เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 326 ลำบากและเหนื่อยยากเพียงใดก็คุ้มค่า (3)

ตอนที่ 326 ลำบากและเหนื่อยยากเพียงใดก็คุ้มค่า (3)

มั่วเชียนเสวี่ยดึงตัวท่านหญิงซูซูที่ยังคงเหม่อลอย นางกำลังจะบอกลาแล้วเช่นเดียวกัน แต่หนิงเซ่าชิงกลับยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “ประเดี๋ยว ข้าส่งเจ้ากลับไปเอง”

แน่นอนว่าหนิงเซ่าชิงย่อมไม่อยากให้มั่วเชียนเสวี่ยนั่งรถม้าคันเดียวกับท่านหญิงซูซูอีก ไม่อยากให้พวกนางจับมือกัน

แต่ว่า ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่มีวันบอกเหตุผลนี้ เขาพูดเสริมเสียงเรียบ “พวกเจ้าสองคนเดินมาทั้งวันแล้ว ท่านหญิงซูซูเองก็เหนื่อย ไม่กล้ารบกวนท่านหญิงแล้ว มิเช่นนั้น ท่านหญิงไม่มีวันปล่อยเจ้าไปง่ายๆ…”

มั่วเชียนเสวี่ยรอฟังคำนี้ แต่ว่าท่ามกลางผู้คนมากมาย นางไม่อาจรุกล้ำจนเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงสงวนท่าทีแล้วเงียบครู่หนึ่ง ค่อยตอบช้าๆ “ก็ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ เช่นนั้นรบกวนหัวหน้าตระกูลหนิงช่วยให้คนไปส่งท่านซูซูแทนเชียนเสวี่ยด้วย”

ให้คนไปส่งท่านหญิงซูซู ไม่ก็ให้หนิงเซ่าชิงส่งคนของตนคอยอารักขา ไม่ก็เลือกบุรุษหนึ่งในสามคนนี้ส่งท่านหญิงซูซูกลับไป มั่วเชียนเสวี่ยได้แต่หวังว่าหนิงเซ่าชิงจะไม่ซื่อบื้อจนเกินไป

หนิงเซ่าชิงยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มของเขาราวกับสุนัขจิ้งจอก พูดด้วยความรักใคร่ “ได้”

บุรุษทุกคนเห็นว่าการเดินทางกลับจวนของสตรีทั้งสอง จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว จึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไป

“ช้าก่อน” หนิงเซ่าชิงร้องเรียกซูชีที่เดินตามหลังซูจิ่นอวี้ ซึ่งเพิ่งเดินออกไป พูด “คุณชายจิ่นหัน รบกวนคุณชายส่งท่านหญิงซูซูด้วย”

ท่ามกลางบุรุษทั้งสามคน คุณชายใหญ่ตระกูลซูมีภรรยาแล้ว ฐานันดรศักดิ์พิเศษและอ่อนไหว เวลานี้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ทางด้านหลูเจิ้งหยางเป็นเพียงพ่อค้า ชาติกำเนิดของเขาไม่ผ่านเกณฑ์ ผู้ที่สามารถส่งท่านหญิงซูซูได้จึงมีเพียงซูชี

มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะในใจ เป็นจริงตามคาด หนิงเซ่าชิงรู้ใจนาง

ซูชี ซูซูพวกเจ้าสองคนจะขอบคุณข้าอย่างไร ที่มอบโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้กับพวกเจ้า

ต้องรู้ว่ากฎข้อห้ามระหว่างชายหญิงในราชวงศ์เทียนฉีแม้จะไม่เข้มงวดมากนัก แต่หากไม่ได้เป็นอะไรกัน ชายหญิงก็ไม่อาจรับของจากกันได้ ชายหญิงอยู่ด้วยกันอย่างไร้เหตุผล จะถูกผู้อื่นนำไปนินทาว่าร้าย

ได้ยินคำพูดของหนิงเซ่าชิง ซูชีหยุดชะงัก ขณะที่กำลังจะปฏิเสธ ซูจิ่นอวี้หันหลังกลับอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา “น้องเจ็ด เจ้าส่งท่านหญิงซูซูกลับจวน พี่ขอตัวก่อน”

เมื่อถ้อยคำนี้เปล่งออกมา แม้ซูชีไม่อยากไปส่ง ก็จำต้องไปส่งแล้ว

ซูชีอ้าปาก ถ้อยคำที่กำลังจะปฏิเสธแปรเปลี่ยนเป็น “เชิญขอรับ” ขณะเดียวกันเขาก็โค้งตัวสามสิบองศา ท่วงท่าของสุภาพชนที่ถูกต้อง

