รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 322 ถ่ายทอดคำสั่ง คนในหุบเขาคงหลิงทุกคนจงออกมาต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผา!

บทที่ 322 ถ่ายทอดคำสั่ง คนในหุบเขาคงหลิงทุกคนจงออกมาต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผา!

บทที่ 322 ถ่ายทอดคำสั่ง คนในหุบเขาคงหลิงทุกคนจงออกมาต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผา!

“ตอนนี้เจ้ารับรู้หรือยังว่าตนเองโง่เขลาแต่เพียงใด?”

จักรพรรดิบุปผาลอยสูงบนนภา ร่างกายเปล่งประกายพร่างพราวสว่างไสวจนไม่อาจหาผู้เทียบ ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี ร่างกายของนางสุกสกาวยิ่งกว่าสิ่งใด

นางก้มลงมองหลิงอินด้วยสีหน้าไม่แยแส ทำตัวประหนึ่งตนเองเป็นผู้ปกครอง ส่วนหลิงอินก็เป็นเพียงมดแมลงตัวเล็ก ๆ อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของนาง

หากมองในแง่ขอบเขตอย่างเดียวแล้ว ขั้นราชันเทวาอย่างหลิงอินนั้นย่อมไม่อาจเทียบนางได้ ช่องว่างระหว่างกันกว้างประหนึ่งโลกและสวรรค์

ทว่าน่าเสียดาย ที่ตัวของหลิงอินนั้นไม่อาจเอาขอบเขตขั้นมาวัดได้!

“ข้ามีความสุขมาก มีความสุขมาก ๆ เลย!”

รอยยิ้มเจิดจ้าวาดขึ้นมาเต็มใบหน้าของหลิงอิน

นางระงับความโกรธภายในใจ พยายามสงบสติอารมณ์ตนเอง

นางกลัวว่าตนเองจะโมโหเกินไปแล้วพลั้งมือสังหารจักรพรรดิบุปผา!

นั่นนับว่ายังไม่สาสมสำหรับจักรพรรดิบุปผา!

นางต้องการจะทำให้จักรพรรดิบุปผารู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย ต้องการให้จักรพรรดิบุปผาได้สัมผัสสิ่งเดียวกันกับที่เสี่ยวหยาต้องประสบ!

ไม่ใช่นั้นแล้วนางคงไม่อาจดับความแค้นภายในใจได้!

สถานการณ์ของจักรพรรดิบุปผานั้นพิเศษเป็นอย่างมาก นางหวนกลับจากวัยชราสู่จุดรุ่งโรจน์ที่สุด ลมปราณที่แผ่ออกมานั้นน่ากลัวยิ่งกว่ามหาจักรพรรดิเสียอีก!

ทว่านางก็ยังคงไร้ซึ่งความกลัวเกรง ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

ก่อนหน้านี้ จ้าวหุบเขาเปิดค่ายกลโบราณขึ้นมาเพื่อจัดการกับนาง เพียงนางใช้ฉินเฟิ่งหมิงเล่นเพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาก็สามารถทำลายการโจมตีของค่ายกลของมหาจักรพรรดิยุคโบราณการได้อย่างง่ายดาย

หลังจากนั้น นางยังสามารถทำลายค่ายกลมหาจักรพรรดิยุคโบราณกาลได้โดยตรง!

พลังของจ้าวหุบเขานั้นไม่สามารถเรียกใช้พลังที่แท้จริงของค่ายกลโบราณได้ การโจมตีของจ้าวหุบเขาถูกนางทำลายลงไม่สามารถบ่งชี้สิ่งใดได้

ทว่านางยังสามารถทำลายค่ายกลของมหาจักรพรรดิยุคโบราณกาลได้โดยตรง เป็นการบ่งบอกถึงความสามารถของนางเป็นอย่างดี!

ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากบรรพชนขอบเขตมหาจักรพรรดิท่านหนึ่งของหุบเขาคงหลิง ก่อนจะได้รับการเสริมพลังมานับไม่ถ้วนผ่านมหาจักรพรรดิรุ่นแล้วรุ่นเล่า

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ค่ายกลมหาจักรพรรดิยุคโบราณกาลนั้นน่ากลัวและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจถูกผู้อื่นทำลายลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน

เกรงว่าแม้กระทั่งมหาจักรพรรดิบางคนยังไม่อาจทำลายค่ายกลนี้ลงได้

ทว่าหลิงอินกลับสามารถทำลายมันได้โดยตรง

นอกจากนี้พลังที่หลิงอินใช้ออกมายังห่างไกลจากพลังทั้งหมดของบทเพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาอยู่มาก

หากบทเพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาถูกปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ กระทั่งหลิงอินเองก็ยังไม่ทราบว่ามันจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

แต่สิ่งที่นางแน่ใจได้ก็คือ พลังอันยิ่งใหญ่ของมหาจักรพรรดิยังนับว่าอ่อนแอต่อหน้าเพลงฉินบทนี้ ทั้งยังสามารถถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ นางยังมีคันศรที่ท่านเซียนมอบให้ เมื่อมียอดศัสตราล้ำค่าจนไม่อาจประเมินได้ทั้งสองชิ้นอยู่ในมือนางแล้ว ไม่ว่าจักรพรรดิมวลบุปผาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ยังไม่อาจทำสิ่งใดได้!

ท่านเซียนยังเคยสอนให้นางยิงธนู ทำให้ทักษะการยิงธนูของนางสูงเป็นอย่างมาก พลังของคันศรที่นางสามารถใช้ออกมาได้ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน!

นางเต็มไปด้วยความมั่นใจ วันนี้จักรพรรดิบุปผาจะต้องล้างเลือดด้วยเลือด!

“นี่…เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

จักรพรรดิบุปผาที่เห็นว่าหลินอิงยังคงยิ้มกว้างได้ ก็พลันรู้สึกว่าหลิงอินเสียสติไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหลิงอินจะยังสามารถหัวเราะออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร!

“ไม่ได้บ้า ข้าแค่มีความสุขมา เจ้าชอบฉินของข้าหรือไม่?”

หลิงอินมองไปทางจักรพรรดิบุปผาด้วยความสงบนิ่ง

จักรพรรดิบุปผาหัวเราะแล้วกล่าวออกมา “เจ้าต้องการใช้ฉินแลกชีวิตของเจ้างั้นหรือ? อย่าแม้แต่จะคิด วันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องมอดม้วย!”

“ไม่ ไม่ ไม่”

หลิงอินส่ายหัว “ข้าหมายความว่า หากเจ้าชอบฉินของข้า ข้าก็มีสมบัติล้ำค่าและพิเศษพอ ๆ กับฉินมาแสดงให้เจ้าได้เห็น…”

“ยังมีอะไรอีก!?”

จักรพรรดิบุปผาขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยก่อตัวขึ้นมา

ฉินในมือของหลิงอินนั้นน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แต่หลิงอินยังกล่าวออกมาอีกว่ายังมียอดศัสตราน่าตื่นตะลึงไม่ธรรมดาอีกหนึ่งชิ้น

นี่นับเป็นเรื่องที่นางคาดไม่ถึง

นางเริ่มให้ความสนใจกับหลินอินมากยิ่งขึ้น!

หลิงอินอาจจะไม่ธรรมดาสามัญอย่างที่นางคิด!

“เจ้าลองดูสิว่าเจ้าชอบมันหรือเปล่า!”

หลิงอินยิ้มน้อย ๆ แล้วแบมือออก พลันคันศรขนาดใหญ่ปรากฏออกมาท่ามกลางแสงเจิดจ้าในฝ่ามือของนาง!

“มีจริงหรือ?”

จักรพรรดิบุปผาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาสองข้างจับจ้องไปทางหลิงอินไม่วางตา “เจ้าเป็นใครกันแน่!?”

คันศรขนาดใหญ่ไม่ต่างอะไรไปจากฉิน เปี่ยมด้วยพลังของเต๋าสูงสุดที่ไม่อาจจินตนาการถึงไหลเวียนอยู่ แม้แต่ตัวนางเทียบกับเต๋าสูงสุดในนั้นแล้วก็ยังห่างไกลไม่เห็นฝุ่น!

นางตื่นตะลึง หลิงอินนั้นมีเบื้องหลังและความเป็นมาอย่างไรถึงสามารถครอบครองยอดศัสตราล้ำค่าจนหาที่เปรียบไม่ได้ถึงสองชิ้น!?

“เจ้าสุขสมกับความทรงจำในตอนนั้นไม่ใช่หรือ? มาสิ มาให้ข้าช่วยระลึกความทรงจำนั้น ทว่าพวกเราแค่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งกัน ให้ข้าเป็นคนขุดเลาะกระดูก ส่วนเจ้าเป็นคนถูกขุดกระดูกออกมา!”

หลิงอินขึ้นสายเกาทัณฑ์ แสงรวมตัวกันกลายเป็นศรอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิงเข้าใส่จักรพรรดิบุปผา

“ผยองยิ่งนัก! เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

จักรพรรดิบุปผากล่าวออกมาเสียงดัง นางตบฝ่ามือออกไป พลังอันน่าหวาดเกรงมหาศาลราวกับห้วงสมุทรระเบิดอากาศออกจากกัน ฟ้าดินสะเทือนลั่น!

ทว่าพลังศรของหลิงอินนั้นแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง!

ฝ่ามือของนางสามารถบดบังดวงตะวันบนฟ้า เปี่ยมด้วยพลังไร้ขอบเขต แต่ไม่สามารถสกัดศรเอาไว้ได้ ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ!

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

ใบหน้าของนางอึมครึม แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ราชันเทวาตัวจ้อย กลับสามารถยิงศรที่ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร!?

ฝ่ามือของนางถูกเจาะทะลุ โลหิตไหลอาบลงมาไม่หยุด

แต่ด้วยความแข็งแกร่งของนางที่เหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวฝ่ามือก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ไม่ทิ้งรอยแผลไว้แม้แต่น้อย

หลิงอินอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

ศรที่นางยิงออกไปไม่ใช่ศรธรรมดา มันเปี่ยมด้วยเต๋าแห่งธนูอันทรงพลัง หลังจากเจาะฝ่ามือของจักรพรรดิบุปผาแล้ว เต๋าแห่งธนูก็ยังคงถูกทิ้งเอาไว้ในบาดแผลของจักรพรรดิบุปผา

ด้วยเต๋าแห่งธนูนี้ ย่อมทำให้จักรพรรดิบุปผาไม่อาจฟื้นตัวได้โดยง่าย

แต่จักรพรรดิบุปผากลับสามารถฟื้นฟูและรักษาบาดแผลได้ในทันที นับว่าจักรพรรดิบุปผานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ การที่สามารถอยู่ยืนยงได้ในสมัยโบราณกาล คงไม่ใช่เพียงเรื่องเยินยอเกินจริง!

“ช่างเป็นคันศรที่ล้ำค่าเสียจริง!”

จักรพรรดิบุปผาจับจ้องถูกในมือหลิงอิงด้วยประกายตาวับวาว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่หลิงอินสามารถยิงศรอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ ก็เพราะคันศรที่อยู่ในมือของนาง

คันศรนี้ไม่ธรรมดา ไม่เหมือนอาวุธวิเศษชิ้นอื่น ๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ต้องการระดับความแข็งแกร่งในการใช้งานความสามารถอันทรงพลัง

หัวใจของนางเต็มไปด้วยความร้อนลุ่ม ความโลภเริ่มครอบงำจิตใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็ต้องการจะได้รับคันศรนั่นมา!

หากคันศรนี้อยู่ในมือของนาง นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย การครอบครองใต้หล้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

“ความผิดพลาดในอดีต ไม่สามารถสลายไปได้ด้วยกาลเวลา!”

ในตอนนั้นเอง จ้าวหุบเขาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “แม่นางหลิงอิน หุบเขาคงหลิงเคยทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ วันนี้ให้พวกเราได้ชดใช้ความผิดพลาดนั้นด้วยเถอะ!”

แล้วนางก็หันไปมองจักรพรรดิบุปผา ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดัง “นางคือปลาเน่าของหุบเขาคงหลิง พวกเราในฐานะคนของหุบเขาคงหลิงมีหน้าที่ในการกำจัดนาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหุบเขาคงหลิง พวกเราก็จะต่อสู้กับนางอย่างถึงที่สุด!”

หลังจากนั้นนางก็มองไปทางเหล่าผู้อาวุโส

“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ทุกคนในหุบเขาคงหลิง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอเพียงมีความสามารถในการต่อสู้ ต้องมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปลาเน่าไร้ซึ่งมนุษยธรรมนี่!”

หุบเขาคงหลิงเคยทำผิดพลาดมาก่อน แต่ในวันนี้นางไม่ต้องการจะทำเรื่องผิดพลาดอีกครั้ง ทั้งยังต้องการจะชดเชยความผิดพลาดดังก่าว!

แม้นางจะรู้ดีว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างนางกับจักรพรรดินีบุปผา แต่นางก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท