไปคบกับเหยียนเหวินเล่อได้อีกครั้ง และสารภาพรักสำเร็จ แต่หล่อนกลับไม่รู้สึกยินดีปรีดาเท่าใดนัก
หล่อนเดินกลับบ้านด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พอเห็นว่าแม่ว่านกำลังพูดคุยและหัวเราะอยู่กับว่านเสียนผู้เป็นพี่สาว หล่อนก็เริ่มโมโหด้วยความอิจฉา
แม่ว่านมีลูกสาวแท้ ๆ ถึงสองคน แต่กลับปฏิบัติต่อหล่อนไม่ดีเท่าพี่สาว
พอเห็นหล่อนเดินเข้ามา แม่ว่านก็หุบยิ้มฉับพลัน ถามว่า “ผลสอบเลื่อนชั้นเป็นยังไงบ้าง?”
ว่านฮุ่ยตอบกระซิบราวกับคนมีความผิด “ฉันสอบได้ 540 คะแนน”
ทันใดนั้นแม่ว่านก็ปรบมือเสียงดังด้วยความตี่นเต้น แล้วพูดอย่างมีความสุข “แกทำคะแนนได้ไม่เลวเลย ต้องสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาได้แน่ แกกับพี่สาวนี่เก่งทั้งคู่ คนหนึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ อีกคนก็สอบเรียนต่อปวช.ได้ ครอบครัวเราได้รับโชคถึงสองชั้น ไม่ได้การ ฉันต้องออกไปซื้อหมูมาตุ๋นเป็นการฉลองให้ลูก ๆ สองคนแล้ว!”
พูดจบก็เดินไปเปิดลิ้นชักที่ล็อกไว้เพื่อหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง
ว่านฮุ่ยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ? พี่สาวสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง? พี่เคยบอกว่าผลคะแนนรวมออกมาไม่ดีนักไม่ใช่เหรอ ไม่ผ่านเกณฑ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ?”
ว่านเสียนอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยระบบปกติหรือวิทยาลัยทั่วไปซะหน่อย แต่สมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยทางไกล(1) เป็นการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นปีนี้ ที่นี่เป็นสถาบันตัวเลือกที่สามของฉัน คะแนนต่ำสุดต่ำกว่าคะแนนสอบเข้าของวิทยาลัยทั่วไปซะอีก คะแนนสอบของฉันเลยผ่านเกณฑ์การรับสมัครของมหาวิทยาลัยนี้”
ว่านฮุ่ยจ้องไปที่ว่านเสียนอย่างไม่เชื่อสายตา
ผู้หญิงคนนี้โชคดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ก่อนหล่อนจะเกิด แม่ว่านได้หกล้มในขณะที่กำลังตั้งท้องหล่อน ทำให้หล่อนต้องคลอดก่อนกำหนด แต่สุขภาพของหล่อนกลับแข็งแรงดี
ว่านเสียนฉายแววสวยและน่ารักมาตั้งแต่เด็กแล้ว ในขณะที่หน้าตาของหล่อนเองกลับจืดชืด
สมัยเรียน คะแนนสอบทั่วไปของว่านเสียนอยู่ในระดับกลาง ๆ แต่กลับทำคะแนนสอบไล่ได้ดีกว่าปกติไปเสียทุกครั้ง ในขณะที่หล่อนทำคะแนนสอบได้แย่กว่าปกติ
ถึงว่านฮุ่ยจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีความสุขอยู่บ้าง
แน่นอนว่าหล่อนมีความสุขเพราะตัวเอง ไม่ใช่เพราะว่านเสียนแต่อย่างใด
หล่อนอิจฉาพี่สาวคนนี้มาโดยตลอด เรื่องอะไรจะยินดีกับความสำเร็จของอีกฝ่ายกันเล่า!
ที่ดีใจก็เพราะการที่ว่านเสียนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทางไกลนั้นมีข้อดีอยู่บ้าง
นักศึกษาทุกคนจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ หมายความว่าครอบครัวจะเหลือเงินไว้จ่ายค่าเล่าเรียนชั้นมัธยมปลายของหล่อน
ว่านฮุ่ยบอกความจริงกับแม่ว่านอย่างระมัดระวัง “แม่ ฉัน… ฉันสมัครเรียนที่โรงเรียนอาชีวศึกษาไม่ได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าแม่ว่านแข็งค้าง พูดเสียงดังว่า “พูดบ้าอะไรของแก? ทำไมแกจะสมัครเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาไม่ได้? แกเพิ่งบอกว่าตัวเองสอบได้ 540 คะแนนไม่ใช่เหรอ คะแนนสูงขนาดนั้นจะพลาดโอกาสได้ยังไง?”
ว่านฮุ่ยหดคอ ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงกระซิบ “คะแนนต่ำสุดในการสอบเข้าปวช.ปีนี้คือ 541 ฉันขาดไปแค่คะแนนเดียว…”
แม่ว่านระเบิดโทสะออกมาทันที เงื้อมือไปตบลูกสาวหลายครั้ง “ทำไมแกไม่รู้จักตั้งใจสอบให้มากกว่านี้ หา! ทำไมอีกแค่คะแนนเดียวแกถึงทำไม่ได้? นังลูกไม่รักดี แกอยากให้ฉันอกแตกตายรึไง!”
ถ้าเป็นเวลาปกติ ทุกครั้งที่แม่ว่านลงไม้ลงมือกับหล่อน หล่อนไม่มีทางอยู่เฉย คงวิ่งหนีเตลิดไปแล้ว หล่อนไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะทนมือทนเท้าใครได้ขนาดนั้น
แต่ตอนนี้ หล่อนกลับอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงสะอื้นไห้ “ฉันก็หวังว่าตัวเองจะได้คะแนนสอบมากกว่านี้เหมือนกัน ฉันเองก็อยากทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ แต่… ฉันกลับทำไม่สำเร็จ ถึงฉันจะเรียนต่อปวช.ไม่ได้ ก็ยังเรียนต่อมัธยมปลายได้นะแม่ อีกหน่อยยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เป็นมหาวิทยาลัยระบบปกติด้วยนะ”
ขณะที่พูดประโยคสุดท้ายออกมา ว่านฮุ่ยชำเลืองมองไปทางว่านเสียนเป็นเชิงดูถูกว่าว่านเสียนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทางไกลที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีอะไรดีเด่เป็นพิเศษ
ใบหน้าแม่ว่านมืดดำราวกับก้นหม้อ “แกเนี่ยนะจะเรียนต่อมัธยมปลาย? ทำไมไม่หัดดูสภาพครอบครัวของตัวเองบ้าง พ่อแกทำงานประจำ ส่วนฉันทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้กับโรงงานสิ่งทอมาหลายปีแล้ว ค่าจ้างสองคนรวมกันยังไม่ถึงห้าสิบหยวนเลยด้วยซ้ำ ห้าสิบหยวนที่ว่ายังต้องเจียดมาหาเลี้ยงครอบครัวที่มีสมาชิกห้าคน ไหนจะต้องส่งเงินให้กับปู่ย่าตายายที่อยู่ในชนบทอีก ช่วงนี้ยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ กว่าจะเก็บเงินให้ได้สักเดือนละสองสามหยวนต้องประหยัดแทบตาย น้องชายแกก็กำลังจะเรียนต่อมัธยมต้น แต่ไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดัง พวกเราเลยต้องหาเงินมาสนับสนุนให้เขาได้เรียนในโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดังให้ได้ ต่อให้พี่สาวแกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยทางไกล แต่ทางมหาวิทยาลัยก็สนับสนุนแค่ค่าเล่าเรียน ไม่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐเป็นรายเดือนซะหน่อย ลองคิดดูว่าระหว่างเรียนต้องใช้เงินเท่าไหร่ แล้วที่บ้านจะมีเงินเหลือส่งให้แกเรียนได้ยังไง?”
จากนั้นแม่ว่านก็โบกมือ “อย่าคิดมากเลย อยู่บ้านเฉย ๆ ให้สบายใจสักสองสามวันก่อน เดี๋ยวอีกสองวันฉันจะพาแกไปสมัครเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่โรงงานสิ่งทอ ทำงานหาเงินส่งพี่สาวกับน้องชายแกเรียน”
ว่านฮุ่ยอุตส่าห์คำนวณเป็นพัน ๆ ครั้ง แต่กลับลืมคิดไปว่าการเรียนมหาวิทยาลัยทางไกลต้องควักเงินจ่ายเองส่วนหนึ่ง
หล่อนคับข้องใจจนน้ำตาไหล “ทำไมฉันต้องหาเงินส่งพี่สาวกับน้องชายเรียนด้วย?”
“ก็เพราะแกสอบเรียนต่อปวช.ไม่ได้ยังไงล่ะ!” แม่ว่านพูดอย่างโกรธเคือง
“ฉันเรียนต่อปวช.ไม่ได้แล้วจะเป็นไรไป? ทีพี่สาวยังมีโอกาสได้เรียนมัธยมปลาย แถมยังได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย! ทำไมหล่อนเรียนมัธยมปลายได้ แต่ฉันถึงเรียนไม่ได้?”
เหยียนเหวินเล่อเอาแต่ถอนหายใจ เพราะได้ยินว่านฮุ่ยเล่าให้ฟังระหว่างเดินกลับจากโรงเรียนว่าพ่อแม่ของหล่อนมีอคติ ต่อให้หล่อนเรียนต่อปวช.ไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีทางส่งหล่อนเรียนต่อมัธยมปลายแน่นอน
พอกลับถึงบ้าน เขาก็เอาแต่คิดกังวลเรื่องนี้
หรือจะขอเงินจากพ่อแม่แล้วส่งหล่อนเรียนต่อดี?
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็จำเป็นต้องอธิบายให้พ่อแม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับว่านฮุ่ยเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าพ่อแม่ยังไม่อนุญาตให้เขามีแฟนในวัยเรียน
ถ้าบอกพ่อแม่ว่าหล่อนเป็นแฟนสาวของเขา ไม่ต้องพูดถึงการขอเงินส่งว่านฮุ่ยเรียนเลย เกรงว่าตัวเขาเองอาจจะโดนจับหักขาซะก่อน!
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นาน เขาก็ตัดสินใจควักเงินค่าขนมที่ตัวเองเก็บสะสมมาหลายปี ตั้งใจว่าจะเอาเงินจำนวนนี้ไปลงทุนซื้อสินค้าจากถนนฮั่นเจิ้ง แล้วตั้งแผงขายของริมถนนกับว่านฮุ่ยเพื่อช่วยหาค่าเล่าเรียน
เขาจึงตั้งใจแวะมาหาหล่อนเป็นพิเศษเพื่อชวนออกไปซื้อของด้วยกัน
เขาวางแผนว่าจะหาซื้อของ แวะกินอาหารง่าย ๆ นอกบ้าน จากนั้นก็ไปที่ถนนเจียงฮั่นเพื่อตั้งแผงขาย
แต่ทันทีที่เขาเดินขึ้นไปบนตึกแล้วหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่ครอบครัวของว่านฮุ่ยอาศัยอยู่ ก็ต้องกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของว่านฮุ่ย
พ่อแม่ของว่านฮุ่ยชักจะเกินไปแล้ว โดยเฉพาะแม่ของหล่อนที่ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด!
เขาตั้งท่าจะผลักประตูเข้าไปโต้เถียงกับแม่ว่าน แต่แม่ว่านกลับถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียก่อน “ทำไมพี่สาวแกถึงได้เรียนต่อมัธยมปลาย เรื่องนั้นแกรู้ดีแก่ใจ! ตอนที่พี่สาวแกกำลังจะสอบไล่ แกตั้งใจใส่ยาถ่ายผสมน้ำให้หล่อนดื่ม จนหล่อนท้องเสียรุนแรง ต้องออกจากห้องสอบก่อนจะสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ!”
ดวงตาของว่านฮุ่ยวาวโรจน์ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต่อให้ฉันไม่วางยาถ่ายพี่สาว แล้วคะแนนสอบของหล่อนมากพอที่จะเรียนต่อปวช.ในปีนั้นหรือไง? ผลการเรียนของหล่อนไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นซะหน่อย”
เรื่องวางยาถ่ายในน้ำของว่านเสียน เป็นวีรกรรมที่หล่อนเสียใจที่สุดในบรรดาทุกสิ่งที่หล่อนทำลงไปแล้ว
หล่อนรู้ดีว่าโอกาสของว่านเสียนที่จะได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษามีน้อยมาก แต่หล่อนก็ยังกลัวว่าถ้าอีกฝ่ายทำได้ขึ้นมา พ่อแม่ของหล่อนจะยิ่งโปรดปรานหล่อนมากขึ้น
เพื่อความปลอดภัย ว่านฮุ่ยจึงทำทุกวิถีทางให้ว่านเสียนไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาได้ ดังนั้นหล่อนจึงยอมเสี่ยง เทยาถ่ายผสมลงในน้ำดื่มของพี่สาว โชคร้ายที่น้องชายตัวดีดันเห็นกระบวนการทั้งหมด
ตอนนั้นหล่อนโกหกน้องชายว่า ตัวเองใส่น้ำตาลลงไปในน้ำของว่านเสียน เพื่อที่หล่อนดื่มเข้าไปแล้วจะทำข้อสอบได้อย่างไหลลื่นยิ่งขึ้น
น้องชายตัวดีก็หลงเชื่อ
ผลคือว่านเสียนต้องออกจากห้องสอบก่อนกำหนดเนื่องจากอาการท้องเสียรุนแรง และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ความจริงจึงถูกเปิดโปงจากปากน้องชายตัวดี
พอได้ยินว่าว่านฮุ่ยไม่รู้สำนึกกับความผิดของตัวเอง แม่ว่านก็โกรธมากจนอยากคว้าอะไรใกล้มือสักอย่างมาทุบตีหล่อนซะ แต่ว่านเสียนห้ามไว้
“แม่ เรื่องทั้งหมดมันผ่านมานานแล้ว อย่าขุดคุ้ยถึงมันอีกเลย ที่น้องสาวพูดก็มีเหตุผล ต่อให้หล่อนไม่วางยาถ่ายในน้ำให้ฉันดื่ม ฉันก็อาจจะสอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษาไม่ได้อยู่ดี”
แม่ว่านชี้หน้าว่านฮุ่ยพลางพูดว่า “แกเอาแต่โพนทะนากับคนอื่นว่าฉันกับพ่อแกลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน ฉันปฏิบัติต่อพี่สาวและน้องชายของแกอย่างดี แต่กลับไม่ทำแบบนั้นกับแกบ้าง ทำไมแกไม่พูดความจริงไปล่ะ ว่าพี่สาวแกน่ะมีจิตใจดีกว่าแกเป็นร้อยเท่า ฉันจะทำดีกับหล่อนมากกว่ามันผิดตรงไหน?”
ยังไม่ทันที่ว่านฮุ่ยกำลังจะโต้กลับ หล่อนก็ได้ยินเสียงของว่านซีหรงผู้เป็นน้องชายดังมาจากข้างนอก “พี่เหวินเล่อ ทำไมพี่ไม่เข้าไปข้างในล่ะครับ? มายืนแอบฟังอะไรตรงนี้?”
สีหน้าของผู้หญิงทั้งสามคนในห้องเปลี่ยนไปจากเดิมทันควัน
…………………………………………………………………………………………………………….
มหาวิทยาลัยทางไกล (中央电大) คือชื่อเดิมของ Open University of China (国家开放大学) ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 มีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ ปัจจุบันปรับรูปแบบเป็นการผสมผสานระหว่างการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว และการเรียนผ่านออนไลน์
สารจากผู้แปล
ต้องโทษยัยป้าว่านก่อนเลยที่รักลูกไม่เท่ากัน ไม่งั้นว่านฮุ่ยจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนต้องทำร้ายคนอื่นไหม
ไหหม่า(海馬)