แต่ในเวลานั้นนั่นเอง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ดึงองค์ชายเจ็ดเข้าหาตัว แล้วถีบปลายเท้ากระโดดถอยหลังไปหลายฉื่อ จากนั้นนางจึงยืนตรง แล้วเงยหน้าขึ้นมองชิงหลงตัวนั้น
เมื่อชิงหลงตัวนั้นได้ยินว่ามีคนอยากจับมันกิน มันก็แยกเขี้ยวแล้วกางกรงเล็บออก รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะบดขยี้อีกฝ่ายแทบทนไม่ไหว
แววตาเปี่ยมด้วยจิตสังหารวาบขึ้นในดวงตาของมันราวกับว่ามีคนมาขโมยเหยื่อของมันไป
แต่ในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแล้ว มันจึงมีมารยาทมากกว่าบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป
การทักทายย่อมเป็นสิ่งแรกที่ควรทำก่อนจะสังหารใครสักคน
“เจ้ามนุษย์” ชิงหลงมองเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วอ้าปากขึ้นอย่างช้าๆ ”วางเจ้าหนูนั่นลง แล้วข้าจะยกโทษให้เจ้าที่ปลุกข้าขึ้นมา หากเจ้าไม่ทำตาม ข้าจะบดขยี้พวกเจ้าทั้งสองคนให้กลายเป็นเนื้อบดเสีย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วใส่ชิงหลงตัวนั้น เมื่อนางรู้ตัวว่ามันกำลังสื่อสารกับนางผ่านทางกระแสจิต นางก็หรี่ตาลง แล้วพูดว่า ”ข้าขอโทษที่ปลุกเจ้าขึ้นมา แต่ก็อย่างที่เจ้าเห็น สำนักของเรากำลังอยู่ระหว่างการทดสอบอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และข้าเองก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าขอโทษที่อัญเชิญเจ้ามาที่นี่ แต่ข้าไม่สามารถส่งเด็กคนนี้ให้เจ้าได้”
“เจ้ามนุษย์ เจ้าช่างกล้าหาญนัก แต่ว่า” ชิงหลงฟาดหางขนาดใหญ่ของมัน แล้วเยาะเย้ย ”ไม่เคยมีใครทำให้ข้าโกรธแล้วสามารถหนีไปได้สักราย”
กรงเล็บขนาดมหึมาของมันบดขยี้ลงมาทันทีที่พูดเช่นนั้น
เมื่อกรงเล็บของมันกระแทกลงบนพื้น ทั่วทั้งสำนักก็พลันสั่นสะเทือน
บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างหนีตายกันอลหม่าน พวกเขาชนกันจนล้มลง และทิ้งข้าวของของตนเอาไว้หลังการโจมตีนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยอุ้มเด็กชายแล้วหลบมันได้อย่างรวดเร็ว
ชิงหลงยกกรงเล็บของตัวเองขึ้น แล้วตวัดสายตาอาฆาตให้กับพวกนาง จากนั้นมันก็จู่โจมลงมาอีกครั้ง!
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่านางจะสามารถหลบการโจมตีในครั้งนี้ได้เหมือนเดิม แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจ เพราะครั้งนี้กรงเล็บของชิงหลงตัวนั้นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมมหาศาล!
แม้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะสามารถรอดพ้นจากการถูกกรงเล็บนั้นบดขยี้ได้ แต่อวัยวะภายในทั้งหมดของนางก็บอบช้ำหลังจากปะทะกับคลื่นพลังอันร้ายกาจนั้น และแล้วนางก็ล้มลงไปกองกับพื้น
ชิงหลงตัวนั้นคิดว่าครั้งนี้นางคงต้องตายเป็นแน่แท้
ระหว่างที่มันกำลังคิดที่จะลงมือเป็นครั้งที่สองนั้น
ฟุ่บ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นิ้วของนางกำรอบร่ม ร่างนางทะยานขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็ว และวางร่างของเด็กชายที่นางช่วยชีวิตไว้ในที่ปลอดภัย
นางหมุนตัวกลับไปด้วยท่วงท่าอันงดงามชวนประทับใจ
ทันใดนั้นนางก็ใช้มือซ้ายคว้าหมับเข้าที่โซ่เหล็กซึ่งพันธนาการชิงหลงตัวนั้นเอาไว้
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรดังก้อง
เสียงนั้นทำให้ทุกคนยกมือขึ้นปิดหู
ฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมๆ กับเมฆและลมที่ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับหยัดยืนได้อย่างมั่นคงอยู่กลางพายุนั้น มือของนางยังคงจับโซ่เหล็กเส้นนั้นแน่น นางไม่มีความคิดที่จะปล่อยมือเลยแม้แต่นิดเดียว
ชิงหลงขยับศีรษะ มันพยายามที่จะสะบัดนางออก แต่ในตอนที่เจ้าชิงหลงตัวนั้นยังไม่ทันได้รู้สึกตัว นางก็ปีนขึ้นมาอยู่บนหลังของมันเสียแล้ว!
“นี่ ราชามังกร เจ้าอยากเป็นอิสระจากโซ่พวกนี้หรือเปล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยที่มีเลือดซึมอยู่ตรงมุมปากขี่หลังมังกรแล้วถามออกมาอย่างกระตือรือร้น ”ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ แต่มีเงื่อนไขเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น นั่นคือเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้าตลอดไป!”
ชิงหลงส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ”เจ้ามนุษย์ เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโซ่เหล็กเส้นนี้ทำมาจากสิ่งใด มันทำมาจากเหล็กน้ำแข็งทมิฬ และลงอาคมด้วยตราประทับของเทพจากยุคบรรพกาลเชียวนะ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถปลดมันออกได้หรือ”
“ตราประทับเทพมีผลต่อสัตว์อย่างพวกเจ้าเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับข้า” เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบาง แล้วเอ่ยว่า ”ยิ่งไปกว่านั้นโซ่พวกนี้ก็ไม่ได้เอาออกยากสักเท่าไหร่นัก ยุทโธปกรณ์ทุกชิ้นล้วนแต่มีจุดอ่อนด้วยกันทั้งสิ้น เจ้าเพียงแค่ต้องหามันให้เจอเท่านั้น”
ชิงหลงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นจึงกล่าวว่า ”ข้าเคยให้สัตย์สาบานกับคนผู้หนึ่งเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว แม้เขาจะหายตัวไป แต่ข้าก็ยังรอเขาอยู่ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถเชื่อฟังเจ้าได้”
“ง่ายจะตายไป” เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มือตัวเองลูบหลังของมัน ”พวกเราจะไม่ทำสัญญาใดๆ ร่วมกัน เจ้าเพียงแค่ต้องช่วยเหลือข้าสามครั้งเท่านั้น เมื่อเจ้าทำหน้าที่นั้นสำเร็จแล้ว ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ และให้เจ้าไปตามหาเจ้านายของเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ติดอยู่ที่นี่ ต่อให้เจ้านายของเจ้าจะมาตามหาเจ้าที่นี่ เจ้าก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ ดังนั้นทำไมเจ้าไม่ร่วมมือกับข้าล่ะ ว่าอย่างไร”
ชิงหลงหรี่ตาพลางม้วนตัวอยู่ในหมู่เมฆ ”เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะสามารถคลายโซ่เหล็กน้ำแข็งทมิฬได้”
“อืม” เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มลงมองโซ่เหล็กในมือของนาง ”แต่ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาสักหน่อย ราชามังกร เจ้าอย่าเพิ่งหยุดบินเอาตอนนี้ล่ะ มิฉะนั้นข้าคงได้กลายเป็นผู้รับผิดชอบในการตายของคนที่เจ้าเหยียบแน่ อย่างไรข้าก็เป็นคนที่อัญเชิญเจ้ามา”
ชิงหลงรับคำเป็นการตกลง พร้อมกับครุ่นคิดด้วยความสงสัยว่ามนุษย์สามารถอัญเชิญมันออกมาได้อย่างไร
แต่มันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
มันถูกโซ่พวกนี้จองจำมานานเกินไปแล้วจริงๆ
เมื่อพันปีที่แล้ว
พระราชวังถูกทำลาย และผู้เป็นนายของมันก็ได้หายสาบสูญไป
มันบินไปทั่วโลกเพื่อแก้แค้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผาทำลายหมู่บ้านและเมืองต่างๆ จนเหลือเพียงเถ้าไปจนนับไม่ถ้วน
แต่การทำเช่นนี้กลับทำให้ปวงเทพโกรธเกรี้ยว พวกเขาจองจำมันเอาไว้ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาได้หนึ่งพันปีแล้ว
ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา ในตอนแรกนั้นมันก็ยังเต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่แล้วก็ค่อยๆ กลายเป็นความผิดหวัง และในที่สุดก็กลายเป็นเพียงความสงบเงียบราวกับความตายเท่านั้น
เมื่อมันยอมรับความจริงที่ว่าผู้เป็นนายของมันไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว มันก็หมดความสนใจในโลกมนุษย์
ท้ายที่สุด มันก็ตัดสินใจที่จะหลับลึกอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้
มันลืมไปแล้วว่ากลิ่นของแสงอาทิตย์นั้นเป็นเช่นใด
หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้ มันก็คงยังติดอยู่ในความว่างเปล่านั้น และเฝ้ารอผู้เป็นนายของตนด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
แต่ในที่สุดมันก็จะได้เป็นอิสระจากโซ่เส้นนี้เสียที!
ไม่ว่าเจ้าชิงหลงตัวนี้จะสงวนท่าทีเพียงใด แต่แสงที่เปล่งประกายออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองข้างของมันก็เพียงพอที่จะบอกเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้วว่ามันอยากจะหนีไปจากกรงขังแห่งนี้เพียงใด
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รอช้า นางขยับตัวไปตามแนวโซ่ แล้วพุ่งตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อไล่หาว่าต้นกำเนิดของโซ่เส้นนั้นอยู่ที่ใด
บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขาเห็นชิงหลงตัวนั้นกำลังขยับปากขนาดยักษ์ของตัวเองอยู่ พวกเขาก็คิดว่ามันกำลังเคี้ยวกระดูกของเฮ่อเหลียนเวยเวย และนางคงถูกกลืนลงท้องของมันไปแล้ว
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หัวเราะชั่วร้าย ใครเล่าจะคิดว่านังคนชั้นต่ำนั่นจะพบจุดจบด้วยความผิดพลาดของนางเอง
เรื่องนี้ช่างทำให้นางมีความสุขเสียไม่มี!
แต่อวิ๋นปี้ลั่วกลับไม่คิดว่ามันจะจบลงง่ายดายถึงเพียงนั้น ขณะเดียวกันนั้นนางก็ไม่สามารถติดต่อกับอสรพิษโลหิตที่ควรจะตอบนางกลับมาได้
เป็นไปได้อย่างไร
อวิ๋นปี้ลั่วเงยหน้าขึ้น นางรู้สึกสับสนงุนงง และในตอนนั้นนั่นเองนางก็เห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังปีนไปตามโซ่เหล็กพวกนั้น!
นางยังไม่ตาย!
แต่นางกำลังพยายามปลดโซ่พวกนั้นอยู่ต่างหาก!
เมื่อโซ่คลายออกจากกัน เทพมังกรก็จะจดจำนางในฐานะผู้เป็นนาย!
ข้าต้องหยุดนางเอาไว้!
ดวงตาของอวิ๋นปี้ลั่วเป็นประกาย โลหิตสีดำซึมลงไปใต้ดินพร้อมกับที่นางทิ้งแขนลง นางพึมพำคาถาบางอย่างออกมา
ปัง!
สัตว์ใต้พื้นพิภพเริ่มส่งเสียงราวกับมีชีวิต
ดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดของมันสั่นระริกราวกับมีแสงอันเจิดจ้าแล่นผ่าน ขณะที่มันกำลังพยายามจะลุกขึ้นยืนนั้น มันก็พบว่ามีคนผมยาวในชุดเสื้อคลุมสีเข้มคนหนึ่งกำลังขวางทางมันเอาไว้
คนคนนั้นดูดีเป็นอย่างมาก เขามีท่าทางสูงส่งและเย็นชา แต่งกายด้วยเสื้อคลุมตัวยาวถึงเข่า บนร่างของเขาไม่มีแม้แต่เศษฝุ่น แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้มปรากฏอยู่
รอยยิ้มนั้นกลับทำให้อสรพิษโลหิตรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่พุ่งทะยานขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความรู้สึกกดดันนั้นแล่นปราดไปทั่วเส้นเลือดของมัน และทำให้มันหายใจไม่ออก ดังนั้นมันจึงคล้ายกับกลายเป็นอัมพาตไปทั้งตัว
คนคนนี้เป็นใคร…