วันที่ 25 สิงหาคม
ในออฟฟิศของอิ่งจือ
จินมู่กล่าวกับหลินเยวียน “ทางปู้ลั่วต้องการทำคอลัมน์สัมภาษณ์นักเขียนการ์ตูนที่กำลังจะเผยแพร่ผลงานของพวกเขาบนเว็บไซต์ใหม่ คงตั้งใจจะโปรโมตผลงานใหม่น่ะครับ คุณไม่จำเป็นต้องออกหน้า เพียงแต่เขียนบทสัมภาษณ์ในรูปแบบข้อความ รับไหมครับ”
“รับครับ”
หลินเยวียนตอบ
จินมู่พยักหน้า หลังจากนั้นไม่นานก็มีบรรณาธิการจากปู้ลั่วเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อมาทางบัญชีอิ่งจือของหลินเยวียน
อีกฝ่ายมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ ‘เราติดต่อกับผู้จัดการของอาจารย์อิ่งจือแล้ว เริ่มการสัมภาษณ์ตอนนี้ได้เลยไหมคะ’
อิ่งจือ ‘ครับ’
บรรณาธิการ ‘ฉันก็เป็นแฟนคลับเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส พอเห็นว่าการ์ตูนเรื่องนี้จบก็รู้สึกทำใจไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่เมื่อคิดว่าอาจารย์อิ่งจือจะปล่อยผลงานชิ้นใหม่ก็ตื่นเต้นมากเลยล่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะพอเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลงานใหม่กับแฟนๆ สักหน่อยได้ไหมคะ’
อิ่งจือ ‘ผลงานใหม่มีชื่อว่าจิตวิญญาณสือจี่ เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับอาหารครับ’
บรรณาธิการ ‘แค่ได้ยินก็ท้องร้องแล้วนะคะเนี่ย! เรารู้กันว่านิยายเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นผลงานของอาจารย์ฉู่ขวง แล้วผลงานใหม่ชิ้นนี้เป็นเรื่องต้นฉบับของอาจารย์อิ่งจือเองใช่ไหมคะ’
อิ่งจือ ‘ครับ’
บรรณาธิการ ‘เขียนเรื่องด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก อาจารย์อิ่งจือกดดันไหมคะ’
อิ่งจือ ‘พอไหวครับ’
บรรณาธิการ ‘อาจารย์อิ่งจือมั่นใจในตัวเองมากเลยนะคะ เนื่องจากเว็บไซต์ของเราเพิ่งก่อตั้ง อาจารย์อิ่งจือคาดหวังกับผลลัพธ์ของผลงานชิ้นใหม่อย่างไรคะ’
‘…’
การสัมภาษณ์กินเวลาประมาณ 15 นาที
คำถามของบรรณาธิการเป็นคำถามทั่วไป หลินเยวียนจึงไม่รู้สึกเหนื่อยในการตอบ
ทว่าช่วงหลังบรรณาธิการเริ่มถามคำถามเจาะลึกลงไป ‘(อิโมจิยิ้มกรุ้มกริ่ม) อันที่จริงฉันยังมีคำถามส่วนตัวที่อยากถามอาจารย์อิ่งจือมาตลอด ว่าเพศของอาจารย์คือ?’
อิ่งจือ ‘ผู้ชายครับ’
บรรณาธิการ ‘ขอถามอีกหนึ่งคำถามนะคะ เป็นคำถามสุดท้ายแล้ว อาจารย์อิ่งจือเหมือนจะสนิทสนมกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋และอาจารย์ฉู่ขวง อยากทราบว่าอีกสองท่านเป็นเพศอะไรหรือคะ’
อิ่งจือ ‘นั่นเท่ากับสองคำถามนะครับ’
บรรณาธิการ ‘ฮ่าๆๆ ขออภัยด้วยค่ะ (อิโมจิน่ารัก)’
อิ่งจือ ‘เป็นผู้ชายทั้งคู่ครับ’
บรรณาธิการ ‘สืบข้อมูลสำเร็จ (ยิ้มยิงฟัน)! ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ เหมือนซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเลยค่ะ n(*≧▽≦*)n!’
อิ่งจือ ‘ซื้ออะไรเหรอครับ คุณไม่ได้จ่ายเงิน’
บรรณาธิการชะงักไปหลายวินาที ก่อนตอบว่า ‘…อาจารย์อิ่งจือมีอารมณ์ขันจังเลยนะคะ’
อิ่งจือ ‘เพื่อนผมก็พูดแบบนั้นครับ’
‘…’
เวลายี่สิบนาที
การสัมภาษณ์ผ่านข้อความก็เป็นอันสิ้นสุด
จินมู่ชำเลืองมอง หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหา จึงพยักหน้าพลางกล่าว “บทสัมภาษณ์จะเผยแพร่ช่วงเย็น นักวาดการ์ตูนคนอื่นก็ใช้การสัมภาษณ์ผ่านข้อความเหมือนกันครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจ
แต่ถึงอย่างนั้น หลินเยวียนก็ประเมินสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นของชาวเน็ตต่ำไป
เย็นวันเดียวกันนั้นเอง
หลังจากบทสัมภาษณ์ของนักวาดการ์ตูนปรากฏบนโลกออนไลน์ พื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที
‘ฉันว่านะ 3pชัวร์!’
‘เป็นผู้ชายทั้งสามคนจริงด้วย~’
‘ที่จริงก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายนะ สไตล์การเขียนของอาจารย์ฉู่ขวงเปลี่ยนแปลงได้ แต่จะดูยังไงก็เป็นผู้ชาย’
‘ก่อนหน้านี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋เป็นเพศอะไร ถึงยังไงเขาก็มีเพลงที่เขียนจากมุมมองของผู้หญิง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋ก็มีหัวใจของสาวน้อยนี่เอง’
‘ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันจริงด้วย!’
‘อวยพรให้ผลงานใหม่ของอาจารย์อิ่งจือดังดีกว่า ไม่งั้นอาจถูกเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวงเขี่ยทิ้งได้’
‘เงาจืดจางสู้ๆ น้า!’
แฟนคลับหลายคนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการ์ตูน จึงมีข้อความเชิงหยอกล้อจำนวนมาก
สำหรับหลายคน คุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่สุดของบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ก็คือการเปิดเผยเพศของเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวง
……
ทว่าบทสัมภาษณ์ชิ้นเดียวกันนี้เอง เมื่ออยู่ในสายตาของบุคลากรในอุตสาหกรรมการ์ตูน กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
“อิ่งจือจะผันตัวไปสายผลงานออริจินัลเหรอ”
“เขาเป็นนักวาดบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ”
“ดูท่าจะเป็นนักวาดการ์ตูนอีกคนหนึ่งที่ไม่อยากเป็นนักวาดบริสุทธิ์ นักวาดบริสุทธิ์ทุกคนคล้ายกับมีแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นอิสระ…”
“ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องของอาหารหรอกหรือ”
“ถ้าผลงานชิ้นใหม่ของอิ่งจือไม่ใช่แนวอาหาร ฉันรู้สึกว่าผลงานใหม่ของเขายังพอมีความหวังอยู่บ้าง แต่แนวอาหารนี้ได้ทำลายความตื่นเต้นของผู้คนไปแล้วเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์”
“นั่นสิ ทำไมถึงเลือกแนวอาหาร”
“การ์ตูนแนวอาหารเคยดังอยู่ช่วงหนึ่ง น่าเสียดายที่ตอนนี้แทบไม่มีใครสนใจ พูดง่ายๆ ก็คือการ์ตูนแนวนี้ตกยุคไปแล้ว”
“แนะนำให้อิ่งจือร่วมงานกับฉู่ขวงต่อไป ไม่งั้นคงน่าเสียดายฝีมือของนักวาดบริสุทธิ์คนหนึ่ง”
“…”
ไม่ใช่เพียงในแวดวงการ์ตูนที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือ หรือแม้แต่แฟนคลับของอิ่งจือก็ยังคงรู้สึกสับสนกับการเดินเส้นทางสายผลงานออริจินัลเช่นเดียวกัน
‘ไม่มั้ง?’
‘อาจารย์อิ่งจือไม่อยากเป็นนักวาดบริสุทธิ์เหรอ’
‘ผมว่าเป็นนักวาดบริสุทธิ์ก็ดีนะครับ จะได้ทุ่มสมาธิไปที่การวาด เรื่องเนื้อเรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์นักเขียนบทก็ดีแล้ว…’
‘อาจารย์อิ่งจือตื่นได้แล้ว แนวอาหารมันตกยุคไปแล้ว!’
‘เห็นด้วย ถ้าอาจารย์อิ่งจืออยากสร้างผลงานเองมากละก็ ไปวาดการ์ตูนแนวกีฬาไม่ดีกว่าเหรอ?’
‘สนับสนุนแนวกีฬาอีกเสียง!’
‘ในวงการการ์ตูน แนวกีฬายังมีศักยภาพอยู่ แถมเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสได้พิสูจน์แล้วว่าอาจารย์อิ่งจือถนัดทางนี้มากที่สุด’
‘ถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ฉันก็จะสนับสนุนอาจารย์อิ่งจืออย่างเต็มที่’
‘ใช่ว่าไม่เคยอ่านการ์ตูนต้นฉบับของนักวาด ลายเส้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง แต่เนื้อเรื่องนี่ยังพูดยากแฮะ’
‘…’
บุคลากรในวงการและแฟนคลับของอิ่งจือไม่ได้ใส่ใจเรื่องซุบซิบของเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวง ทุกคนสนใจผลงานใหม่ของอิ่งจือมากกว่า
แต่ว่า…
เมื่อรู้ว่าอิ่งจือคิดจะพาผลงานชิ้นใหม่เดินเส้นทางต้นฉบับ มิหนำซ้ำยังเลือกแนวอาหาร แฟนคลับไม่น้อยก็รู้สึกประหนึ่งถูกน้ำเย็นเฉียบกะละมังใหญ่สาดใส่หน้า
ไม่ใช่ปัญหาของอิ่งจือ
ทว่าก่อนหน้าอิ่งจือ ก็มีนักวาดบริสุทธิ์หลายคนซึ่งเคยลองสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง แต่ผลลัพธ์กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
แน่นอนว่าไม่มีเรื่องใดตายตัว
และก็มีผลงานต้นฉบับที่ไม่พังพินาศ ทว่ากระแสของผลงานเหล่านี้เทียบไม่ได้กับผลงานของคนเหล่านี้ในฐานะนักวาดบริสุทธิ์!
ต้องเข้าใจว่าปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นการ์ตูนที่กระแสฮ็อตฮิตที่สุดของปู้ลั่ว!
อิ่งจือต้องการแตะถึงระดับนั้นด้วยผลงานต้นฉบับละก็ เดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องที่เขาเลือกแนวเฉพาะกลุ่มอย่างแนวอาหาร
แต่เห็นได้ชัดว่า
ทัศนคติจากโลกภายนอกไม่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของอิ่งจือ
ต่อให้มีคนมากมายแห่เข้าไปคอมเมนต์ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของอิ่งจือก็ไร้ประโยชน์
กลับเป็นผู้ช่วยของอิ่งจืออย่างหลัวเวย ซึ่งกำลังค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องจิตวิญญาณของสือจี่
ใช่แล้ว
เมื่อปรินซ์ออฟเทนนิสจบลง
หลินเยวียนก็เริ่มผลิตผลงานเรื่องจิตวิญญาณของสือจี่ไปพร้อมกับหลัวเวย!
กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานนี้ยากเย็นและกินเวลายาวนาน
เพราะครั้งนี้หลินเยวียนจะต้องวาดการ์ตูนแบบลงสีเต็มรูปแบบ!
มีเพียงการ์ตูนฟูลคัลเลอร์เท่านั้น ถึงจะแสดงจุดเด่นของเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ได้อย่างชัดเจน!
อะไรที่เรียกว่าข้าวผัดไข่เรืองแสง?
หากใช้เพียงลายเส้นสีเทาไร้สีสัน ผู้อ่านจะเห็นได้อย่างไรว่าอาหารในเรื่องจิตวิญญาณสือจี่นั้นน่ากินขนาดไหน
หลัวเวยก็ถูกเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ดึงดูดระหว่างกระบวนการนี้เช่นกัน
ยามที่หลินเยวียนส่งสตอรีบอร์ดและเนื้อเรื่องให้อ่าน ทันใดนั้นหลัวเวยก็สัมผัสได้ว่า การ์ตูนเรื่องนี้อาจจุดกระแสการ์ตูนแนวอาหารขึ้นมาก็ได้!
ความกระตือรือร้นในการวาดภาพของเธอประหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารอันโอชะจากในเรื่อง และผลักดันให้เธอตั้งใจทำงานมาก!
……………………………………………….