รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 323 เสียงกลองสงครามเป็นตายดังขึ้น หมายถึงสู้ตายไม่เลิกรา!

บทที่ 323 เสียงกลองสงครามเป็นตายดังขึ้น หมายถึงสู้ตายไม่เลิกรา!

บทที่ 323 เสียงกลองสงครามเป็นตายดังขึ้น หมายถึงสู้ตายไม่เลิกรา!

“รับทราบ!”

ผู้อาวุโสทุกคนพยักหน้า เลือดลมในกายพุ่งพล่าน พวกนางต่างชิงชังจักรพรรดิบุปผาเช่นเดียวกัน

พวกเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่จักรพรรดิบุปผากระทำลงไปได้ ทั้งยังเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง!

ตึง ตึง ตึง!

ผู้อาวุโสคนหนึ่งตีกลองสงครามใบใหญ่ด้วยความหนักแน่นเป็นจังหวะ เสียงกลองดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาคงหลิง

“กลองสงครามเป็นตาย!”

ในส่วนลึกของหุบเขาคงหลิง ผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลท่านหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงกลอง

นี่คือเสียงกลองสงครามเป็นตาย หากมันดังขึ้น สมาชิกของหุบเขาคงหลิงจะต้องรวมตัวกันต่อสู้กับศัตรูแบบไม่ตายไม่เลิกรา!

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!?”

นางเป็นกังวลขึ้นมา รู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้นแล้ว!

ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลิงอินกำลังบรรเลงฉิน นางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจนต้องตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก หมายจะหยุดยั้งหลิงอิน

ทว่าทันทีที่นางออกไปก็ถูกกระแทกกระเด็น ไม่อาจต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงได้แต่หนีกลับมายังสถานที่ที่เคยใช้ปิดด่านกักตน

ผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลท่านอื่นก็ทำเช่นเดียวกันกับนาง

นางรับรู้ได้ว่าหุบเขาไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น

แม้ว่าหลิงอินจะเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ทว่านางเองก็ผ่านโลกมามากแล้ว สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่แรกว่าหลิงอินไม่ใช่คนประเภทฆ่าฟันไม่เลือกหน้า ซ้ำยังไม่มีเจตนาจะทำลายล้างหุบเขาคงหลิง

ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยพลังของเพลงฉินที่หลินอินบรรเลงออกมา พวกนางที่อยู่ในหุบเขาคงหลิงจะยังปลอดภัยได้อย่างไร หากหลิงอินต้องการจะทำจริงพวกนางคงถูกกวาดล้างไปนานแล้ว!

พลังของเพลงฉินปกคลุมทั่วหุบเขาคงหลิง ทว่าไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ กับหุบเขาคงหลิง เห็นได้ชัดว่าหลิงอินนั้นตั้งใจควบคุมพลังของเพลงฉินเอาไว้

หลิงอินไม่ได้มีความคิดที่จะเปิดฉากฆ่าฟันครั้งใหญ่

ดังนั้น นางจึงไม่ยืนกรานจะต่อต้านหลิงอิน แล้วหนีกลับไปปิดด่านต่อ

ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างออกไป!

กลองสงครามเป็นตายถูกตีขึ้นมา นับว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!

หรือนางจะมองผิดและตัดสินใจพลาด? แท้จริงแล้ว หลิงอินนั้นต้องการจะทำลายล้างทั้งหุบเขาคงหลิง!?

นางคิดในใจขณะทะยานออกไปจากสถานที่ปิดด่าน รีบตรงไปทางที่เสียงของกลองสงครามเป็นตายกำลังดังอยู่

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ร่างแต่ละร่างทะยานออกมาจากทั่วบริเวณหุบเขาคงหลิง พวกนางทุกคนล้วนได้ยินเสียงกลองสงครามเป็นตาย ทั้งยังเข้าใจความสำคัญของเหตุการณ์ที่ต้องตีกลองสงครามเป็นตายด้วย!

พวกนางรีบตรงมายังที่แห่งนี้โดยไม่รั้งรอ!

นอกจากนางแล้ว ผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลท่านอื่นเองก็ตอบสนองและมาตามเสียงของกลองสงครามเป็นตายเช่นกัน!

พวกนางไม่ได้หวาดกลัวการเผชิญหน้ากับความตาย เพียงเป็นห่วงว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับหุบเขาคงหลิง

ยามที่เสียงกลองสงครามเป็นตายดังขึ้น พวกนางจึงรีบมุ่งหน้าตรงมาในทันที!

“จักรพรรดินี…จักรพรรดิบุปผา”

“ท่านยังมีชีวิตอยู่!?”

หลังจากที่ได้มาถึงที่แห่งนี้และเห็นจักรพรรดิบุปผาแล้ว สมาชิกทุกคนรวมกระทั่งผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลของหุบเขาคงหลิงต่างพากันแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!

พวกนางจะไม่รู้สึกเหลือเชื่อได้อย่างไร?

จักรพรรดิบุปผาที่ตายไปตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณกาล กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาในยามนี้ ทั้งยังดูเยาว์วัยเป็นอย่างยิ่ง พวกนางจะไม่รู้สึกเหลือเชื่อได้อย่างไร?

ดวงตาของพวกนางทุกคนเบิกกว้าง ภายในใจเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

“กลองสงครามเป็นตาย เจ้าต้องการจะสู้กับข้าแบบไม่ตายไม่เลิกราจริง ๆ หรือ…”

จักรพรรดิบุปผามองจ้าวหุบเขาด้วยสายตาเย็นชา ในฐานะของสมาชิกหุบเขาคงหลิงผู้หนึ่ง นางย่อมเข้าใจความหมายของกลองสงครามเป็นตาย

เพียงแต่นางก็คาดไม่ถึงว่าจ้าวหุบเขาจะตีกลองสงครามเป็นตายเพื่อจัดการกับนาง!

“เหล่าบรรพบุรุษเป็นฝ่ายผิด พวกเราเองก็นับว่ามีความผิด แม้ว่าผลประโยชน์จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่พวกเราก็ต้องมีบรรทัดฐานที่ไม่อาจล่วงล้ำ!”

จ้าวหุบเขามองไปทางจักรพรรดิบุปผาแล้วกล่าวอย่างเน้นย้ำทุกคำพูด “พวกเราไม่ล่วงรู้ถึงรายละเอียดในเหตุการณ์ครั้งนั้น ข้าเชื่อว่าเหล่าบรรพบุรุษเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าเลือดเย็นและโหดร้ายถึงเพียงนี้ หากเหล่าบรรพบุรุษล่วงรู้ละก็ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางจะยอมรับเจ้า!”

นางไม่รู้เรื่องราวในยามนั้น เหล่าบรรพบุรุษเองก็คงไม่ล่วงรู้ เนื่องจากรายละเอียดไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้

นางเชื่อว่าบรรพบุรุษไม่ได้ไร้ศีลธรรมถึงปานนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิบุปผาได้รับกระดูกจักรพรรดิมาด้วยวิธีการโหดร้ายและเลือดเย็นปานใด

สถานการณ์เช่นนี้เหมือนกับตัวนาง

แม้นางจะรู้ว่ากระดูกจักรพรรดิไม่ใช่กระดูกของจักรพรรดิบุปผาเอง แต่นางก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดิบุปผาใช้วิธีการใดในการได้มันมา หากนางรู้เรื่องราวทั้งหมด คงไม่มีทางรับกระดูกจักรพรรดิมาด้วยความภาคภูมิใจ ซ้ำยังไม่มีทางจะยอมรับสืบทอดมันด้วย

ยามที่นางกล่าวคำเหล่านี้ออกมา หยาดเลือดก็ไหลออกจากมุมปากอย่างต่อเนื่อง

เดิมทีนางก็ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว แต่หลังจากเห็นจักรพรรดิบุปผาลงมือกับเสี่ยวหยาด้วยความโหดร้าย นางก็โกรธจัดจนฝืนร่างตัวเองก้าวไปทางจักรพรรดิบุปผาเพื่อประณามความไร้มนุษยธรรม ทั้งยังต้องการจะเปิดเผยโฉมหน้าอันแสนอัปลักษณ์ของจักรพรรดิบุปผาให้ทุกคนในหุบเขาคงหลิงได้รับรู้

การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้อาการบาดเจ็บของนางแย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่อารมณ์ในตอนนี้ของนางรุนแรงจนไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป แม้ชีวิตริบหรี่ลงก็ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้!

“เจ้าไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำเรื่องน่าหัวร่อหรือ?”

จักรพรรดิบุปผามองไปที่จ้าวหุบเขาแล้วยิ้มออกมา “กระดูกของเจ้าถูกนางเอาไปแล้ว เจ้ายังต้องการจะช่วยนางอีก?”

ร่างของจ้าวหุบเขาเหลือเพียงเนื้อและหนัง ไร้ซึ่งกระดูกสักชิ้น นางไม่คิดก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนหน้า

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจ้าวหุบเขาที่ได้รับสืบทอดกระดูกจักรพรรดิ แต่ถูกหลิงอินนำมันออกไป

“นั่นไม่ใช่กระดูกของข้า!”

จ้าวหุบเขาตะโกนออกมาสุดเสียง

หลังจากตะโกน นางก็กระอักเลือดก้อนโตออกมา ทั่วทั้งร่างของนางกลายเป็นอัมพาตล้มลงไป ไม่สามารถพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นไปอีก!

“จ้าวหุบเขา!”

ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งรีบตรงเข้าไปหาเจ้าหุบเขาพร้อมความเจ็บปวดใจ ก่อนจะถ่ายทอดพลังในตัวไปยังร่างของจ้าวหุบเขาเพื่อช่วยพยุงอาการบาดเจ็บ

“โง่เกินเยียวยา!”

จักรพรรดิบุปผาเย้ยหยัน แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?“

“ศัตรูที่พวกเราจะต้องจัดการคือจักรพรรดิบุปผาหรือ!?”

สมาชิกของหุบเขาคงหลิงส่วนใหญ่ที่ยังคงไม่รู้เรื่องราวต่างพากันไม่อยากจะเชื่อ

จักรพรรดิบุปผาคือความภาคภูมิใจของหุบเขาคงหลิง เป็นดั่งตัวแทนของตำนานเล่าขาน พวกนางต่างล้วนชื่นชมจักรพรรดิบุปผาเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้พวกนางกับต้องมาเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย?

“ใช่แล้ว! ศัตรูคือนาง นางเป็นคนโกหกหลอกลวงและภาพมายาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหุบเขาคงหลิง!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความโกรธ นางอยู่ที่นี่มาโดยตลอดจึงรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง

“อะไรนะ!”

“มันกลายเป็นเช่นนี้เอง!”

หลังจากได้รับรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว สมาชิกหุบเขาคงหลิงต่างสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คาดคิดว่าผู้ที่พวกเขาภาคภูมิใจและชื่มชมจนถึงที่สุดอย่างจักรพรรดิบุปผา แท้จริงแล้วกลับโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง!

“จักรพรรดิบุปผา เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือ?”

ดรุณีผู้หนึ่งถามจักรพรรดิบุปผาออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

หัวใจของนางกำลังจะแตกสลาย เนื่องจากความจริงที่เข้ามากระแทกนั้นรุนแรงเกินไป

“ฮ่า ๆ! แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเรื่องจริง”

จักรพรรดิบุปผาเงยหน้าหัวเราะ ทั้งยังตอบรับออกมาทันทีอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงระดับที่นางอยู่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอะไรมากมาย

“เรื่องจริง…ปรากฏว่ามันเป็นเรื่องจริง!”

“ท่าน…ท่านโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ได้อย่างไร!?”

ความศรัทธาของเหล่าสมาชิกหุบเขาคงหลิงจำนวนมากพังทลายลงกลายเป็นความเกลียดชังในทันที!

“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่สามารถโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนั้นได้ ข้าจำเป็นต้องให้พวกเจ้าชี้นิ้วบอกด้วยงั้นหรือ?”

จักรพรรดิบุปผาหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม

ในสายตาของนาง สมาชิกหุบเขาคงหลิงเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวก นางไม่จำเป็นต้องใส่ใจความเห็นของมดปลวกเหล่านี้

ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงสิ่งที่เสกสรรขึ้น พลังอำนาจเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง

และนางก็มีพลังดังกล่าว!

ผู้แข็งแกร่งอย่างไรเสียย่อมถูกสรรเสริญ มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นที่ต้องสนใจว่าผู้อื่นคิดเห็นเช่นไร

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท