“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
“เยี่ยม! เทพมังกรปรากฏกายแล้ว! หากมันยังคงสร้างความพินาศต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ เห็นทีสำนักไท่ไป๋คงได้ถูกน้ำท่วมไปทั้งสำนักแน่”
ผู้คนต่างคร่ำครวญกันอย่างไม่จบไม่สิ้น
อวิ๋นปี้ลั่วส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า ”สถานการณ์นี้มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแค่นี้ก็ดีแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลายคนจึงยังรู้สึกว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สามารถฝึกมังกรตัวนั้นให้เชื่องได้
เพราะอวิ๋นปี้ลั่วยังไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยคลายโซ่เหล็กน้ำแข็งทมิฬได้แล้ว หากไม่ได้เป็นเช่นนั้น แล้วทำไมชิงหลงถึงได้ไม่ยอมก้มหัวให้เฮ่อเหลียนเวยเวยในฐานะเจ้านายเล่า
ดังนั้น นางจึงสันนิษฐานว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอสรพิษโลหิตเข้าไปขัดขวางเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้ในตอนที่นางกำลังพยายามที่จะคลายโซ่เส้นนั้นให้กับเทพมังกรนั่นเอง
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อวิ๋นปี้ลั่วถามขึ้นมาว่า ”แล้วบาดแผลบนร่างของพี่อวิ๋นเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
อวิ๋นปี้ลั่วก้มลงมองเด็กชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยน แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย สีหน้าของนางคล้ายกับต้องการจะสื่อว่าตราบใดที่องค์ชายเจ็ดไม่ได้รับบาดเจ็บ นางก็ไม่เป็นไร
ตรงกันข้าม มันกลับทำให้คนที่สร้างความเดือดร้อนเอาไว้มากมายอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยกลายเป็นส่วนเกินไป
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เด็กชายหัวโล้นไม่พอใจยิ่งนัก
และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก็ถีบเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อย่างไม่ปรานี!
ลูกถีบนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง
มันทำให้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นทันที
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร! เจ้ากล้าพูดจาว่าร้ายพี่สะใภ้สามของข้าได้อย่างไรกัน”
ทุกคนในสำนักไท่ไป๋ต่างก็รู้ว่าแม้องค์ชายตัวน้อยจะมีหน้าตาน่ารักน่าชังและดูสุภาพเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่ควรที่จะประเมินเด็กคนนี้ต่ำเกินไป
เพราะทันทีที่เขาโมโหขึ้นมา เขาจะตอบโต้ด้วยการใช้ความรุนแรงโดยไม่มีข้อแม้!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ตะลึงจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ในเวลาเดียวกันนั้นดวงตาอันงดงามสดใสของนางก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางสะอื้นไห้ราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างรุนแรง ”องค์ชายเจ็ดเพคะ หม่อมฉันคิดว่าท่านคงเข้าใจคำพูดของหม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉัน…”
“เข้าใจอะไรผิดหรือ” เด็กชายเยาะเย้ย แม้เขาจะอายุน้อย แต่ก็มีท่าทางทรงอำนาจจนยากจะมองข้ามได้ ”นางไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เสียหน่อย! หากไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้สาม ป่านนี้ข้าก็คงถูกกรงเล็บนั่นฟาดตายไปแล้ว ตอนที่มีมังกรโผล่มา ข้าไม่เห็นว่าจะมีพวกเจ้ากล้าก้าวขาออกมาเลยแม้แต่คนเดียว!” เด็กชายกล่าว พลางชี้นิ้วไปทางอวิ๋นปี้ลั่ว
อวิ๋นปี้ลั่วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างมากระหว่างทุ่มความสนใจทั้งหมดของตนไปที่เด็กชาย ”หม่อมฉันเพียงกังวลว่าแม่นางเวยเวยจะคุมชิงหลงไม่อยู่ จนทำให้องค์ชายเจ็ดต้องพลอยบาดเจ็บไปด้วยก็เท่านั้นเพคะ”
“คุมไม่อยู่หรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดแทรกพร้อมกับรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งของนางยังกุมท้องน้อยของตัวเองเอาไว้ขณะที่ค่อยๆ ยื่นมืออีกข้างออกมา ดูเหมือนนางมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ ริมฝีปากบางของนางเผยเสน่ห์ชั่วร้ายออกมาตอนที่นางกล่าวว่า ”ชิงหลง กลับมาหาข้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดเพียงหกคำนั้น ใบหน้าของอวิ๋นปี้ลั่วก็ซีดจนไร้สีเลือด
ชิงหลงที่บินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศถลาตัวลงมาด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนหยุดอยู่ด้านหลังของเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าสง่างามและเย็นชา ทำเอาทุกคนถึงกับอ้าปากค้างกับภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้
เทพมังกร… เทพมังกรทำตามคำสั่งของเฮ่อเหลียนเวยเวยจริงๆ!
อาจารย์ที่อยู่ตรงนั้นตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อ
เขาเคยได้ยินตำนานของเทพมังกรมานับไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเพียงแค่ศิษย์ของสำนัก เขาเพิ่งจะมาเข้าใจเทพมังกรอย่างถ่องแท้เอาก็ตอนที่ได้เป็นอาจารย์นี่เอง
มันไม่เคยก้มหัวให้กับมนุษย์
แม้แต่มหาปุโรหิตที่ตามหามันจนเจอก็ยังไม่สามารถกำราบมันได้
แต่ วันนี้!
มันกลับทำตามคำสั่งของเด็กสาวตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว!
อาจารย์รีบขยับแว่นของตัวเองเพื่อมองภาพนั้นให้ชัดเจน
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอย่างสบายๆ อยู่ข้างหน้าชิงหลง นางดูไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เสื้อคลุมสีเขียวมรกตของนางปลิวอยู่ในสายลมโดยมีหมอกที่ก่อตัวขึ้นม้วนอยู่รอบตัว เกิดเป็นภาพอันงดงามราวกับภาพวาด
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะนางอีก
นางสามารถอัญเชิญเทพมังกรได้จริงๆ!
ในรอบหนึ่งพันปีไม่เคยมีเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงเช่นนี้เกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้อย่างไร นางทำลายสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า!
อัจฉริยะ!
นางเป็นอัจฉริยะจริงๆ ใช่ไหม
บรรดาศิษย์จากหอชั้นเยี่ยมและหอสามัญต่างก็ไม่สามารถซ่อนความตกตะลึงในดวงตาเอาไว้ได้
ส่วนลูกศิษย์จากหอชั้นเลิศที่จงเกลียดจงชังนางอยู่เสมอนั้น ในเวลานี้พวกเขาต่างก็อยากขุดหลุมแล้วฝังตัวเองอยู่ในนั้นเสีย
ตอนที่อวิ๋นปี้ลั่วเข้ามา เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คาดหวังเอาไว้ว่านางจะสามารถเอาชนะเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ และทำให้นางต้องพ่ายแพ้จนย่อยยับ
อย่างไรเสียพวกนางสองคนก็ไม่พอใจที่สุดท้ายคนที่ได้เป็นพระชายานั้นไม่มีดีทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถ
อวิ๋นปี้ลั่วเป็นคนที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง นอกจากนางจะมีเส้นสายเป็นของตัวเองอย่างกว้างขวางแล้ว ทั้งฝีมือและความสามารถของนางก็จัดว่าอยู่เหนือกว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยทั้งสิ้น
ความคิดที่ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะสามารถอัญเชิญและกำราบเทพมังกรได้นั้นจึงไม่เคยอยู่ในหัวสมองของนางเลยแม้แต่นิดเดียว!
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรไปจากการตบหน้าพวกนางเข้าอย่างจัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น แล้วค่อยๆ กวาดสายตามองไปยังบรรดาคุณหนูทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดาคนที่ชื่นชอบการจับกลุ่มนินทาเหล่านั้น ก่อนที่สุดท้ายสายตาของนางจะหยุดลงที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ จากนั้นนางก็ยกเท้าขึ้น แล้วเหยียบลงไปที่มือของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ที่ปากของนางยังคงมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายเผยออกมาให้เห็นเช่นเคย ”น้องสาว เจ้ายังมีอะไรจะพูดอยู่อีกหรือไม่”
“เจ้า…” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์มุ่นหัวคิ้วด้วยความเจ็บปวด นางไม่เคยอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงมองนางอย่างไม่แยแส แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”พวกลูกสาวของอนุภรรยาที่ไม่มีกระทั่งฐานะอันใดกล้าพูดจาดูหมิ่นพระชายาได้อย่างไร้ซึ่งความเคารพยำเกรงถึงเพียงนี้เชียวรึ น้องสาว ใครกันหรือที่มอบความกล้าให้เจ้าทำเช่นนั้นได้ หืม”
บรรดาคุณหนูทั้งหลายที่คิดจะร้องขอความเมตตาให้กับเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถึงกับชะงักไป พวกนางพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ยินคำพูดนั้น
พวกนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่พวกตนต้องกลายเป็นฝ่ายถูกคนที่มีฐานะสูงกว่ากดขี่
การเคลื่อนไหวหลังจากเฮ่อเหลียนเวยเวยพูดเช่นนั้นออกมาย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก หากพวกนางเคลื่อนไหว มันจะกลายเป็นการหมิ่นเบื้องสูงในที่สาธารณะเอาได้
พวกนางสบตากันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบถอยออกไป
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่คิดที่จะปล่อยพวกนางไป นางจ้องมองคนกลุ่มนั้นอย่างเย็นชา พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม ”ใครมอบความกล้าให้พวกเจ้าละเลยกฎระเบียบของสำนัก และรังแกคนตามใจตัวเองหรือ ข้าเกลียดความรุนแรงในสำนักเป็นที่สุด และการที่พวกเจ้ารวมกลุ่มกันมาเพื่อกลั่นแกล้งคนเพียงคนเดียวนั้นมันก็ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายเสียจริง”
“เฮ่อเหลียนเวยเวย เจ้า…”
เพี๊ยะ!
ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตบหน้านางเข้าอย่างจัง!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรม นางพยายามที่จะแย้ง แต่ดวงตาของชิงหลงกลับหรี่ลงและจ้องมองนางอย่างมาดร้าย
มันทำให้บรรดาคุณหนูทั้งหลายถึงกับเข่าอ่อน เพราะพวกนางคุ้นเคยแต่กับการถูกเอาอกเอาใจและอาละวาดตามใจตัวเอง
“ตบได้ดี!”
ศิษย์หลายคนจากหอชั้นดีเริ่มส่งเสียงให้กำลังใจ!
สำนักไท่ไป๋อาจจะประกาศตัวว่าตนเองเป็นกลาง แต่ที่นั่นไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมอย่างแท้จริง
แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง แต่หอชั้นดีก็ไม่เคยกล้าทำตัวเสียมารยาทต่อศิษย์จากหอชั้นเลิศ ปกตินั้นพวกเขาต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบสนองความต้องการของบรรดาศิษย์จากหอชั้นเลิศเสียด้วยซ้ำ
แต่หอชั้นเลิศจะกลั่นแกล้งและปลีกตัวออกจากคนที่พวกเขาไม่ชอบหน้าในทันที มิหนำซ้ำพวกเขายังแอบเยาะเย้ยและแกล้งศิษย์ต่างหอที่ไม่เชื่อฟังพวกตนอีกด้วย
โดยปกติจะมีอาจารย์ช่วยส่งเสียงห้ามปรามการกระทำเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง แต่อย่างไรบรรดาลูกศิษย์ที่เป็นฝ่ายลงมือนั้นก็มักจะมาจากตระกูลของผู้มีอิทธิพลกว้างขวางด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นการหาเรื่องพวกเขาจึงมักมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย
แต่เสียงสนับสนุนจากเหล่าศิษย์ที่ดังกระหึ่มอยู่นี่กลับทำให้ผู้เป็นอาจารย์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
อวิ๋นปี้ลั่วรู้สึกราวกับถูกตบหน้าขณะมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า นางกัดริมฝีปากของตนด้วยความคับข้องใจ แล้วหันไปมองทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย...