ถึงแม้จะเป็นเนื้อเรื่องสั้นๆ ทว่าหลูเหว่ยก็ได้ถูกการ์ตูนเรื่องนี้ดึงดูดเป็นที่เรียบร้อย นี่เป็นการ์ตูนแนวอาหารซึ่งแตกต่างจากการ์ตูนทั้งหมดในหมวดเดียวกัน เมื่อได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ถึงได้รู้ว่าองค์ประกอบทั้งรูป รส และกลิ่นที่แท้จริงของอาหารเป็นอย่างไร
นักเขียนอัปเดตถึงตอนที่สาม
เมื่ออ่านเนื้อเรื่องตอนที่หนึ่งจบ หลูเหว่ยก็รีบอ่านอีกสองตอนที่เหลืออย่างอดใจรอไม่ไหว ตั้งแต่ตัวเอกรักษาร้านอาหารเล็กๆ ของครอบครัวได้สำเร็จ ไปจนถึงพ่อจัดการส่งเขาเข้าโรงเรียนหย่วนเยวี่ย เรื่องราวยังคงดึงดูดความสนใจของหลูเหว่ยได้อย่างอยู่หมัด และเนื้อเรื่องต่อจากนั้นได้ยืนยันการคาดเดาของหลูเหว่ย นั่นก็คือพ่อของตัวเอกนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ แม้ว่าในเนื้อเรื่องจะไม่ได้อธิบายไว้ชัดเจน แต่กลับยิ่งทำให้หลูเหว่ยยิ่งตั้งตารอผลงานของตัวเอกในโรงเรียนสอนทำอาหารชั้นนำแห่งนี้!
ไม่ใช่หลูเหว่ยเพียงคนเดียว
ยังมีนักอ่านอีกจำนวนหนึ่งที่กดเข้ามาอ่านเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ และถูกดึงดูดไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้เผยแพร่ไปได้ไม่นาน พื้นที่แสดงความคิดเห็นก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมา
‘ลายเส้นวาบหวิวมากแม่!’
‘นักเขียนฝีมือเทพมาก!’
‘กินข้าวแล้วเป็นถึงขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ’
‘ในอาหารของตัวเอกมียาปลุกความปรารถนาหรือไง!’
‘เห็นชัดๆ ว่าเนื้อเรื่องทั้งเกินจริงทั้งขัดเขิน แต่พออ่านตอนแรกจบก็หยุดอ่านไม่ได้ ผมคิดว่าตัวเองคงไม่สนใจการ์ตูนแนวอาหารแล้ว จนกระทั่งได้อ่านเรื่องจิตวิญญาณสือจี่นี้ ลายเส้นกับพล็อตเข้ากันแบบลงตัวสุดๆ ผมโอเคมาก’
‘ไม่ใช่ ‘จิตวิญญาณยาปลุกความปรารถนา’ หรอกเหรอ?’
“ขายเนื้อขายหนังอยู่พอตัวจริงๆ แต่รวมๆ แล้ว ฉันรู้สึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ดุเดือดและสร้างแรงบันดาลใจ ตัวเอกกับพ่อของเขาแข่งขันกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ยังเปี่ยมล้น แถมยังศึกษาอยู่ตลอดว่าตัวเองพลาดตรงไหน ทำเอาตอนนี้ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าสรุปแล้วพ่อของตัวเอกจะโหดขนาดไหนกันแน่ ต้องเป็นพ่อครัวระดับปรมาจารย์แน่ๆ จากความสนุกแล้วบอกไว้เลยว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอยู่นะ”
‘พ่อครัวระดับเทพในร้านอาหารเล็กๆ น่ะหรือ’
‘ได้กลิ่นแล้วส่งเสียงร้องออกมา กินเข้าปากคำแรกก็ถึงจุดสุดยอด ต้องอร่อยขนาดไหนเสื้อผ้าถึงระเบิดได้ ลายเส้นไม่ได้รู้สึกว่าไก่เขี่ย ฉากอาหารก็สมจริงมากทีเดียว ทฤษฎีในเรื่อง ฉันในฐานะเชฟก็ยอมรับนะ เพราะอาหารจานนี้ฉันก็ทำได้ เพียงแต่ฉันไม่มีทางทำให้ลูกค้าตื่นเต้นจนเสื้อผ้าระเบิดอย่างตัวเอกได้หรอก แต่นี่ก็เป็นจุดที่น่าสนใจของการ์ตูน ถ้าคาบเกี่ยวกับความจริงมากเกินไป งั้นการ์ตูนอาหารก็ไม่น่าสนใจน่ะสิ’
‘อ่านแล้วติดงอมแงมเลย’
‘ทั้งเสียงฉ่าๆ หรือแสงสว่างวาบๆ ในกระบวนการทำอาหารทำให้รู้สึกเหมือนกำลังทรมานตัวเองอยู่ รายละเอียดของอาหารแต่ละอย่างประณีตและสีสันดูน่ากินสุดๆ ทำให้ท้องร้อง แต่ก็กินไม่ได้ วิญญาณของข้ากำลังจะหลุดจากร่างแล้วท่านราชาโอสถ’
‘…’
และเมื่อเทียบกับนักอ่านผ่านทางซึ่งกดเข้ามาแล้ว ปฏิกิริยาของแฟนคลับของอิ่งจือเกินจริงยิ่งกว่าเสียอีก ‘ตอนที่ได้ยินว่าอิ่งจือจะทำการ์ตูนออริจินัลแนวอาหาร ฉันไม่ซื้อแล้วหนึ่ง ไม่ใช่เพราะคุณคืออิ่งจือแล้วฉันจะชอบคุณแบบไร้เงื่อนไข แต่พออ่านจบแล้วก็อึ้งไปเลย จินตนาการของอิ่งจือปังมากแม่ พล็อตเรื่องก็แทบจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นนักวาดบริสุทธิ์มาก่อน สิ่งที่ฉันชอบ อิ่งจือก็วาดออกมาหมดแล้ว ชอบมากกกกกก!’
‘อิ่งจือโหดไปอีก!’
‘พวกคุณรู้สึกว่าฉากมันวาบหวิว แต่ผมกลับรู้สึกว่าการ์ตูนของอิ่งจือตลกมาก ตัวเอกกับพ่อแข่งกันทำอาหารเปิบพิสดารจี้เส้นผมมาก หลังจากนั้นฉากที่ตัวเอกทำอาหารเลียนแบบเนื้อก็เดือดสุดๆ!’
‘อิ่งจือแกก็กล้าไปอีกก!’
‘อิ่งจือทั้งเดือดทั้งเบียว!’
‘ถ้าไม่บอกว่านี่เป็นการ์ตูนแนวอาหาร ผมคงคิดว่ากำลังอ่านการ์ตูนแอคชันอยู่นะเนี่ย ถึงจะทำอาหาร แต่เซตติงในเรื่องทำให้ความหมายของการทำอาหารขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราไม่ควรเหมารวมว่าอิ่งจือเป็นนักวาดบริสุทธิ์ เพราะเขารู้ว่าผู้อ่านชอบอ่านอะไร’
‘…’
ผู้อ่านที่จะกดเข้ามาอ่านนิยายแนวอาหาร โดยทั่วไปก็มักจะยอมรับความเกินจริงของเซตติงซึ่งคนถูกอาหารครอบงำเช่นนี้ได้ ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครถูกรสชาติของอาหารอันโอชะกระตุ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้หรอก อย่างมากทุกคนก็พยักหน้า พลางเอ่ยปากชื่นชมว่า
‘สุดยอดมาก’
‘อร่อยมาก’
แต่ถ้าหากยกปฏิกิริยาในโลกแห่งความเป็นจริงไปใส่ในการ์ตูน ก็จะสูญเสียอรรถรสของการ์ตูนไป การ์ตูนเรื่องนี้ใช้อติพจน์มาแสดงให้เห็นว่าลูกค้านั้นอ่อนแอและยอมสยบเมื่อเผชิญหน้ากับอาหาร กอปรกับในการ์ตูนได้สอดแทรกมุกตลกอยู่ตลอด ทั้งตรรกะและโลกทัศน์ผสานกันอย่างลงตัวในระดับที่เหมาะสม เช่นเดียวกับภาพยนตร์ชวนหัวไร้แก่นสาร เห็นอยู่แท้ๆ ว่าทั้งโครงเรื่องและมุกตลกนั้นเกินจริงและไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ทว่าทุกคนก็เลือกที่จะเพิกเฉยต่อความไม่สมจริงนี้ เพียงแค่เพลิดเพลินไปกับความสนุกสนานและอรรถรสที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันเกินจริง
ก่อนหน้านี้
ผู้อ่านจำนวนมากของอิ่งจือเชื่อสนิทใจไปแล้วว่าอิ่งจือเป็นนักวาดบริสุทธิ์ ถึงอย่างไรเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสซึ่งทำให้เขาโด่งดังขึ้นมาได้ ก็เป็นเรื่องราวต้นฉบับซึ่งเขียนโดยฉู่ขวง เพราะฉะนั้นจึงนับว่าการ์ตูนของเขาประสบความสำเร็จเพราะสามารถรักษาเนื้อเรื่องต้นฉบับไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่เขายังพอมีฝีมือในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ในระดับหนึ่ง ผลงานชิ้นแรกของเขาคงไม่ถึงกับตรงตามต้นฉบับทุกกระเบียดนิ้วแบบนี้หรอกใช่ไหมล่ะ
ทว่าในตอนนี้
อิ่งจือถึงกับไม่ต้องการคนเขียนบท และใช้ความสามารถของตนเพียงคนเดียวผลิตการ์ตูนเรื่องจิตวิญญาณสือจี่นี้ขึ้นมา ทว่าเรื่องนี้ก็เปลี่ยนภาพจำของแฟนคลับของอิ่งจือ ความคิดก่อนหน้านี้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
การตอบสนองเช่นนี้นับว่าตรงไปตรงมา
ถึงขั้นที่มีบางคนวิเคราะห์ไว้ในช่องแสดงความคิดเห็น ‘เห็นหลายคนพูดว่าจิตวิญญาณสือจี่ดุเดือดมาก อันที่จริงถ้าหากทุกคนพิจารณาให้ดีจะพบว่านี่ก็คือการ์ตูนแนวแอคชันซึ่งทุกคนชื่นชอบ ในคราบของการ์ตูนแนวอาหาร และยังเป็นการ์ตูนประเภทที่ตัวเอกมีฝีมือสูงส่งในสักด้านหนึ่ง มองจากพล็อตเรื่องในตอนนี้สามารถบอกได้เลยว่าพ่อของตัวเอกเป็นพ่อครัวใหญ่ระดับปรมาจารย์ที่เปิดร้านอาหารเล็กๆ เพื่อปิดบังตัวตน แต่ตัวเอกกลับไม่รู้ถึงความเก่งกาจของพ่อ เขาเรียนรู้จากพ่อมาโดยตลอด ปกติแล้วก็ยังแข่งทำอาหารกับพ่อที่มีฝีมือระดับเทพอยู่บ่อยครั้ง ถ้ายังไม่เข้าใจ คุณก็ลองเปลี่ยนจากอาหารเป็นโลกที่ทุกสรรพสิ่งตัดสินด้วยพลังอย่างในการ์ตูนก็น่าจะเข้าใจแล้ว ตัวเอกปรากฏตัวขึ้นก็มีพลังเท่ากับยอดฝีมือระดับสูง จุดอ่อนของเขาก็คือเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างพ่อของเขา แต่ถ้าประชันฝีมือกับพ่อครัวคนอื่นแล้ว ตัวเอกถือว่าเหนือกว่ามากแล้ว!’
การวิเคราะห์นี้กล่าวได้ถูกต้อง
เรื่องจิตวิญญาณสือจี่นั้นเป็นการ์ตูนแนวอาหารซึ่งมีกลยุทธ์การตลาดสูงมาก นอกจากนั้นก็ยังมีเอกลักษณ์ของความเป็นการ์ตูนออนไลน์บนโลก เรื่องราวถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อความสำราญใจเป็นหลัก มิหนำซ้ำฝีมือการทำอาหารของตัวเอกแทบเข้าใกล้ระดับไร้เทียมทานแล้ว เป็นพ่อครัวหน้าใหม่ซึ่งเปี่ยมพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งในวงการอาหาร ส่วนปฏิกิริยาของลูกค้าหลังจากที่กินอาหาร ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องชวนตะลึงของการ์ตูนเท่านั้นเอง ผลงานซึ่งอ่านเพื่อความเพลิดเพลิน คำว่า ‘ชวนตะลึง’ นั้นเป็นธีมสำคัญซึ่งประสบความสำเร็จตลอดกาล และนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญซึ่งทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดด้วย
ความแตกต่างเพียงจุดเดียวอยู่ที่
การ์ตูนแนวแอคชันเลือดสาดแสดงความแข็งแกร่งของตัวเอกผ่านการต่อสู้ จนทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกสนานสะใจ ส่วนเรื่องจิตวิญญาณสือจี่กลับให้ตัวเอกเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการทำอาหาร คู่ต่อสู้ของเขาอาจเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่แข็งแกร่ง หรือไม่ก็เป็นนักกินที่จู้จี้จุกจิก ทว่าความตื่นเต้นสะใจจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยอาหารนั้นยังเหมือนเดิม แถมยังทวีคูณความตื่นเต้นขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็นคนที่กินเข้าไปแล้วเสื้อผ้าระเบิด นับประสาอะไรกับอาหารที่มีพิษโดยธรรมชาติ
…………………………………….