รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 321 ผู้ฝึกตนเทวาโมโหแล้ว โหดเหี้ยมวิปริตเกินไปแล้ว!

บทที่ 321 ผู้ฝึกตนเทวาโมโหแล้ว โหดเหี้ยมวิปริตเกินไปแล้ว!

บทที่ 321 ผู้ฝึกตนเทวาโมโหแล้ว โหดเหี้ยมวิปริตเกินไปแล้ว!

“เจ้า!”

หลิงอินโกรธจัดจนหน้าแดง ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน คำพูดของจักรพรรดิบุปผาทำให้นางขุ่นเคืองใจอย่างยิ่ง เจตนาฆ่าของนางเหลือล้น!

จะมีคนไร้ยางอายเลือดเย็นโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้อย่างไร!?

“แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรือ?”

จักรพรรดิบุปผาหัวเราะ ไม่สนใจกลิ่นอายสังหารบนร่างของหลิงอิน

นี่เพราะนางมั่นใจว่ามีอำนาจและพละกำลังอย่างแท้จริง

ในสมัยโบราณนางเดินทางข้ามอาณาจักร แม้แต่มหาจักรพรรดิก็ยังห่างชั้นจะเป็นคู่ต่อกรกับนาง ยากจะหยุดยั้งฝ่ามือของนาง นางจึงมั่นใจมาก

“อย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจำเหตุการณ์นี้ได้ดีเชียว มาสิ ให้เจ้ามาดูข้ารำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยกัน”

บนใบหน้าแก่ชราเผยรอยยิ้มน่าสะพรึงชวนให้คนมองหนังศีรษะชา จิตวิญญาณสั่นสะท้าน

สีหน้าของนางอึมครึมอย่างน่ากลัวไม่ได้เห็นหลิงอินอยู่ในสายตา เมื่อเห็นสีหน้าหลิงอินเจ็บปวด นางอยากจะโรยเกลือลงบนแผลสด ใช้พลังอภินิหารสร้างฉากในเวลานั้นขึ้นมาใหม่!

ประกายแสงวูบวาบในอากาศ ในที่สุดก็ปรากฏภาพขนาดย่อส่วน

เป็นจักรพรรดิบุปผากับเสี่ยวหยาปรากฏตัวบนภาพ!

ในเวลานั้นจักรพรรดิบุปผายังอายุไม่มากนัก หลังฝึกตนมาร้อยปีก็คล้ายคนอายุเพียงยี่สิบถึงสามสิบปีเท่านั้น

นางกำลังใช้มีดขุดกระดูกของเสี่ยวหยา!

มันเป็นอย่างนางเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ นางวิปริตซะไม่มี เพื่อจะรักษาสติของเสี่ยวหยาถึงกับใช้พลัง

ป้องกันไม่ให้เสี่ยวหยาหมดสติ ให้เสี่ยวหยามองนางขุดกระดูกของตนเอง!

“เสี่ยวหยา!!!”

เมื่อเห็นฉากนี้ ทั่วร่างหลิงอินก็ปะทุไปด้วยเพลิงโทสะ นางกำมือแน่น เล็บของนางจิกเข้าไปในเนื้อ เลือดไหลหยดลงมา!

แต่นางไม่ได้ลงมือทันที

บนภาพเสี่ยวหยาอ้าปากจะพูดบางอย่าง นางอยากได้ยินว่าเสี่ยวหยาพูดอะไร

“เจ้า…เอาศพของข้าไปด้วยได้หรือไม่ อย่าทิ้งไว้ที่นี่… ข้าเกรงว่าพี่ชายของข้ากลับมาจะรับไม่ได้…”

เสี่ยวหยาบอกเสียงขาดเป็นช่วง ๆ

“วางใจเถอะ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะไม่เอาศพเจ้าไปด้วยเด็ดขาด ข้ายังจะเย็บแผลให้เจ้าด้วย เตรียมเอาไว้เผื่อพี่ชายจำเจ้าไม่ได้”

จักรพรรดิบุปผาในภาพกำลังหัวเราะ โหดเหี้ยมไร้ความเมตตาและไร้ความเป็นคน

นางโหดเหี้ยมเกินไป ฆ่าคนแล้วต้องทรมานจิตใจ จงใจเอ่ยเช่นนั้น

“อ๊า!! เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!”

หลิงอินคล้ายจะเสียสติ ฆ่าคนได้ในพริบตา จักรพรรดิบุปผาจงใจทรมานเสี่ยวหยา ใช้กำลังรักษาสติ เพื่อไม่ให้เสี่ยวหยาหมดสติ ซ้ำยังให้นางมองกระดูกที่กำลังถูกขุดออกไปด้วยตาตนเอง เจ็บปวดทรมานจากการถูกขุดออกมา!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจักรพรรดิบุปผาเอ่ยคำพูดบีบคั้นหัวใจ!

นางจงใจฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ไม่เคยรู้สึกอยากฆ่าใครมากถึงเพียงนี้มาก่อน!

“เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?”

จักรพรรดิบุปผาในใบหน้าชราเหี่ยวย่นเผยรอยยิ้มพลางกล่าว “บางทีอาจเป็นรอยยิ้มของนางสดใสเกินไป ดวงตาของนางใสซื่อมาก รอยยิ้มสดใสกับดวงตาใสซื่อทำร้ายจิตใจของข้า”

นางแสดงสีหน้ารำลึกความหลังแล้วพลางกล่าวว่า “เหตุใดผู้คนถึงต่างกันมากถึงเพียงนี้? นางสามารถเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ แต่ข้ากลับมีคุณสมบัติปานกลาง ไม่มีพรสวรรค์! ข้าไม่ยอมรับ ยิ่งเห็นคนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เส้นทางสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม หากเป็นเช่นนั้นข้าจะทำลายลูกรักสวรรค์ของมันเสีย!”

หุบเขาคงหลิงตั้งอยู่บนยอดเมฆ มีมรดกตกทอดโบราณ นางเกิดในหุบเขาคงหลิงแห่งนี้ มีคุณสมบัติปานกลาง ร้อยปีผ่านมาชีวิตของนางไม่ได้ดีเสียเท่าไร จิตใจของนางย่อมวิปริต!

หลังนางเห็นคนสมบูรณ์แบบเช่นเสี่ยวหยา นางก็ยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองมากมากขึ้น

นางเกลียดสวรรค์ที่ไม่ยุติธรรม เหตุใดเสี่ยวหยาถึงสมบูรณ์แบบได้ถึงเพียงนี้!

“เจ้า…เจ้า…เจ้า! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หุบเขาคงหลิงของพวกเราจะถือว่าไม่มีคนอย่างเจ้าอีก!”

จ้าวหุบเขาคงหลิงเห็นทุกอย่างด้วยตาของนางเองจึงโกรธมาก แม้ว่านางจะเหลือพลังชีวิตเพียงครึ่งเดียว แต่นางก็ใช้กำลังพยุงตัวเองมาหยุดอยู่ใกล้ร่างจักรพรรดิบุปผา

จ้าวหุบเขาคงหลิงคนปัจจุบันจดจ้องจักรพรรดิบุปผาด้วยความโกรธ ร่างกายของนางสั่นเทา นางคาดไม่ถึงว่าจักรพรรดิบุปผาบุคคลในตำนานของหุบเขาคงหลิง จะเป็นคนโหดเหี้ยมวิปริตถึงเพียงนี้!

เพียงเพราะรอยยิ้มของเสี่ยวหยานั้นสดใสไร้เดียงสา จักรพรรดิบุปผาถึงกับกระทำต่อเสี่ยวหยาเช่นนี้!?

นี่มันไม่ใช่คนแล้ว กระทั่งสัตว์เดรัจฉานยังไม่ทำเช่นนี้!

สัตว์เดรัจฉานยังทำเรื่องวิปริตโหดเหี้ยมเช่นนี้ออกมาไม่ได้เลย!

“เจ้าเป็นใคร?”

จักรพรรดิบุปผาเหลือบมองจ้าวหุบเขาคงหลิงเอ่ยถามอย่างสงสัย “กระดูกของเจ้าอยู่ที่ใด?”

นางเห็นสภาพของจ้าวหุบเขาคงหลิง ทั่วทั้งร่างไม่มีร่างกระดูก เหลือเพียงหนังกับกายเนื้อเท่านั้น

“ข้าคือจ้าวหุบเขาคงหลิงคนปัจจุบัน!”

จ้าวหุบเขาคงหลิงกล่าวกับจักรพรรดิบุปผา ขณะที่ดวงตาของนางแฝงประกายโทสะ “หลังจากวันนี้ ข้าจะประกาศการกระทำชั่วร้ายของเจ้าให้ศิษย์ทุกคนในหุบเขาคงหลิงรับรู้ เจ้าจะไม่ใช่ผู้อาวุโสในหุบเขาคงหลิงของข้าอีกต่อไป”

นางไม่อาจให้อภัยพฤติกรรมของจักรพรรดิบุปผาต่ำต้อยยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานไม่ได้ แม้ระดับการบำเพ็ญของจักรพรรดิบุปผาจะลึกล้ำปานใด เหนือกว่ามหาจักรพรรดิไปมากแค่ไหน นางก็จะให้หุบเขาคงหลิงตัดสัมพันธ์กับจักรพรรดิบุปผาอยู่ดี!

“ไม่เลว!”

“ท่านจ้าวหุบเขาคงหลิง พวกเราสนับสนุนท่าน!”

พลันผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งเหาะเหินเข้ามา ทุกคนโกรธเป็นอย่างมาก คนวิปริตผิดมนุษย์เช่นนี้ยังเป็นคนได้อยู่หรือ?

หากให้พวกนางอยู่กับจักรพรรดิบุปผาต่อย่อมรู้สึกละอายไม่น้อย!

“กระทำชั่วร้าย?”

จักรพรรดิบุปผาเย้ยหยันพลางกล่าวว่า “อันใดคือกระทำชั่วร้าย อันใดคือกระทำดี? หุบเขาคงหลิงไม่รู้หรือว่ากระดูกจักรพรรดิของข้าไปขุดจากผู้อื่นมา? ไม่ใช่ว่าใช้อย่างสบายใจหรอกหรือ ถึงทุกวันนี้ยังสืบทอดต่อรุ่นต่อรุ่น!”

นางมองจ้าวหุบเขาคงหลิงเอ่ยอย่างประชดประชัน “เอาล่ะ อย่าแสร้งร่ำไห้ทำเป็นคนมีเมตตาไปหน่อยเลย อวดตัวเป็นคนดี เจ้าก็ไม่ต่างจากข้าหรอก โลภมาก ไร้ยางอาย!”

“เจ้า!”

จ้าวหุบเขาคงหลิงขบกราม แต่ไม่พูดอะไร

ปราชญ์แห่งหุบเขาคงหลิงรู้ว่าจักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกของคนอื่น ตอนนั้นไม่ได้ลงโทษจักรพรรดิบุปผา กลับกลายเป็นสนับสนุนจักรพรรดิบุปผาเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังช่วยเก็บเรื่องขุดกระดูกอีกด้วย น้อยคนนักที่จะรู้ความจริง

รุ่นแล้วรุ่นเล่า มีคนรู้ความจริงน้อยลงกลับกลายเป็นว่ายิ่งได้รับความเคารพความศรัทธาจากศิษย์ในหุบเขาคงหลิงมากขึ้นกลายเป็นบุคคลในตำนานของหุบเขาคงหลิง!

รวมทั้งนางด้วยนี่เป็นความจริง

แม้นางจะรู้ความจริง แต่ในตอนนั้นนางก็ยังยอมรับกระดูกจักรพรรดิอยู่ดี ซ้ำยังรู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษที่ได้รับกระดูกจักรพรรดิ

จักรพรรดิบุปผากล่าวถูกต้อง พวกนางโลภและไร้ยางอายพอ ๆ กัน!

“ความทรงจำจบลงแล้ว น่าจะถึงเวลาทวงหนี้แล้วกระมัง”

จักรพรรดิบุปผามองหลิงอิน ใบหน้าเหี่ยวย่นปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน “เด็กน้อย ข้าไม่สนว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับฟ่านหยาเหยียนจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาข้า นี่ถือเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุดของเจ้า!”

นางมองหลิงอินด้วยท่าทางดูแคลนกล่าว “ทำลายสุสานของข้า เปิดโลงศพของข้า เจ้ายังพยายามจะเฆี่ยนศพของข้าหรือ? เหอะ…ข้าแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการ เจ้าคิดว่าต่อให้มีฉินวิเศษชิ้นหนึ่งจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?”

นางก็ส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ เจ้าผิดแล้ว ผิดมากเสียด้วย เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพลังท้าทายสวรรค์น่าเกรงขามเพียงใด!”

จากนั้นร่างของจักรพรรดิบุปผาก็ซวนเซ ก่อนจะมีแสงสว่างเจิดจ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากร่างของนาง ส่องสว่างไปทั่วท้องนภายามค่ำคืน!

รูปลักษณ์ของนางเริ่มเปลี่ยนไป เดิมทีนางมีหลังโค้งงอแต่ตอนนี้กลับค่อย ๆ ยืดขึ้นทีละน้อย!

นอกจากนี้ร่างกายแก่เฒ่าก็เริ่มย้อนคืนวัยเยาว์ ผิวหนังเหี่ยวย่นเริ่มจะกลมเกลี้ยงเรียบเนียน นางอ่อนเยาว์กว่าเดิม ไม่ใช่หญิงชราอีกต่อไป ลมหายใจแห่งชีวิตพรั่งพรูออกมาขยายเป็นวงกว้าง!

นางช่างท้าทายสวรรค์จริง ๆ!

ไม่ต้องพูดถึงช่วงชีวิตตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน นางได้เป็นกลายเป็นหญิงชราไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นหญิงอ่อนเยาว์!

นี่มัน…เรื่องอะไรกันแน่!

จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสต่างตกตะลึง

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของจักรพรรดิบุปผาเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ นับว่าขัดต่อความรู้ความเข้าใจของพวกนางอย่างสิ้นเชิง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท