บทที่ 324 ใต้หล้าฟ้าดินข้านั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนเจ้านั้นก็เพียงได้แต่ฝันกลางวัน!
ความจริงอันเจ็บปวดถูกเปิดเผยออกมา สมาชิกของหุบเขาคงหลิงต่างได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก
พวกนางไม่เคยคาดคิดเลยว่าจักรพรรดิบุปผาที่พวกนางรู้จักเป็นเพียงคำลวง จักรพรรดิบุปผาที่แท้จริงแล้วกลับเลือดเย็นและโหดร้ายจนทำให้ผู้คนเดือดดาล!
“สู้!”
จ้าวหุบเขาพยุงร่างตัวเองขึ้นก่อนจะตะโกนออกมา ผู้อาวุโสถ่ายพลังมาให้นาง สติของนางจึงยังคงแจ่มชัด
ความผิดพลาดจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข นางไม่ใช่คนที่จะปล่อยผ่านยามรับรู้ความผิดพลาดของตนเอง และนางก็เชื่อว่าสมาชิกหุบเขาคงหลิงเองก็เป็นเช่นเดียวกับนางที่ยินดีจะแก้ไขความผิดพลาด
“สู้!”
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนดังก้องทั่วหุบเขาคงหลิง จ้าวหุบเขาคิดถูกแล้ว เหล่าสมาชิกของหุบเขาคงหลิงต่างเต็มใจพร้อมจะร่วมมือกับนางเพื่อแก้ไขความผิดพลาด!
เหล่าผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลพุ่งไปด้านหน้า ศัสตราวุธชั้นยอดถูกพวกนางเรียกออกมาทีละชิ้น ต่างพากันลงมืออย่างเต็มที่!
นี่แสดงให้เห็นว่าพวกนางต้องการจะต่อสู้จริง ๆ พวกนางมีความรู้สึกผูกพันกับหุบเขาคงหลิงอย่างลึกซึ้ง แม้ต้องหลั่งเลือดกระทั่งหยดสุดท้ายเพื่อหุบเขาคงหลิงก็เต็มใจ
“พวกเจ้าทุกคน…ดีมาก!”
จ้าวหุบเขาแย้มยิ้ม ความพึงพอใจฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้า นางได้รับรู้แล้วว่าจิตใจของสมาชิกหุบเขาคงหลิงไม่ได้เลวร้าย พวกเขาไม่ได้สูญเสียมโนธรรมเพราะความกลัวตาย ซ้ำยังกล้าที่จะต่อสู้กับคนที่ไร้มนุษยธรรมเช่นจักรพรรดิบุปผา!
ฉากนี้ราวกับย้อนกลับไปยังครั้งสมัยโบราณกาล
ครั้งสมัยโบราณกาล สิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวนได้รุกล้ำเข้ามา สงครามครั้งใหญ่ลุกลามไปทั่วทั้งฟ้าดิน
บางคนเลือกที่จะคุกเข่าลงยอมจำนนต่อสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวน บางคนหดหัวซ่อนตัวไม่ต้องการจะเข้าร่วมสมรภูมิเข่นฆ่าศัตรู บางคนถึงกับสังหารผู้แข็งแกร่งของฝ่ายตัวเองลงเพื่อประจบเอาใจสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวน…
แต่หุบเขาคงหลิงของพวกนางยืนหยัดต่อต้าน ไม่ยอมคุกเข่า ไม่ซ่อนตัวจากสงคราม และไม่ได้สังหารผู้แข็งแกร่งของฝ่ายตนเองเพื่อประจบเอาใจสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวน
พวกนางทำในสิ่งตรงกันข้าม ใช้ทรัพยากรทั้งหมดเท่าที่มี นำกองกำลังเข้าสู่สนามรบเข้าต่อสู้กับแดนเทียนหยวนโดยไม่สนเป็นตาย ห้าวหาญในแนวหน้า!
“บังอาจ!”
จักรพรรดิบุปผาตะโกนออกมาเสียงดัง บารมีมหาจักรพรรดิอันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากแผ่กระจายออกมาเป็นระลอกคลื่น
นางกวาดตามองสมาชิกทั้งหมดของหุบเขาคงหลิง ด้วยดวงตาเรืองแสงวาววาบสะท้านวิญญาณ
“พวกเจ้าอยากตายกันนักหรืออย่างไร? กล้าดีอย่างไรมาโจมตีข้า?”
น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือก ชวนให้ผู้คนหนาวเหน็บ จักรพรรดิบุปผาเพียงกวาดตามอง สมาชิกทั้งหมดของหุบเขาคงหลิงก็ตัวสั่นสะท้าน วิญญาณแทบแหลกสลาย
นี่คือผู้ที่อยู่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิขึ้นไป ช่องว่างของพวกนางนั้นกว้างใหญเกินกว่าจะจินตนาการถึง
สมาชิกของหุบเขาคงหลิงไม่กล้าจะเคลื่อนไหวอีก ไม่กล้าแม้จะเดินไปด้านหน้า
“เจ้า…เจ้ามันคนเลว!”
เด็กหญิงผู้หนึ่งเปล่งเสียงเล็ก ๆ ออกมา นางพยายามอย่างสุดความสามารถในการยิงลูกไฟใส่จักรพรรดิบุปผา
เด็กหญิงไม่อาจต้านทานบารมีจักรพรรดิเอาไว้ได้ ทั่วทั้งร่างเกิดแผลปริแตกขึ้นอย่างรวดเร็ว เลือดหลั่งรินออกมาไม่หยุด ทว่านางก็ยังคงเรียกลูกไฟออกมา
ลูกไฟนี้ไม่สามารถคุกคามจักรพรรดิบุปผาได้แม้แต้น้อย มันมีขนาดเล็กจนน่าเวทนา มันเล็กเสียยิ่งกว่าหนึ่งกำปั้น ทั้งยังดับสลายไปก่อนจะพุ่งถึงตัวจักรพรรดิบุปผาเสียอีก
ทว่าลูกไฟน้อย ๆ นี่กลับทำให้ใบหน้าของจักรพรรดิบุปผาบิดเบี้ยวน่าเกลียดเป็นอย่างมาก
“รนหาที่ตาย!”
นางไม่สามารถยับยั้งโทสะเอาไว้ได้ กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ ยังกล้าที่จะโจมตีนาง?
นางตบมือลงทำให้อากาศระเบิดออก นางโกรธจนสามารถบันดาลโทสะกวาดล้างฟ้าดิน!
ตู้ม!
ศรแสงพุ่งออกไป เปล่งประกายด้วยพลังอันไร้ขอบเขตขัดขวางการตบของจักรพรรดิบุปผา!
“ช่างน่าสมเพช ทุกคนล้วนโกรธแค้นเจ้า แม้กระทั่งเด็กหญิงตัวน้อยจากสำนักเดียวกับเจ้ายังคิดจะสังหารเจ้า!”
หลิงอินถือคันศรไว้ในมือ ลูกศรถูกยิงออกไปติดต่อกันอีกหลายครั้ง หมายจัดการจักรพรรดิบุปผา
“ฆ่า!”
“ล้างความอัปยศของหุบเขาคงหลิง แก้ไขความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่บรรพชนของเราได้ทำไว้!”
สมาชิกของหุบเขาคงหลิงกู่ร้องออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงกำ ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว กระทั่งเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในหุบเขาคงหลิงยังกล้าที่จะต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผา แล้วทำไมพวกนางจะไม่กล้า?
“ข้าจักรพรรดิบุปผาผู้ยิ่งใหญ่แห่งสมัยโบราณกาล แม้แต่มหาจักรพรรดิล้วนต้องสยบใต้เท้าเจ้า! มดปลวกอย่างพวกอาศัยความกล้ามากจากไหน! วันนี้ข้าจะบดขยี้หุบเขาคงหลิง สังหารพวกเจ้าทั้งหมด!”
จักรพรรดิบุปผาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เต็มไปด้วยโทสะกราดเกรี้ยว
นางเรียกลำแสงออกมาสะกัดกั้นศรของหลิงอินไว้ได้ในพริบตา
ด้วยโทสะของนาง ทำให้พลังไม่ถูกออมไว้อีกต่อไป ศรของหลิงอินจึงถูกเบี่ยงออกไปโดยไม่อาจทำอะไรได้
ทว่าหลินอินไม่หวาดกลัว ในมือของนางไม่ได้มีแค่คันศร
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างของนางสั่นไหว ก่อนแยกร่างออกมานั่งขัดสมาธิกลางอากาศ บรรเลงฉินเฟิ่งหมิง!
ฉินเฟิ่งหมิงและคันศรที่ท่านเซียนมอบให้นั้นแตกต่างจากศัสตราวิเศษทั่วไป พวกมันไม่ต้องการพลัง แต่ใช้เต๋าที่เกี่ยวข้องในการเปิดใช้งาน
ยิ่งขอบเขตของเต๋าที่เกี่ยวข้องสูงเท่าไหร่ พลังที่สามารถใช้งานได้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
เสียงฉินดังขึ้น ท่วงทำนองแห่งเต๋าขั้นสูงสุดไหลเวียน เพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาค่อย ๆ ถูกบรรเลงขึ้น
“ช่างน่าทึ่งนัก!”
จักรพรรดิบุปผาขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างมาก
เมื่อเสียงเพลงเริ่มบรรเลง ขอบเขตการฝึกตนของนางก็ถูกระงับ ความแข็งแกร่งของนางได้รับผลกระทบอย่างมากจนทำให้ยากจะสามารถต่อสู้โดยใช้พลังสูงสุดของตัวนาง
นางไม่อยากจะเชื่อ!
นางผู้อยู่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิ จะถูกปราบปรามลงได้อย่างไร?
แต่ไม่ว่านางจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ความจริงก็ปรากฏอยู่ต่อหน้านาง นางถูกปราบปรามลง พลังการต่อสู้เองก็ลดลงเป็นอย่างมาก!
สิ่งที่ทำให้นางไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ผู้ที่บรรเลงบทเพลงฉินอันน่าสะพรึงกลัวกลับเป็นเพียงร่างอวตารของหลิงอินเท่านั้น!
สิ่งนี้ทำลายสามัญสำนึกอย่างไม่ต้องสงสัย มันเหนือยิ่งกว่าขอบเขตความรู้ของนาง!
ระดับของฉินนี่สูงเท่าไหร่กัน?
ผู้ที่สร้างฉินขึ้นมาจะต้องน่ากลัวเพียงใด!?
นางไม่กล้าจะจินตนาการถึง มันน่าหวาดกลัวจนเกินไป!
หลิงอินรั้งสาย ยิ่งศรออกมาหลายดอกต่อเนื่อง ศรแต่ละดอกน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับสามารถทำลายดวงดาวหนึ่งดวงลงได้อย่างง่ายดาย
สีหน้าของจักรพรรดิบุปผาจริงจังอย่างถึงที่สุด ไม่กล้าจะประมาทเลินเล่อ นางสัมผัสได้ว่าศรแสงเหล่านี้ได้รับการเสริมพลังจากเพลงฉินจนแข็งแกร่งกว่าเดิมไปมากโข!
อีกอย่างตัวนางเองยังถูกเสียงฉินปราบปรามลง จนไม่สามารถสำแดงพลังสูงสุดได้ เช่นนั้นแล้วนางจะกล้าประมาทได้อย่างไร!
ช่าง…น่าคลื่นไส้เสียจริง!
ภายในใจของจักรพรรดิบุปผารู้สึกขมฝาด ไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกราชันเทวาตัวน้อยคุกคาม!
นางไม่กล้าลังเล รีบใช้วิชาระดับสูงเพื่อตอบโต้ศรแสงที่ยิงมา
วิชานี้นับว่าทรงพลังและน่ากลัวเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งนางเคยใช้มันเพื่อสังหารยอดฝีมือขอบเขตมหาจักรพรรดิมานับไม่ถ้วน
ลำแสงสีแดงเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีชาด นี่คือด้ายนพโลหิต ยิ่งใช้ด้ายมากขึ้นยิ่งทวีความน่ากลัว มหาจักรพรรดิทั่วไปสามารถทนรับได้เพียงสามเส้น ส่วนมหาจักรพรรดิแนวหน้าสามารถต้านทานได้เพียงหกเส้นเท่านั้น
ส่วนเส้นที่เก้า เส้นสุดท้ายนั้น นางยังไม่เคยใช้ออกมา
เนื่องจากนางยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถมากพอให้นางใช้ด้ายเส้นที่เก้าได้!
ทว่าในตอนนี้นางเริ่มเอาจริงเป็นพิเศษ ด้ายหกเส้นปรากฏขึ้นในทันที ทำให้อากาศถูกตัดออกจากกัน พื้นดินแยกออกกลายเป็นฉากอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด!
“ยอดศัสตราทั้งสองชิ้นนั้นต้องตกเป็นของข้า!”
จักรพรรดิบุปผาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้พลังของนางจะถูกกดเอาไว้ทำให้ยากแก่การใช้พลังสูงสุด แต่นางก็ยังคงเชื่อมั่นและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ใต้หล้าฟ้าดินข้านั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนเจ้านั้นก็เพียงได้แต่ฝันกลางวัน! จงรับผลของการประเมินตนเองสูงเกินไปเสียเถอะ!”
หลินอิงตอบกลับเสียดัง “เจ้ามันก็แค่ตัวตลกที่ออกมากระโดดโลดเต้น วันนี้เจ้าจะต้องรับผลกรรมที่ทำเอาไว้!”