เฮ่อเหลียนเวยเวยมีเพียงความคิดเดียวอยู่ในหัว
โอ้ ไม่นะ!
นางกระแอมออกมาสองครั้งก่อนจะหันกลับไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินตรงเข้ามาหานางแล้ว ช่วงขาเรียวยาวและเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีดำหรูหรา ทำให้เขาดูเหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่หลุดมาจากภาพวาดไม่มีผิด ชายแขนเสื้อของเขามีด้ายสีดำปักเป็นลวดลายรูปก้อนเมฆ และมีกระดุมสีเงินติดอยู่ เผยบรรยากาศอันตรายและน่าเกรงขามออกมา ความเย็นชาจากตัวเขานั้นสามารถสัมผัสได้ในทุกครั้งที่เขาขยับใกล้เข้ามา
“ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ” เขาก้มลงมองนางด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูเย็นชาอย่างยากอธิบาย
ใครจะคิดว่าในวินาทีถัดมา ชายหนุ่มที่เย็นชาอย่างกับน้ำแข็งคนนั้นจะโน้มตัวลงมา แล้วกระซิบข้างหูนางราวกับว่ารอบตัวนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ ”เจ้าอยากให้ข้าจัดการเจ้าตอนนี้หรือหลังจากนี้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น เสื้อคลุมของเขาต้องกับแสงอาทิตย์สีทองในยามเช้า ความอันตรายและน่าเกรงขามของเขายิ่งดูสง่างาม
นี่ทำให้บรรดาลูกคุณหนูทั้งหลายที่กำลังแอบดูอยู่ถึงกับหน้าขึ้นสี แต่พวกนางก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ลอบมองอีกครั้งได้
สีหน้าของเขายังคงราบเรียบ การควบคุมอำนาจซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ได้รับการปลูกฝังมาตลอดหลายปี นับว่ามันเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของเขาเลยก็ว่าได้
มันน่าจะทำให้อวิ๋นปี้ลั่วจำเขาได้อย่างง่ายดาย
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
อวิ๋นปี้ลั่วตัวแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ที่นางเห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น นางมองไปที่เขาด้วยดวงตาอาลัยอาวรณ์
แต่บรรดาอาจารย์ก็ไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูดคุยกับเขา หนึ่งในนั้นขยับแว่นสายตาของตน แล้วประกาศว่า ”ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ให้พวกเจ้ารวมกลุ่มกันเป็นจำนวนสิบคน แล้วเริ่มการอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เนื่องจากหลักสูตรนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตรายขึ้น ดังนั้นจึงจะให้ศิษย์จากหอชั้นเลิศรวมกลุ่มกับศิษย์จากหอสามัญ และให้ศิษย์จากหอชั้นเยี่ยมจับกลุ่มกับศิษย์จากหอชั้นดี เจ้าสามารถเลือกกลุ่มที่เจ้าต้องการตามลำดับหมายเลขของตนได้เลย”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ้มออกมา นางมองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขณะกล่าวว่า ”ทำไมพวกเราไม่ไปเข้าแถวกันก่อนล่ะ”
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เป็นประกายนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังใช้ดวงตาสุขุมเยือกเย็นจ้องมองนางอย่างเย็นชา เขาขยับตัวเข้าไปอยู่ข้างนางด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ท่าทางของเขาดูไม่งดงามเท่าใดนัก
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ทันใดนั้นต้นไม้ทุกต้นต่างก็เริ่มโอนเอนไปมา
“ตามข้ามา” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมบังคับอันเป็นนิสัยที่ภาคภูมิใจ
นางเกลียดความรู้สึกเช่นนี้ ความรู้สึกกดดันที่เหมือนจะบางเบาแต่กลับหนักอึ้งอย่างยากจะอธิบายได้ กับความรู้สึกที่มีคนมาเร่งนี้กำลังทำให้นางรู้สึกอึดอัด
ที่สำคัญ นางเกลียดการถูกข่มขู่!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองเงาทมิฬที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แล้วสาวเท้าเดินผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไร
ความคิดของนางนั้นเรียบง่ายยิ่งนัก นางจะคุยกับเขาหลังจากเขาจัดการธุระของตนเสร็จแล้ว
หลังจากเห็นเขาผลีผลามออกจากห้องไปเมื่อคืนนี้ นางก็รู้แล้วว่าอวิ๋นปี้ลั่วนั้นเป็นคนพิเศษสำหรับเขาจริงๆ
แต่ทำไมสุดท้ายแล้วถึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกล่ะ?
หรือว่าเขาจะต้องการให้นางเป็นโล่ให้กับอวิ๋นปี้ลั่วต่อไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา รอยยิ้มของนางเย็นชาเล็กน้อย
อาการเจ็บที่ท้องน้อยทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ
แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่นางไม่ยอม นั่นคือเรื่องที่นางจะไม่มีวันยอมเป็นโล่ของใครเด็ดขาด
แม้พวกนางจะร่วมมือกันก็จริง แต่คนพวกนั้นวางแผนที่จะใช้นางเป็นโล่กันกระสุนให้กับคนอื่นเหมือนนางโง่หรือ
หึ ไม่มีทางเสียหรอก
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด
สายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงเย็นชาเช่นเคย มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเขาค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น ในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา แม้กระทั่งอาจารย์ก็ยังรู้สึกหวั่นเกรงเมื่อเขาเดินเข้ามา
จิ่งอู๋ซวงเป็นคนเดียวที่กล้าจ้องตากับเขาโดยตรง แต่เขาก็ทำเพียงแค่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาเล็กน้อยโดยไม่ได้คิดที่จะเข้าไปรบกวน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเคลื่อนสายตาไปสบตากับผู้เป็นอาจารย์
อาจารย์ท่านนั้นคิดว่าศิษย์คนนี้อาจจะบีบคอเขาตายได้ในวินาทีถัดมา
แต่คาดไม่ถึงว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะหันหลังกลับ แล้วยอมเดินไปยืนอยู่ในตำแหน่งตามหมายเลขของตนแต่โดยดี ดวงตาของเขาดำทะมึนราวกับว่าเขาเห็นใครบางคนเข้า
อวิ๋นปี้ลั่วมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจากระยะไกลท่ามกลางผู้คน นางสูดหายใจเข้าลึก ไม่มีอะไรให้ต้องรีบร้อน
ยิ่งกว่านั้น นางก็ไม่สามารถทำลายแผนการของคุณชายได้ หากคำสาปนี้ยังอยู่ในร่างของนาง ผลลัพธ์ที่จะตามมาหากนางทำให้เขาไม่พอใจย่อมหนีไม่พ้นความตายอย่างแน่นอน
แต่ก่อนหน้านี้คุณชายเคยบอกว่า เขาจะคลายคำสาปให้นางทันทีที่นางสามารถกลับไปอยู่เคียงข้างองค์ชายได้
ในเมื่อยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว นางจึงทำได้เพียงแค่ต้องทนกับมันเท่านั้น
อวิ๋นปี้ลั่วหลุบตาลง แล้วจับกลุ่มกับคนที่อยู่รอบตัว
อีกด้านหนึ่งนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกับองค์ชายเจ็ดตัวน้อยที่อยู่ไกลๆ ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน
ลูกศิษย์จากหอชั้นเลิศยังมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ แต่พวกเขาก็กลัวเกินกว่าจะไปหาเรื่องเขา
ตรงกันข้าม องค์ชายเจ็ดตัวน้อยกลับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
การแสดงออกถึงความตื่นเต้นของเขานั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เขายืนตัวตรง บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง
คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างมีสีหน้าตกใจเพราะพวกเขารู้ว่าน้องชายตัวเล็กของพวกเขากำลังทำตัวต่างไปจากปกติ
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยไม่สนใจคนอื่น เขาเมินแม้กระทั่งสิ่งที่อาจารย์กำลังอธิบายอยู่ แล้วขยับขาอวบๆ เล็กๆ ของตนไปทีละนิด จนกระทั่งมาถึงข้างกายของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาก้มศีรษะลง แล้วกระซิบเบาๆ ว่า ”พี่สาม ท่านมีเนื้อแดดเดียวไหมขอรับ ข้าหิวแล้ว”
“ไม่มี” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าปกติ
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยขมวดคิ้ว แล้วจากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังไปเพราะสัมผัสได้ถึงอันตราย
“ไปเปลี่ยนให้พี่สะใภ้สามของเจ้ามาอยู่กลุ่มนี้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกคำสั่งเสียงเบา
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยมองไปยังอีกกลุ่มที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นก็มองใบหน้าด้านข้างอันเย็นชาของพี่สาม เขากัดนิ้วโป้งของตัวเอง ”ครั้งนี้ไม่ได้ขอรับ”
“หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วอันงดงามของตนขึ้น
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยทำหน้าตาดุดัน เขาขยับเข้าไปข้างหูของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วกัดมัน ”ท่านเจ้าสำนักบอกว่าพวกเราต้องทำตามกฎขอรับ มิฉะนั้นหน่วยพิฆาตวิญญาณจะไม่ยอมมอบเงินรางวัลให้เรา พี่สะใภ้สามกับข้าอยู่กลุ่มเดียวกันขอรับ หลังจากนี้ข้าก็อยากจะอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวโตๆ ออกมาเหมือนกันขอรับ”
“หน่วยพิฆาตวิญญาณหรือ” ราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ความเย็นชาภายในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงได้เลือนหายไปเล็กน้อย ”เมื่อวานนี้พวกเจ้าไปที่ฐานของหน่วยพิฆาตวิญญาณกันมาหรือ”
เด็กชายพยักหน้า แล้วเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่พอใจนัก ”ฮึ่ม มันอยู่ใต้ดินขอรับ ข้าตกน้ำ แล้วในน้ำก็ยังไม่มีปลาอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว โชคดีที่พี่สะใภ้สามช่วยข้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงได้อดตายอยู่ในน้ำแน่”
เงาทมิฬ : การทดสอบนั้นโหดร้ายจริงๆ… แต่… เวลาตกน้ำท่านก็ควรจะต้องจมน้ำตายมิใช่หรือ
ระหว่างที่ฟังผู้เป็นน้องชายพูดอยู่นั้น ใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังคงราบเรียบเช่นเดิม ราวกับว่าเรื่องพวกนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าตัวเล็กนี่คิดว่าสถานที่ที่ไม่มีปลา ไม่สมควรเรียกว่าน้ำ!
“นอกจากนั้นพวกเรายังเจอกับสัตว์อสูรที่เจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจด้วยนะขอรับ ท่านเจ้าสำนักบอกว่ามันเป็นการทดสอบ” องค์ชายเจ็ดตัวน้อยหรี่ดวงตาดุร้ายของตนลง ”สัตว์อสูรครึ่งปีศาจตัวนั้นออกมาจากใต้ดิน ตอนแรกพวกมันไร้รูปร่าง แล้วก็พุ่งเข้าทำร้ายข้ากับพี่สะใภ้สาม หนึ่งในนั้นถูกพี่สะใภ้สามสังหารไปแล้ว แต่อีกตัวหายไปขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น กิเลนอัคคีก็เอ่ยอะไรบางอย่างออกมาทันที ”นายท่านขอรับ มันเป็นสัตว์อสูรลวงตาจริงๆ ที่สำนักไท่ไป๋แห่งนี้จะต้องมีผู้บุกรุกอย่างแน่นอน และคนที่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรประเภทนั้นออกมาได้ก็คงจะมีฝีมือยอดเยี่ยมยิ่งนัก”