รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 325 หนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม ทะเลต้องห้าม!

บทที่ 325 หนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม ทะเลต้องห้าม!

บทที่ 325 หนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม ทะเลต้องห้าม!

บทเพลง ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ เรียกเซียนเหนือสวรรค์มาได้จริง ๆ!

ทำนองบรรเลงถึงจุดเดือด เงาคล้ายนางเซียนก่อรูปก่อร่าง กระบี่ยาวเย็นเยียบกำอยู่ในมือ บุกไปหาจักรพรรดิบุปผา!

จักรพรรดิบุปผาหวาดหวั่นเหลือคณา ไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ฟาดฟันด้ายนพโลหิตออกไปรัวถึงด้ายที่เก้า!

พลังด้ายทั้งเก้าปะทุ น่าประหวั่นพรั่นพรึงเหนือหกด้ายที่ฟาดฟันออกมาก่อนหน้านี้มาก!

ก่อนหน้านี้ เงาเซียนสามารถทลายค่ายกลโบราณในหุบเขาคงหลิงด้วยกระบี่เดียว พลังที่แฝงอยู่ในนั้นสยดสยองถึงขีดสุด ทว่าบัดนี้ มันกลับถูกต้านไว้ได้ ไม่อาจเข้าใกล้จักรพรรดิบุปผาไปมากกว่านี้

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ศรทะลวงมิติ หลิงอินดึงคันยิงศร เสริมกำลังแก่เงาเซียนในการโจมตีจักรพรรดิบุปผา

จักรพรรดิบุปผาไม่ธรรมดาจริง ๆ น่ากลัวเป็นนักหนา ฉินเฟิ่งหมิงและคันศรใหญ่ออกโรงพร้อมกันยังไม่อาจสยบจักรพรรดิบุปผาได้ทันที พลังของจักรพรรดิบุปผาน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด

ทว่านางมิได้กังวล

จัดการยากส่วนจัดการยาก แต่ท้ายที่สุดจักรพรรดิบุปผาจะปราชัยต่อนางอยู่ดี!

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เสียงระเบิดสุดสยองดังไม่หยุดหย่อน การต่อสู้ระหว่างหลิงอินกับจักรพรรดิบุปผาน่ากลัวเกินไป หุบเขาคงหลิงพังครืนเป็นแถบ ไม่อาจต้านทานคลื่นหลงพลังการต่อสู้ระดับนี้ได้เลย

“นี่หรือคือพลังที่อยู่เหนือมหาจักรพรรดิ!?”

“พวกเรา…แค่เข้าใกล้ยังทำไม่ได้เลย!”

สมาชิกในหุบเขาคงหลิงต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความห่างชั้นของพลังมากมายจนเกินหยั่ง อย่าว่าแต่เข้าไปต่อสู้ร่วมกับจักรพรรดิบุปผาเลย ลำพังคลื่นหลงพลังที่ปะทุจากการต่อสู้พวกนางยังต้านทานไม่ไหว!

พวกนางถอยออกไปอยู่ที่ไกล ๆ ไม่ถอยไม่ได้ ขืนพวกนางไม่ถอย พวกนางจะตายด้วยคลื่นหลงพลังการต่อสู้เยี่ยงนี้ในชั่วพริบตา

รวมถึงบรรดาจ้าวสูงสุดในยุคโบราณก็ด้วย ใต้การต่อสู้ระดับนี้ พวกนางเองก็อ่อนแอเสียจนต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ไม่มีสิทธิ์ร่วมการต่อสู้ด้วยซ้ำ

“นางเป็นใครกันแน่!”

“เก่งกาจยิ่งนัก!”

เหล่าสมาชิกในหุบเขาคงหลิงทอดมองหลิงอิน สายตาเปี่ยมได้วยความนับถือระคนตะลึง

หลิงอินน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว ถึงขั้นต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผาได้ถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งจักรพรรดิบุปผายังไม่อาจแผ้วพานหลิงอิน!

เรื่องนี้เกินความคาดหมายของนางอย่างไม่ต้องสงสัย!

รู้หรือไม่ จักรพรรดิบุปผาคือตัวตนที่อยู่เหนือมหาจักรพรรดิ แม้แต่กำลังรบระดับมหาจักรพรรดินางยังสังหารได้ในเสี้ยวลมหายใจ

“ข้า…ข้าบังอาจทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร!”

จ้าวหุบเขาเอ่ยละล่ำละลัก นึกถึงยามนางเกิดใจละโมบหมายตาฉินวิเศษของหลิงอิน ใช้พลังค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณในการต่อกรกับหลิงอิน

หากมิใช่ว่าหลิงอินไม่ถือสาหาความ เกรงว่านางตายก่อนได้รู้ว่าตนเองตายได้อย่างไรด้วยซ้ำ!

อีกด้าน สีหน้าจักรพรรดิบุปผาค่อย ๆ ย่ำแย่

เดิมนางมั่นใจเหลือล้น เชื่อมั่นเต็มร้อย ทว่าหลังจากนางใช้สุดยอดวิชาไปมากมาย หรือแม้กระทั่งยามนางเรียกศัสตราทรงพลังทั้งหลายออกมาแล้วยังทำอะไรหลิงอินไม่ได้ นางเริ่มตื่นตระหนก ความมั่นใจที่เคยเปี่ยมล้นก่อนหน้าค่อย ๆ หายไป

นี่เป็นฉินและคันศรเช่นไรกัน!

ต่อสู้กันมานานขนาดนี้ พลานุภาพไม่ลดถอยลงเลย!

นางก่นด่าในใจ พลานุภาพของฉินและคันศรไม่ลด พลังของนางกลับลดทอนลงมาก ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป นางต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

นางไม่อยากต่อสู้แล้ว อยากออกไปจากที่นี่ ทว่านางไปไหนมิได้ พลังจากฉินและคันศรเล็งนางไว้ นางไม่อาจหนีไปไหนได้เลย!

“ไว้หน้าผู้อื่น วันหน้าจะได้ไม่ตะขิดตะขวง วันนี้เราจบกันเท่านี้เป็นอย่างไร”

นางเสนอสงบศึกกับหลิงอิน แม้เจ็บใจและไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่นางไร้หนทางอื่น นางกดดันใหญ่หลวง หากเป็นแบบนี้ต่อ นางคงทนต่อไปได้อีกไม่นาน

พลานุภาพของฉินและคันศรไม่ลด ซ้ำร้ายยังเป็นพลังแกร่งกล้าสยดสยองถึงปานนั้น นางต้องอยู่ในสภาวะต่อสู้เต็มกำลังอยู่ตลอด หากไม่ทันระวังเพียงนิดหน่อยจักได้รับบาดเจ็บสาหัส นางกดดันมากจริง ๆ!

“วันหน้าจะได้ไม่ตะขิดตะขวง? เจ้าคิดอันใดอยู่! เจ้าอยู่ไม่เกินวันนี้แล้ว!”

เสียงของหลิงอินเย็นยะเยือก นางไม่เคยอยากฆ่าผู้ใดเท่านี้มาก่อน วันนี้จักรพรรดิบุปผาจะต้องชีวาวาย ไม่ว่าผู้ใดมาช่วยก็เปล่าประโยชน์!

การดำรงอยู่เหนือชั้นมหาจักรพรรดิต่อกรด้วยยากจริงเชียว หากมิใช่ว่าฉินเฟิ่งหมิงและคันศรใหญ่น่าทึ่งมากพอ พลังไร้ขีดจำกัด ซ้ำยังไม่ผลาญพลังของตัวนางเอง วันนี้นางไม่อาจกำราบจักรพรรดิบุปผาได้จริง ๆ

พลังของฉินเฟิ่งหมิงและคันศรใหญ่ไม่พอให้สยบจักรพรรดิบุปผา

นางได้แต่ผลาญพลังจักรพรรดิบุปผาไปเรื่อย ๆ รอให้จักรพรรดิบุปผาสิ้นเรี่ยวแรงแล้วค่อยกำราบนางในคราเดียว

“เจ้าตั้งใจไม่ตายไม่เลิกราจริงหรือ!?”

จักรพรรดิบุปผาคำรามกราดเกรี้ยว “เจ้าไม่รู้ว่าเบื้องหลังของข้าคือสิ่งใด! ข้าขอบอกเจ้า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังข้าเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการได้! หากวันนี้ข้าตายอยู่ที่นี่ เจ้าเองก็จบไม่ดีแน่!”

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

หลิงอินไม่พูดจา แสดงจุดยืนของนางด้วยการกระทำ ไม่ว่าเบื้องหลังของจักรพรรดิบุปผามีสิ่งใดอยู่ วันนี้นางไม่มีทางปล่อยจักรพรรดิบุปผาไป!

นางยิงศรออกไปอีกหลายครา แต่ละศรทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ามิได้ยิงเข้าจุดสำคัญของจักรพรรดิบุปผา นางไม่ต้องการปลิดชีพจักรพรรดิบุปผาง่าย ๆ เยี่ยงนั้น เช่นนั้นจักรพรรดิบุปผาจะสบายเกินไป!

จักรรพรรดินีมวลบุปผาใช้วิชาอภินิหารทั้งหลายสุดกำลัง ล้วนแต่เป็นวิชาระดับมหาจักรพรรดิสุดสยดสยอง พลังอันน่ากลัวถาโถมสู่นภา!

นอกจากนี้ นางยังรีดเร้นพลังศัสตราทั้งหมดที่นางมีในครอบครองถึงระดับสูงสุด หมายจะปะทุพลังแล้วฝ่าออกไปด้วยการนี้

ศัสตราเหล่านี้ล้วนมีระดับสูงส่ง มิหนำซ้ำมีอาวุธมหาจักรพรรดิชิ้นหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังไม่ไหว นางถูกพันธนาการอยู่ที่นี่ ไม่อาจหนีออกไปได้เลย!

นางจนปัญญาสนิท ได้แต่ประกาศไปว่ากองกำลังใดอยู่เบื้องหลังของนาง

“เบื้องหลังของข้าคือทะเลต้องห้าม!”

นางตวาด “หากเจ้าฆ่าข้า ทะเลต้องห้ามย่อมไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ข้ามีภารกิจที่ทะเลต้องห้ามมอบหมายให้!”

ทะเลต้องห้าม!

นัยน์ตาหลิงอินสั่นไหว สีหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง

นางคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิบุปผาจักมีความเกี่ยวข้องกับทะเลต้องห้าม!

ทะเลต้องห้ามเป็นดั่งชื่อของมัน เป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง ลึกลับน่าสยดสยองเป็นที่สุด!

ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดรู้ว่าทะเลต้องห้ามก่อกำเนิดได้อย่างไร และไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดรู้ว่าภายในทะเลต้องห้ามประกอบไปด้วยสิ่งใด

ผู้คนรู้แต่เพียงว่าห้ามเข้าไปในเขตทะเลต้องห้าม ผู้ใดเข้าไปล้วนต้องจบชีวิตลง!

อาณาจักรแห่งนี้มีแดนต้องห้ามทั้งหมดเก้าแห่ง แต่ละแห่งล้วนน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด อันตรายกว่าสถานที่ใดในใต้หล้านี้

ในยุคโบราณ ราชวงศ์อวี่ฮว่ารุ่งเรืองทรงพลัง ไม่มีกองกำลังฝึกตนใดเทียบเทียม เป็นใหญ่ไปทั่วทั้งอาณาจักรในยุคโบราณ ปกครองทั้งใต้หล้า

ทว่าราชวงศ์อวี่ฮว่าที่รุ่งเรืองทรงพลังถึงเพียงนี้ ยังยำเกรงต่อทะเลต้องห้ามเหลือแสน มิกล้าเข้าใกล้เขตแดนของเก้าแดนต้องห้ามแม้แต่น้อย!

ทะเลต้องห้ามคือหนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม!

จักรพรรดิบุปผาเห็นหลิงอินมีสีหน้าเปลี่ยนไป จึงรู้ว่าทะเลต้องห้ามสร้างความสะท้านต่อหลิงอินได้ระดับหนึ่ง

นางสบโอกาสนี้สำทับทันที “แม้ข้าอยู่เหนือมหาจักรพรรดิไปแล้ว กระนั้นยังอีกไกลกว่าจะบรรลุเป็นเซียน ยุคโบราณเป็นช่วงเวลาที่ผ่านมานานนม หากมิใช่ด้วยเหตุผลพิเศษบางประการ ไฉนเลยข้าจะมีชีวิตมาได้ถึงบัดนี้ ซ้ำพลังยังอยู่ในจุดสูงสุดดั่งในอดีตอีกด้วย”

นางกล่าวต่อ “ข้าเคยไปทะเลต้องห้าม และได้ทำข้อตกลงลับบางอย่างกับทะเลต้องห้าม นี่คือเหตุผลที่ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบัน!”

จากนั้น นางชี้โลงศพหินด้านโน้นพลางกล่าว “โลงศพหินนี้เป็นของประทานจากทะเลต้องห้าม ของเหลวแบบพิเศษภายในก็เป็นของประทานจากทะเลต้องห้าม ข้าไม่รู้ว่าของเหลวนี้เป็นสิ่งใด แต่ที่ข้าอยู่มาได้ถึงยุคนี้ แม้กระทั่งที่พลังฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดได้ ล้วนเป็นเพราะของเหลวชนิดนี้!”

นางเล่าเรื่องราวทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ว่านางเกี่ยวข้องกับทะเลต้องห้ามจริง ๆ หวังพึ่งทะเลต้องห้ามเผื่อว่าหลิงอินจะยอมปล่อยนางไป

นี่คือวิธีเอาตัวรอดสุดท้ายของนางแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท