ใช่ หากไม่มีเฉินตันจูย่อมไม่มีเรื่องมากมายในวันนี้ ไม่มีการคัดเลือกขุนนางด้วยกลยุทธ์ ไม่มีชื่อเสียงอันโด่งดังขององค์ชายสาม อีกทั้งไม่มีแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นปรปักษ์ต่อเขา องค์รัชทายาทมองมุมโต๊ะด้วยความเงียบ
“ข้าคิดเสมอว่าเรื่องเหล่านี้ หากจะบอกว่าเป็นสิ่งที่เฉินตันจูทำ สู้บอกว่าเป็นเจตนาของฝ่าบาทเสียดีกว่า มีหรือไม่มีเฉินตันจูไม่สำคัญนัก” เขาพูด “แต่ดูจากเวลานี้ เฉินตันจูนี้สำคัญมากเสียจริง เรื่องที่นางทำ คนที่เกี่ยวข้องนับวันยิ่งมากขึ้น”
องค์ชายสาม โจวเสวียน แม่ทัพหน้ากากเหล็ก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางเชื่อมโยงสามคนนี้เข้าด้วยกันจะยิ่งลำบาก
“องค์รัชทายาท” เหยาฝูเช็ดน้ำตา “ต้องกำจัดนางให้ได้เพคะ”
องค์รัชทายาทเหลือบมองนาง “อย่าคิดแต่จะกำจัดนาง เวลานี้กำจัดนางจะทำให้พวกเราเดือดร้อนเท่านั้น แต่ก่อนข้าเคยพูดไว้ อย่าเอามีดทิ่มแทงเพียงเนื้อหนังของนาง”
นางไม่สนใจ นางเพียงแค่ต้องการทิ่มแทงเนื้อหนังของเฉินตันจูให้เละ โดยเฉพาะใบหน้านั้นเหยาฝูกัดฟัน ถามอย่างเชื่อฟัง “ต้องทำอย่างไรเพคะ”
“ทิ่มแทงหัวใจของนาง” องค์รัชทายาทกล่าว
หัวใจ? เหยาฝูฉงน
องค์รัชทายาทเรียกขานฝูชิง ฝูชิงที่อยู่ด้านนอกรีบเดินเข้ามา
“มีข่าวการเคลื่อนไหวของครอบครัวเฉินเลี่ยหู่ที่ซีจิงหรือไม่” องค์รัชทายาทถาม “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉินท่านนั้นเป็นอย่างไร”
ฝูงชิงพยักหน้าตอบ “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉินเลี้ยงเด็กหนึ่งคน เด็กคนนั้นเป็นบุตรของหลี่เหลียง ตระกูลเฉินให้เด็กคนนั้นใช้แซ่เฉิน”
องค์รัชทายาทถอนหายใจเสียงเบา “หลี่เหลียงมีบุตรสองคน คนหนึ่งไม่อาจเห็นเดือนเห็นตะวัน อีกคนต้องใช้แซ่ตามผู้อื่น คนที่ติดตามข้าเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ คงต้องเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง”
เหยาฝูมองเขา ถาม “องค์รัชทายาทจะทรงทำอย่างไรเพคะ”
องค์รัชทายาทบีบแก้มของนาง “หลี่เหลียงไร้ความดีความชอบ หากแต่มีโทษ ข้าไม่ถือสา แต่ข้าจะออกหน้าพูดแทนบุตรชายของหลี่เหลียง อย่างน้อยให้พวกเขาได้พบเห็นฟ้าดิน สืบทอดตระกูลของหลี่เหลียง”
เหยาฝูกระจ่าง นางไม่สนใจฝูชิงที่ยังยืนอยู่ ยื่นมือออกไปจับมือขององค์รัชทายาททาบลงใบบนหน้า พูดเสียงหวาน “องค์รัชทายาท หม่อมฉันก็ต้องมีเกียรติยศเพราะบุตรเพคะ”
องค์รัชทายาทหัวเราะตอบรับ “ได้ พวกเจ้าล้วนต้องมีเกียรติยศเพราะบุตร” รอยยิ้มกระจายไปทั่วมุมปาก เต็มไปด้วยความเสียดสี
เหยาฝูก็หัวเราะขึ้นมา สำหรับนางมีเกียรติยศเพราะบุตร แต่สำหรับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉินท่านนั้นคงจะมีความรู้สึกที่ซับซ้อนน่าดู องค์รัชทายาทร้ายกาจยิ่งนัก จัดการกับเฉินตันจูนี้โดยไม่ต้องบาดเจ็บ ใช้ข้ออ้างการพระราชทานของฮ่องเต้ทิ่มแทงลงบนหัวใจของนางอย่างแรง
เฉินตันจูนะเฉินตันจู ครานี้เจ้าไม่รอดแน่
…
ฮ่องเต้พบองค์รัชทายาทอีกครั้ง จากนั้นแม่ทัพหน้ากากเหล็กเข้าวังขอเข้าเฝ้า แต่วันที่สองก็พบกับองค์รัชทายาทอีกครั้ง จากนั้นเรียกพระชายาเข้าเฝ้า พระชายาไม่ได้มาคนเดียว นางยังพาน้องสาวมาอีกคน ทำให้เกิดการคาดเดาจำนวนมากภายในพระราชวัง องค์ชายสามได้ยินเหล่านางในของตำหนักพระสนมสวีถกเถียงเสียงเบา อาจต้องการแต่งตั้งพระสนมให้องค์รัชทายาท…
องค์ชายสามลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของพระสนมสวีดังขึ้นจากด้านหลัง
“อาซิว” นางพูดเสียงเบา “ไม่ว่าเจ้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของเจ้า หรือไปพบคุณหนูตันจู วันนี้เจ้าเดินออกไป กลับมาอย่าลืมมาเก็บศพเสด็จแม่ของเจ้าด้วย”
องค์ชายสามหันกลับมาอย่างระอา “เสด็จแม่ ร่างกายกระหม่อมหายดีแล้วอยากมีชีวิตอยู่อย่างดี หรือเสด็จแม่ไม่ได้คาดหวังเช่นนี้ เหตุใดจึงข่มขู่กระหม่อมเช่นนี้”
พระสนมสวีลูบผ้าขาวในมือแผ่วเบา “เพราะข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ที่ดี ดังนั้นจึงต้องหยุดยั้งเจ้าไม่ให้ไปหาที่ตาย”
องค์ชายสามเงียบ
“อาซิว เรื่องนี้สำหรับคุณหนูตันจูไม่ถึงแก่ชีวิต” พระสนมสวีพูด “ข้าไม่ได้มีความไม่พอใจต่อคุณหนูตันจู เจ้าก็รู้ ข้าเห็นด้วยกับที่เจ้าไปมาหาสู่กับคุณหนูตันจูเสมอมา ครานี้เพียงแค่องค์รัชทายาทต้องการแย่งชิงความดีความชอบ เขาต้องการแย่งก็ให้เขาแย่ง เวลานี้คุณหนูตันจูได้รับความไม่เป็นธรรม อนาคตเจ้าเรียกคืนให้นางก็พอ”
องค์ชายสามพูด “เวลานี้ไม่ทำสิ่งใดเลยหรือ”
พระสนมสวีเดินเข้ามา จับมือของบุตรชายเอาไว้ “แม้แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กยังไม่อาจโน้มน้าวฝ่าบาทได้ ซิวหยง เจ้ายิ่งไม่ได้ เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าสามารถเรียกร้องได้ทุกสิ่งต่อหน้าเสด็จพ่อของเจ้า สาเหตุที่เสด็จพ่อของเจ้ารับปากเจ้า ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้า แต่เป็นเพราะเขา เพราะเขาต้องการ จึงให้เจ้า”
สีหน้าขององค์ชายสามเศร้าโศกเล็กน้อย ใช่ ความจริงมักโหดร้ายเช่นนี้
“อาซิว” พระสนมสวีจับมือของเขาแน่น “หากต้องการช่วยเหลือคุณหนูตันจูจริง เจ้าต้องปกป้องตนเองก่อน เวลานี้ อย่าได้ปะทะกับฝ่าบาทและองค์รัชทายาท”
องค์ชายสามหลุบตาลง “เช่นนั้นให้เสี่ยวชวีไปบอกคุณหนูตันจู ให้นางเตรียมตัว”
ใบหน้าของพระสนมสวีปรากฏรอยยิ้ม พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะกำชับเสี่ยวชวี “นำของขวัญไปให้คุณหนูตันจูด้วย บอกว่าข้ามอบให้ ให้นางอดทนต่อความไม่เป็นธรรมในระยะหนึ่ง จึงจะได้ความปลอดภัยอันยาวนาน”
เสี่ยวชวีตอบรับ
ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพหน้ากากเหล็กรับรู้การเคลื่อนไหวภายในพระราชวัง อีกทั้งรู้ละเอียดกว่าองค์ชายสามเสียอีก
“ฝ่าบาทกังวลเพราะท่าน” หวังเจียนพูด “ดังนั้นจึงไม่พูดถึงหลี่เหลียง เพียงแค่พูดถึงเหล่ามารดาของบุตรชายเขา”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กยิ้ม “เหล่ามารดาของบุตรชาย อย่างไร ยังต้องให้มารดาทั้งสองอยู่ร่วมห้องกันหรือ”
หวังเจียนพูด “แน่นอน องค์รัชทายาทไม่ได้ต้องการเหยียดหยามคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉิน เพื่อตบหน้าคุณหนูตันจูหรือ”
ยังมีการเหยียดหยามที่ใหญ่กว่าการอยู่ร่วมห้องกับศัตรูอีกหรือ
“แน่นอนว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินสามารถปฏิเสธได้ สามารถให้คุณหนูตันจูไปประท้วงกับฮ่องเต้”
หวังเจียนแบมือ
“ถึงเวลาฮ่องเต้จะทำอย่างไร ล้วนเป็นเพราะพวกนางหาเรื่องเอง”
เรื่องนี้หากพูดตามจริง องค์รัชทายาทไม่ได้ต้องการแย่งชิงความดีความชอบอีกต่อไป หากแต่เป็นการระบายความโกรธ พุ่งเป้าหมายไปที่คุณหนูตันจู
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเรียกขานคนเข้ามา
“เวลานี้ถึงแม้ท่านจะเข้าไปประท้วงในพระราชวัง ปลดเกาะกลับนาก็ไร้ประโยชน์” หวังเจียนส่ายหัว “มันคือความเมตตาของฝ่าบาท การให้รางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน อีกทั้งนอกจากหลี่เหลียง องค์รัชทายาทยังขอโปรดพระราชทานรางวัลให้แก่สายสืบที่อยู่ในเมืองอู๋เวลานั้น ท่านแม่ทัพ ท่านไม่อาจขัดอนาคตของคนมากมายเพียงนั้นเพื่อคุณหนูตันจูคนเดียว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ข้าไม่ได้ต้องการเข้าวัง” มองเฟิงหลินที่เดินเข้ามา เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ “บอกหยวนไต้ฟู ให้เขาบอกคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉิน ให้นางเตรียมตัว”
เฟิงหลินตอบรับ หันหลังกำลังจะออกไป แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดขึ้นอีกครั้ง “ไปบอกคุณหนูตันจูก่อน”
เฟิงหลินรับคำสั่งและจากไป
หวังเจียนรินชาพลางส่ายหัว “คุณหนูตันจูผู้น่าสงสาร คงจะโกรธแย่แล้ว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กชี้ไปที่โต๊ะ “เจ้าก็อย่าอยู่ว่าง จดหมายให้หยวนไต้ฟูเจ้าเป็นคนเขียน รอเฟิงหลินกลับมาก็สามารถส่งไปได้ทันที”
หวังเจียนเบ้ปาก “หยวนไต้ฟูฉลาด เพียงแค่บอกเขาคำเดียวเขาก็รู้ทั้งหมด ไม่ต้องเขียนจดหมาย”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เขายังคงจรดพู่กันอย่างเชื่อฟัง
เฟิงหลินมาถึงอารามดอกท้อ พบว่าไม่ต้องให้เขาพูดมากแล้ว ขันทีขององค์ชายสามเสี่ยวชวีเพิ่งจากไป กวนเน่ยโหวโจวเสวียนก็นั่งลงข้างตัวของคุณหนูตันจู
“ท่านจะทำอย่างไร” โจวเสวียนถาม
เฉินตันจูกำลังหั่นยา ได้ยินจึงครุ่นคิด มองไปยังโจวเสวียน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะให้ฝ่าบาทคืนจวนให้ข้า”
โจวเสวียนผงะ ก่อนจะส่งเสียงคัดค้าน “ข้าไม่ได้หาเรื่องท่าน เหตุใดคนที่โชคร้ายจึงเป็นข้า”