ตอนที่ 279 ศึกวัง แท่นเซียนมาร!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและอีกร้อยปีก็ผ่านไปในพริบตา!
ตู้ม!
ในวันนี้ ขณะที่หนิงฝานกำลังฝึกฝนต้นกำเนิดราชาเซียนอีกครั้ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านในทันทีทันใด และกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่อยู่ในขอบเขตกึ่งราชาเซียนสูงสุดก็ระเบิดออกมา!
“ดี!”
“ขอบเขตกึ่งราชาเซียนขั้นสุดแล้ว!”
หนิงฝานลืมตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว
แม้ว่าการฝึกบ่มเพาะของเขาจะยังไม่ถึงขอบเขตจักรพรรดิเซียน แต่ไม่รู้ว่าพลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนแล้ว เขามั่นใจว่า หากเขาต้องประลองกับราชาเซียนขั้นต้นอย่างเช่นโม๋อ้าวอีกครั้ง เขาสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายในทันที!
ตึง! ตึง! ตึง!
ทันใดนั้น ในขณะนี้เสียงกลองศึกราวกับฟ้าร้องจู่ ๆ ก็ดังขึ้น เมื่อเสียงกลองดังสนั่น มันก็สั่นสะเทือนไปทั้งวังเซียนและวังมาร
“เกิดอะไรขึ้น? เสียงกลองมาจากไหน?”
หนิงฝานสงสัย ทันทีที่เขาเดินออกจากที่ฝึกฝน เขาก็เห็นเงาร่างที่ดูเร่งรีบในวังเซียน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือผู้อาวุโส พวกเขาล้วนมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
พรึ่บ!
ในเวลานี้ มีร่างหนึ่งแวบเข้ามา สวมเสื้อคลุมสีเทา ผมสีขาว เขาคือจวินเต้าหลิน เจ้าวังเซียน!
“คารวะเจ้าวังเซียน!”
เมื่อเห็นการมาถึงของจวินเต้าหลิน หนิงฝานก็ทักทายอีกฝ่ายทันที แม้ว่าร้อยปีมานี้ หนิงฝานจะไม่ได้ขออะไรจากวังเซียนโดยอาศัยป้ายเจ้าวัง แต่จวินเต้าหลินมักจะส่งทรัพยากรการฝึกฝนจำนวนมากให้กับเขาเสมอ
“สหายน้อยหนิง!” จวินเต้าหลินพยักหน้า ท่าทางของเขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
“เจ้าวัง มันเกิดอะไรขึ้น เสียงกลองหมายความว่าอย่างไร” หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะถาม
“นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้า!”
จวินเต้าหลินพยักหน้าก่อนแล้วจึงอธิบายว่า “แม้ว่าวังเซียนมาร ภายนอกจะเรียกคู่กันว่าวังเซียนมารมาตลอด แต่ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าทั้งสองวัง มีประวัติอันยาวนานของความคับข้องใจ เข้ากันไม่ได้ ทุก ๆ สองสามปี ศึกวังจะเริ่มขึ้นเพื่อแก้ไขความคับข้องใจที่สั่งสมมา และวันนี้คือวันที่ศึกวังเริ่มต้นขึ้น!”
“เข้าใจแล้ว ข้าต้องทำอย่างไร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงฝานเลิกคิ้ว ใบหน้าของเขาดูกระตือรือร้น
เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้เขาเพิ่งบรรลุถึงขอบเขตกึ่งราชาเซียนขั้นสุด เขาต้องการพิสูจน์ว่าพลังการต่อสู้ของเขาไปถึงไหนแล้ว!
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย!”
ทว่าเมื่อหนิงฝานคิดว่าจวินเต้าหลินจะขอให้เขาเข้าร่วมในศึกวัง จวินเต้าหลินกลับส่ายหัวแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ศึกระหว่างสองวังไม่ใช่เรื่องเล็ก และผู้คนที่เข้าร่วมในการต่อสู้มีราชาเซียนขั้น ราชาเซียนขั้นกลาง ขั้นสูง และที่สำคัญที่สุดคือสถานที่ของศึกวังตั้งอยู่ที่แท่นเซียนมาร แท่นแห่งนี้ทั้งสองวังร่วมมือกันออกแบบทำให้มีข้อจำกัดพลังของราชาเซียน ดังนั้นราชาเซียนขั้นสุดที่เจ้ามีไม่สามารถใช้บนแท่นนี้ได้ หากเจ้าไปที่นั่น เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน!”
“ดังนั้นในการต่อสู้ในวันนี้ ไม่ว่าคนในวังมารจะพูดหรือทำอะไร เจ้าก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง เข้าใจหรือไม่!”
“เอ่อ…ก็ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจและต้องการอธิบายสักหน่อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของจวินเต้าหลิน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าให้อีกฝ่าย
“อืม สหายน้อยหนิงต้องเข้าใจเจตนาดีของผู้เฒ่าเช่นข้า!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้จวินเต้าหลินพยักหน้าและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหนิงฝานนั้นไร้เทียมทานในด้านพลังการต่อสู้และสามารถฆ่าราชาเซียนขั้นต้นเช่นโม๋อ้าวเมื่อร้อยปีก่อน แต่ในสายตาของเขา อีกฝ่ายยังไม่เติบโตอย่างเต็มที่ และเขาไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายตกอยู่ในอันตรายได้!
ศึกวังแพ้ได้ แต่หนิงฝานตายไม่ได้!
“อืม ไปกันเถิด ไปแท่นเซียนมารกัน!”
ในที่สุดจวินเต้าหลินก็พาหนิงฝานไปที่แท่นเซียนมาร!
แท่นเซียนมารตั้งอยู่ที่ทางแยกของวังทั้งสอง มันเป็นแท่นทรงกลมขนาดใหญ่ กว้างใหญ่อย่างมาก ครึ่งหนึ่งเป็นไอเซียน และอีกครึ่งหนึ่งเป็นไอมาร!
ฟิ้ว ฟิ้ว!
เมื่อจวินเต้าหลินนำหนิงฝานไปที่แท่นเซียนมาร แหล่าศิษย์และผู้อาวุโสจำนวนมากจากวังเซียนและวังมารได้รวมตัวกันรอบ ๆ แท่นเซียนมารทั้งหมดแล้ว!
กลิ่นอายของจ้าวเซียน ราชาเซียน จักรพรรดิเซียนอบอวลทั่วท้องฟ้า พลุ่งพล่านปั่นป่วน ทำให้ท้องฟ้าเดือดเหมือนน้ำเดือด ผสมกับเสียงต่าง ๆ และการถกเถียงที่ร้อนแรง!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
และในขณะที่ทั้งสองพุ่งไปนั้น สายตาที่เย็นชาก็ส่งมาจากทิศทางของวังมาร ทางนั้นคือผู้นำของวังมารที่นำโดยโม๋จิ่วโยว!
“จวินเต้าหลิน!”
“ไอ้เด็กหนิงฝาน!”
โม๋จิ่วโยวตะโกนลั่น ในดวงตาของเขามีจิตสังหารที่ไม่ปิดบังซ่อนเร้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้จวินเต้าหลินเอ่ยเสียงเย็นชาทันที “โม๋จิ่วโยว หยุดพูดเรื่องไร้สาระและเริ่มศึกวังเถิด!”
“ฮึ่ม! ในเมื่อพวกเจ้าวังเซียนกระตือรือร้นที่จะรนหาที่ตาย วังมารของข้าย่อมส่งเสริม!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม๋จิ่วโยวก็เย้ยหยัน จากนั้นหันศีรษะของเขาเพื่อส่งสัญญาณ!
ฟิ้ว!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คนผู้หนึ่งก็รีบวิ่งออกมาจากทิศทางของวังมารมาที่แท่นเซียนมาร เขาเป็นชายหนุ่มที่มีผมสีแดง แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะดูธรรมดา แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาเย่อหยิ่ง ทั่วร่างของเขามีกลิ่นอายราชาเซียนขั้นต้น!
“ศิษย์วังมาร โม๋เลี่ย! ขอเชิญหนิงฝานแห่งวังเซียน มาประลองฝีมือ!”
ทันทีที่ชายหนุ่มผมแดงเข้ามาบนแท่นประลองก็เอ่ยนามของหนิงฝานออกมา จากนั้นเขามองตรงไปที่หนิงฝานด้วยสายตาที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความยั่วยุ!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้พูด จวินเต้าหลินก็พูดเสียงเบา “ขอโทษด้วย วันนี้หนิงฝานไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ต่อสู้ในวังเซียนของข้า!”
“หืม?”
“อะไรกัน!”
“จวินเต้าหลินไม่ยอมให้หนิงฝานลงมือ!”
เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับผู้คนในวังมาร โดยเฉพาะโม๋จิ่วโยวซึ่งเป็นเจ้าวัง ใบหน้าของเขามืดมนลงทันที เมื่อรู้ว่าจวินเต้าหลินกำลังปกป้องอีกฝ่าย และไม่ต้องการให้หนิงฝานตกอยู่ในอันตราย!
“บัดซบ!”
“ถ้าหนิงฝานไม่เข้าร่วมศึกวัง วันนี้เราจะฆ่าเขาได้อย่างไร!”
ผู้คนในวังมารโกรธมาก แผนการของพวกเขาพังพินาศไปหมด!
“ศิษย์วังเซียน เข้าร่วมการต่อสู้!” จวินเต้าหลินเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของผู้คนจากวังมารและส่งสัญญาณไปยังศิษย์ของวังเซียนทันที!
“ศิษย์วังเซียน เย่เฟิง!”
ตู้ม!
หลังจากเสียงตะโกนดังขึ้น ชายในชุดขาวรีบวิ่งขึ้นไปบนแท่นเซียนมาร คิ้วกระบี่ดวงตาเปล่งประกาย ร่างสูงตรง เปล่งรัศมีอันน่าเกรงขามของราชาเซียนขั้นต้น
“หึ! เย่เฟิง เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ถ้าเจ้าไม่อยากตาย เจ้าควรกลับไปเรียกให้หนิงฝานออกมา!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม๋เลี่ยก็พูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม แต่ยังคงจ้องไปที่หนิงฝาน “หนิงฝาน เจ้าขี้ขลาด ตาขาว พลังในตอนที่เจ้าฆ่าโม๋อ้าวเมื่อร้อยปีก่อนหายไปที่ใดหมด ไยจึงกลายเป็นเต่าหดหัว รีบมาสู้กับข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนิงฝานก็ขมวดคิ้ว
“สหายน้อยหนิง มันเป็นเรื่องไร้สาระ อย่าไปสนใจ!” จวินเต้าหลินส่ายหัวแล้วหันไปทางเย่เฟิงอีกครั้ง!
“โม๋เลี่ย คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เฟิงก็ตะโกนอีกครั้ง แล้วระเบิดพลังของราชาเซียนอันรุนแรง หมายจะสังหารโม๋เลี่ย!
เมื่อเห็นเย่เฟิงพุ่งสังหารเข้ามา โม๋เลี่ยขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ และในขณะนี้ โม๋จิ่วโยวพลันเอ่ยขึ้น “โม๋เลี่ย ในเมื่อหนิงฝานไม่กล้าต่อสู้ เช่นนั้นก็จัดการคนในวังเซียนให้ราบคาบ!”
“เข้าใจแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม๋เลี่ยก็ยิ้มอย่างดุร้ายทันที จากนั้นพลันระเบิดพลัง!