ส่งทุกคนออกไป หนิงเซ่าชิงและมั่วเชียนเสวี่ยมองตากัน ทั้งคู่สบสายตากัน ความรักเอ่อล้นมาจากแววตาของพวกเขา หนิงเซ่าชิงโอบกอดมั่วเชียนเสวี่ยเบาๆ เกยคางไว้บนศีรษะของมั่วเชียนเสวี่ยแล้วถูเบาๆ

อ้อมกอดที่อบอุ่นทำให้ความรักในอกของมั่วเชียนเสวี่ยท่วมท้น ความแข็งแกร่งในยามปกติหลอมละลายจนไร้รูปร่าง

มั่วเชียนเสวี่ยยื่นมือไปกอดตอบ ส่วนลึกในใจที่อ่อนนุ่มที่สุดถูกสัมผัส จู่ๆ มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก อยากจะทิ้งทุกอย่าง อยากจะกอดกับหนิงเซ่าชิงเช่นนี้ นางปรารถนาให้เวลาหยุดลง ทุกอย่างหยุดลง อยากจะให้ใต้หล้านี้มีเพียงนางกับเขาสองคน โอบกอดกันแน่นๆ เช่นนี้ ไม่ปล่อยมือกันอีก ไม่กลับสู่การห้ำหั่นด้วยกลอุบาย

ระหว่างทั้งสองคน แม้จะไม่ได้พูดสิ่งใด และไม่ได้ทำสิ่งใดเกินกว่านี้ ทว่าความรักอบอวล แผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง

องครักษ์ที่อยู่หน้าห้อง มั่วหมัวมัว ชูอี สืออู่และคนอื่นๆ ต่างก้มหน้ามองเท้าของตนเอง

หลังจากเงียบอยู่นานพักใหญ่ หนิงเซ่าชิงปล่อยมั่วเชียนเสวี่ย แล้วจูงมือนางลงไป

บนรถม้า มั่วเชียนเสวี่ยนั่งซบหนิงเซ่าชิง หนิงเซ่าชิงทัดผมให้นาง

สัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าจากมั่วเชียนเสวี่ย ความอาลัยอาวรณ์ของนาง หนิงเซ่าชิงพูดเสียงอ่อนโยน “เป็นอะไรไป” เผชิญหน้าต่อความไพเราะ ของเสียงพิณที่ทำให้จิตใจคนสงบ มั่วเชียนเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดความในใจออกมา

“ข้าเหนื่อยยิ่งนัก! อยากจะซบอยู่ในอ้อมกอดของท่านเงียบๆ เช่นนี้ เสมือนใต้หล้ามีเพียงเราสอง”

น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยเคล้าไปด้วยความเหงา “พูดตามความจริง มาอยู่เมืองหลวงไม่ถึงหนึ่งเดือนทำให้ข้ารู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าชีวิตสิบกว่าปีที่ผ่านมาเสียอีก ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยกฎระเบียบ มีกลอุบายอยู่ทุกหนทุกแห่ง เรื่องทุกอย่างต้องไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีก นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ข้าต้องการ บางครั้ง ข้าอยากจะไปจากที่นี่จริงๆ ไปจากเมืองหลวงที่วุ่นวาย พาท่านกลับไปหมู่บ้านหวังจยาด้วยกัน กลับไปยังรังรักของพวกเรา ยามอยากหัวเราะก็หัวเราะได้อย่างเสียงดัง ยามอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่ ยามไม่สบอารมณ์สามารถเป็นสตรีปากร้ายพูดต่อว่าคนในหมู่บ้านให้ท่านฟัง ยามอ่อนโยนสามารถออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของท่านได้ทุกเมื่อ…” มั่วเชียนเสวี่ยพูดด้วยความเศร้า หนิงเซ่าชิงปวดใจยิ่งนัก เขาอยากบอกว่า อีกไม่กี่เดือน นางแต่งเข้าจวน พวกเขาก็จะได้อยู่ด้วยกันทุกวันแล้ว

แต่ว่า เขายังไม่ได้พูดออกไป นิ้วมือของมั่วเชียนเสวี่ยก็ปิดปากของเขาเอาไว้

มั่วเชียนเสวี่ยจับจ้องไปที่หนิงเซ่าชิง พูดเสียงเรียบ “แต่งเข้าตระกูลหนิง ตอนนี้ดูเหมือนว่า แค่เป็นการย้ายจากกรงขนาดเล็กไปยังกรงที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น…การห้ำหั่นระหว่างสตรีในเรือน บางครั้งโสมมยิ่งกว่า อันตรายยิ่งกว่า สังหารคนอย่างไร้ร่องรอย ข้ากลัวเหลือเกิน ข้ากลัวว่าความรักของเราจะเป็นเหมือนกรงขัง…”

ในฐานะที่ตระกูลหนิงเป็นตระกูลชั้นสูง ในตระกูลใหญ่ย่อมซับซ้อนยิ่งนัก เขามีท่านย่า แม้เซี่ยซื่อจะอยู่ในวัดประจำตระกูล แต่บิดาของเขายังมีอนุภรรยาที่รักใคร่ราวกับเป็นฮูหยิน ญาติสนิทมีน้องชาย ญาติห่างๆ มีอาสะใภ้ มีพี่สะใภ้เป็นต้น…

เมื่อวานมีคนคิดจะหาสตรีมาให้หนิงเซ่าชิงโดยผ่านมือนาง อีกทั้งตนก็ไม่เห็นชอบกับระบบของสังคมในยุคสมัยนี้ นางเสียใจตลอดทั้งคืน สิ่งที่นางยังไม่ได้พูดออกไปคือ หากวันข้างหน้าภรรยาเอกและอนุภรรยาต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน นางควรจะจัดการเช่นไร แม้นางจะพูดอย่างหนักแน่น ตัดสินใจอย่างเฉียบขาด แต่สุดท้ายนางก็ไม่อาจทำใจเสียหนิงเซ่าชิงไปได้

หนิงเซ่าชิงจับนิ้วมือของนางที่ปิดปากเขา วางไว้ที่ริมฝีปากแล้วจูบอย่างลุ่มลึก เงียบพักใหญ่ สีหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจขัดคำสั่ง บอกกับสารถีที่อยู่ด้านนอกว่า “ออกนอกเมือง”

แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านที่เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าจะส่งคุณหนูมั่วกลับจวนกั๋วกง เวลานี้กลับเปลี่ยนใจ แต่สารถีก็ไม่ได้ถามสิ่งใด กลับรถม้า แล้วมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง

ออกนอกเมืองประมาณหนึ่งลี้ ทุกคนต่างไม่คิดว่า จู่ๆ หนิงเซ่าชิงจะพุ่งตัวออกมาจากรถม้า ขึ้นควบขี่ม้าที่เตาหนูกำลังจูงอยู่ด้านหน้า ควบม้า มุ่งหน้าเข้าไปในป่า

ลมกระทบหน้า…

ความเสียใจของมั่วเชียนเสวี่ยก็คือความเศร้าของเขาเช่นเดียวกัน ตอนเขาเด็กๆ ยามอยู่นอกเรือนทำได้เพียงตั้งสติและตั้งสติ ไม่อาจแสดงอารมณ์ออกไปแม้แต่น้อย การระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียวของเขา คือการควบขี่ม้าในป่าสักพักหนึ่ง แล้วกรีดร้อง

เสียงลมพัดผ่านข้างหู เสียงของหนิงเซ่าชิงก็ดังที่ข้างหูเช่นเดียวกัน

“ความลำบากในตอนนี้ เพียงเพื่อความสงบของพวกเราในอนาคต เพื่อความสงบของลูกๆ พวกเรา”

“ชีวิตมนุษย์ไม่มีทางเลือกมากมาย รับแรงลม สัมผัสถึงการขี่ม้าเสียหน่อย เจ้าจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย”

“ตราบใดที่ข้าหนิงเซ่าชิงยังมีลมหายใจ ตราบนั้นข้าจะปกป้องเจ้า ตราบนั้นข้าจะรักเจ้า…”

“ไม่ว่าวันข้างหน้าในจวนจะมีสตรีอื่นหรือไม่ ข้าหนิงเซ่าชิงขอสาบานว่า ชีวิตนี้นอกจากเตียงของมั่วเชียนเสวี่ยแล้ว หนิงเซ่าชิงไม่มีวันนอนบนเตียงของหญิงอื่น ยิ่งไม่มีวันเข้าใกล้สตรีคนใดแม้แต่น้อย…”

“หนิงเซ่าชิงรักเพียงมั่วเชียนเสวี่ย…”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท