รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 331 อย่ารีบร้อน ใจเย็น ๆ หน่อยเข้าไปลึกกว่านี้ค่อยลงมือ!

บทที่ 331 อย่ารีบร้อน ใจเย็น ๆ หน่อยเข้าไปลึกกว่านี้ค่อยลงมือ!

บทที่ 331 อย่ารีบร้อน ใจเย็น ๆ หน่อยเข้าไปลึกกว่านี้ค่อยลงมือ!

“เหตุใดถึงไปอยู่อาณาจักรนั้นได้กัน!”

มัจฉาหยินหยางตัวใหญ่กระสับกระส่ายจิตใจไม่สงบ เก้าอาณาจักรตอนบนพยายามแยกตัวออกจากอาณาจักรแห่งนั้น บัดนี้กลับจะเข้าไปพัวพันกับอาณาจักรนั้นอีกครั้ง?

สมาชิกที่แข็งแกร่งหลายคนในเผ่ามัจฉาหายตัวไป และไม่ใช่แค่เผ่ามัจฉาหยินหยางเท่านั้น

มันรู้ด้วยว่าเก้าอาณาจักรตอนบนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สมาชิกของเผ่ามัจฉาทรงพลังหายตัวไปอย่างลึกลับ…

“ปอเอ๋อร์ปรากฏตัวในอาณาจักรนั้น มีความเป็นไปได้ว่าสมาชิกเผ่ามัจฉาอื่นที่หายไปก็อยู่ในอาณาจักรนั้นเช่นกัน…”

มันกล่าวเสียงต่ำ

“ปอเอ๋อร์ตายแล้ว ผู้ใดเป็นคนทำ? อาณาจักรแห่งนั้นกำลังเกิดหายนะขึ้นใช่หรือไม่”

ประกายแสงวาบวาบในดวงตามัจฉาคู่นั้น “ลงมือกับเก้าอาณาจักรตอนบน นี่กำลังพยายามล่อพวกเราไปที่นั่นอย่างนั้นหรือ!?”

ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างมันกับปอเอ๋อร์ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง มันรู้ดีว่าลูกชายของมันตายไปแล้ว

แน่นอนว่ามันโกรธมาก ทั้งยังรู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปในอาณาจักรนั้นตามใจชอบ

อาณาจักรนั้นทำให้มันหวาดกลัวเกินไป!

“อาณาจักรเทียนหยวนต้องการทำอะไร? กล้าดีอย่างไรไปโจมตีอาณาจักรนั้น! อาณาจักรเทียนหยวนไม่รู้ประวัติอาณาจักรนั้นเลยหรือ… เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจมีคนอยู่เบื้องหลัง!?”

อาณาจักรนั้นเหนือสามัญมากนัก และมันก็ให้ความสนใจกับอาณาจักรนั้นตลอด

มันรู้ว่าอาณาจักรเทียนหยวนตอนนี้กำลังคิดจะโจมตีอาณาจักรนั้นอยู่

ซ้ำยังรู้ด้วยว่าอาณาจักรเทียนหยวนเคยบุกรุกรานไปแล้ว ทว่าต่อมาก็ต้องถอนทัพกลับ

ไม่ใช่แค่มันที่ให้ความสนใจกับอาณาจักรนั้น แต่อาณาจักรชั้นนำอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจเช่นกัน

คราแรกที่สิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนโจมตีอาณาจักรนั้น พวกเขายิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะอยากรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรเทียนหยวนไม่แข็งแกร่งพอ ไม่นานพวกมันก็ถูกขับไล่ออกมา

ครั้งนี้สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะโจมตีอาณาจักรนั้นอีกครั้ง พวกเขาเลยยิ่งสนใจมากขึ้น

แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าอาณาจักรเทียนหยวนมีจุดประสงค์ใดถึงได้เลือกรุกรานอาณาจักรนั้น

เพียงแค่ต้องการผนวกดินแดน หรือกองกำลังเบื้องหลังของพวกมันต้องการบางสิ่งบางอย่างจากอาณาจักรนั้น?

พวกเขาไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย แต่เลือกที่จะให้ความสนใจอย่างเงียบ ๆ

ความล้ำลึกในอาณาจักรนั้นมากเกินไป เปิดเผยความลับอย่างหนึ่งก็อาจเป็นความลับสะเทือนสวรรค์ได้!

“เฮ้อ รออาณาจักรเทียนหยวนบุกเข้าไป ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

มัจฉาหยินหยางตัวใหญ่หัวเราะเย้ยหยันหลายครา ลูกชายของมันต้องไม่ตายเปล่า!

มันต้องการให้อาณาจักรเทียนหยวนลงมือก่อน จากนั้นมันค่อยวางแผนต่อ!

ณ แดนหยิน เหยียนโจว ภาคกลาง

หลายวันมานี้ พวกหลี่จิ่วเต้าพากันเที่ยวชมทิวทัศน์ใกล้ ๆ เขาหยงหมิงหมดแล้ว และพวกเขาก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปยังยอดเขาท่องนภาแล้วด้วย

สัตว์อสูรทั้งเก้าตนวิ่งเข้ามาลากรถอย่างรวดเร็ว พวกมันภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ช่างโชคดีนักที่ได้ลากรถให้ท่านเซียน!

“หลายวันมานี้ ขอบคุณท่านที่ดูแลพวกข้าเป็นอย่างดี”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางด้วยรอยยิ้ม

“นายท่านไม่ต้องขอบคุณขอรับ นี่เป็นเรื่องสมควรต่างหาก!”

ผู้อาวุโสเก้าตอบกลับ บนใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเปรมปรีดิ์

ได้ดูแลท่านเซียน แล้วยังได้กินเนื้อฉงฉีตุ๋นฝีมือท่านเซียนอีก ชีวิตของเขาไม่สูญเปล่าแล้ว!

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยลาผู้อาวุโสเก้าด้วยรอยยิ้ม แล้วเขากับเซี่ยเหยียนก็ขึ้นรถม้าจากไป

บนยอดเขาใกล้กับเขาหยงหมิง หานเยว่กับแม่เฒ่าหานยืนอยู่บนยอดเขา มองรถลากกลางอากาศ

ใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้ม

“พวกเขาไปแล้ว!”

แม่เฒ่าตระกูลหานติดต่อผู้นำตระกูลหาน ก่อนจะส่งข่าวให้ผู้นำตระกูลหาน

ณ ยอดเขาท่องนภา

“พวกเขากำลังมา”

ผู้นำตระกูลหานได้รับข่าวจากแม่เฒ่า

ด้านข้างเขา มีชายชราคนหนึ่งดูราวกับซากศพยืนอยู่ ทั่วทั้งร่างไร้พลังชีวิต เห็นได้ชัดว่ากำลังจะตาย อายุขัยของเขาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว

“เช่นนั้นก็ดี”

ชายชราซากศพพยักหน้า เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหาน เป็นจ้าวสูงสุดผู้มีอายุตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

“ครั้งนี้ห้ามให้มีอะไรผิดพลาด!”

บรรพชนเผ่าฉงฉีก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

พวกเขาเตรียมสุดยอดค่ายกลสังหารไว้บนยอดเขาท่องนภา ซ้ำยังมีจ้าวสูงสุดสองคนอยู่ข้างกาย ไม่ว่าเซี่ยเหยียนจะแข็งแกร่งเพียงใด ครั้งนี้นางจะต้องตกหลุมพลางพวกเขา!

“ดี!”

ผู้นำตระกูลหานหัวเราะพลางกล่าว “แผนดำเนินไปอย่างราบรื่น นี่เป็นสัญญาณที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงตอนนั้นพวกเราทั้งหมดคงจัดการหายนะได้สำเร็จแล้ว!”

“ไปกันเถอะ”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานกล่าวกับบรรพชนเผ่าฉงฉี พวกเขาออกจากยอดเขาท่องนภามาอยู่ยอดเขาอื่น และรอพวกหลี่จิ่วเต้าขึ้นยอดเขาท่องนภาอย่างเงียบ ๆ

อีกด้านหนึ่ง สัตว์อสูรทั้งเก้าตนกำลังลากรถผ่านหมู่เมฆไปอย่างรวดเร็ว

ประมุขศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นคนนำทาง เขาแนะนำสถานที่ไปพลาง ๆ ไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็มาถึงยอดเขาท่องนภา

ยอดเขาท่องนภาสูงใหญ่ตระหง่านเหนือหมู่เมฆา มองจากระยะไกลนับว่างดงามยิ่งนัก

สัตว์อสูรทั้งเก้าตนลากรถมาจอดที่ตีนเขาท่องนภา ไม่ได้ตรงไปยังยอดเขาท่องนภาแต่อย่างใด

นี่เป็นสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ยขอ

การปีนเขาถือเป็นกิจกรรมน่าหรรษาอย่างหนึ่ง สามารถเพลิดเพลินไปกับการชมทิวทัศน์ได้ แม้การตรงไปยังยอดเขาจะสะดวกและง่ายดาย แต่กลับทำให้ความน่าสนใจลดน้อยลง

ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีเวลาว่างอยู่มาก ดังนั้นหลี่จิ่วเต้าจึงเสนอให้เดินเท้าและปีนภูเขา

“เหตุใดถึงลงตรงเชิงเขา?”

บนยอดเขาอีกลูก ผู้นำตระกูลหานขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “พวกเขาคงไม่ได้รู้ว่ามีค่ายกลสังหารที่พวกเราจัดเตรียมไว้บนยอดเขาท่องนภาใช่หรือไม่?”

เพราะเห็นว่ารถลากไม่ได้ตรงไปยังยอดเขาท่องนภา แต่ลงตรงเชิงเขาแทน เขาจึงกังวลว่าค่ายกลสังหารที่ถูกจัดเตรียมไว้จะถูกค้นพบ

“กลัวอะไรกัน!”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานดุเสียงเบาและกล่าวว่า “ค่ายกลสังหารถูกจัดเตรียมไว้อย่างระมัดระวังโดยข้ากับสหายเต๋าของข้า ถึงขนาดใช้ทรัพยากรล้ำค่าหายากยิ่ง เช่นนี้แล้วมันจะถูกเปิดเผยอย่างง่ายดายได้อย่างไร!”

“ถูกต้อง อย่ากังวล! มันไม่ง่ายที่จะเจอเลย… หากพวกเขาหาเจอได้อย่างง่ายดาย พวกเราก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ แต่จากไปได้เลย เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะรับมือได้แล้ว”

บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าว

เขากับผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานจัดเตรียมที่นี่เป็นเวลาหลายวัน ทรัพยากรทั้งหมดที่ใช้ล้วนแต่เป็นทรัพยากรระดับสูง แล้วมันจะถูกหาเจออย่างง่ายดายได้อย่างไร

หากพวกเขาถูกค้นพบได้ง่ายดายปานนั้น ก็คงเป็นอย่างที่เขาบอกก็แค่จากไป ไม่จำเป็นต้องลงมืออะไรทั้งสิ้น

เพราะหากค้นพบค่ายกลสังหารได้ง่ายดายจริง ๆ นั่นหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามไม่อาจจินตนาการได้แล้ว กระทั่งห่างชั้นเกินกว่าจะรับมือได้

“หาไม่เจอจริง ๆ! พวกเขาเดินเข้าไปแล้ว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานดวงตาเป็นประกาย เขาเห็นพวกหลี่จิ่วเต้าและคนอื่น ๆ ลงจากรถม้าและเดินเข้าไปในยอดเขาท่องนภาแล้ว

“ลงมือเลย?”

เขาว่าต่อ

“อย่ารีบร้อน ตอนนี้พวกเขาเพิ่งเข้ามา ยังอยู่แค่ตรงขอบค่ายกล รอให้พวกเขาเข้าไปลึกก่อนค่อยลงมือ”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานกล่าวอย่างใจเย็น

ในเมื่อพวกหลี่จิ่วเต้ายังหาค่ายกลไม่พบ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงมือ รอให้อีกฝ่ายเข้าไปลึกอีกหน่อย พอถึงตรงกลางค่ายกลสังหารเมื่อใด ค่อยใช้พลังค่ายกลสังหารสูงสุดจัดการพวกเขา

“ในเมื่อพวกเขาเข้าค่ายกลมาแล้ว พวกเราก็วางใจเถอะ พวกเขาไม่มีทางหนีพ้นไปได้แน่!”

บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

  1. Khunnaay พูดว่า:

    เราอ่านเรื่องนี้ทีไรเรารู้สึกว่า ทุกตัวละครน่ารัก อ่านไปหัวเราะไปตลอด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท