‘ไม่ต้องห่วงนะครับ กรรมการผู้จัดการบอกว่าจะจัดการให้เองครับ’
พูดจบ อีอูยอนก็ส่งข้อความหากรรมการผู้จัดการคิมทันที
[ถ้าไม่ฟังที่ผมขอร้อง ผมจะจุดไฟเผาตึกบริษัทครับ]
เหมือนว่าจะยังไม่พอ เขาจึงพิมพ์ต่อไปอีกประโยค
[แล้วก็บ้านของกรรมการผู้จัดการด้วย]
อีอูยอนแคปเจอร์ตั๋วเครื่องบินส่งไปให้ เพราะต้องนัดให้ตรงกับเวลาที่กลับถึงประเทศ เขาจึงรับผิดชอบให้ส่วนนี้
ผ่านไปไม่นานข้อความที่มีทั้งคำด่ากับเวลานัดของโรงพยาบาลก็ถูกส่งมาหา เขาไปโรงพยาบาลทันทีที่กลับมาถึงเกาหลี อีอูยอนพูดคุยกับอินซอบไปเรื่อยในระหว่างที่ตรวจและรอผล
เขาคุยเรื่องภาพยนตร์ เรื่องหนังสือที่อ่านด้วยกัน และล้อเล่นเรื่องไร้สาระ
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าอีอูยอนเป็นกังวลมาก แต่อีกฝ่ายไม่แสดงความกังวลนั้นออกมา เพราะมัวแต่ช่วยให้ความกังวลของตนลดน้อยลง
เขารู้สึกผิดมาก ถ้าเขาแข็งแรงเหมือนคนปกติ…
ในตอนที่ได้เวลาตรวจรักษาโรคและลุกขึ้น อีอูยอนก็รีบยืนติดด้านหลังของอินซอบ
‘ไปด้วยกันครับ’
อินซอบพยักหน้า หมอที่รักษาให้เป็นประจำนั่งอยู่ในห้อง อินซอบนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ที่วางอยู่หน้าโต๊ะและก้มหน้าราวกับเป็นนักโทษ แม้จะรู้ว่าการเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็มีวันที่เขารู้สึกเหมือนเป็นความผิดของตัวเองอยู่บ้าง
เหมือนกับวันนี้
อินซอบที่อยู่ต่อหน้าหมอมือเท้าเย็นด้วยความเป็นห่วงอีอูยอน แต่คำที่ออกมาจากปากของหมอกลับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
“ถ้าดูแลตัวเองขนาดนี้ก็เพียงพอแล้วครับ แม้จะเป็นหมอมานานแล้ว แต่ก็เพิ่งจะเคยเจอคนที่ดูแลตัวเองดีอย่างคนไข้เป็นครั้งแรกเลยครับ”
“เอ่อ…คือ…ตอนนั้น ตอนที่มาเมื่อสองสามวันก่อน หมออีกท่าน…”
อินซอบพูดตะกุกตะกักพลางสังเกตอีอูยอน
“หมออีกคน? อ๋อ ผมออกไปทำงานข้างนอกเพราะมีสัมมนาอย่างกะทันหันเลยรบกวนหมอปาร์คไว้ก่อนไปน่ะ หมอปาร์คเขาทำไมเหรอครับ”
“คุณหมอเขาบอกว่าตัวเลข…เอ่อ…ตัวเลขของการอักเสบไม่ดีมากๆ…และบอกว่าอันตราย”
เขาไม่กล้าพูดคำว่าอาจจะตายได้ออกมา
“หืม? หมอปาร์คพูดแบบนั้นเหรอ?”
อินซอบตอบว่า “ครับ”
“ตัวเลขสามารถต่างกันขนาดนั้นภายในระยะเวลาไม่กี่วันได้เหรอครับ”
อีอูยอนที่ยืนเงียบๆ จนถึงตอนนั้นเอ่ยปากพูด
“ไม่ครับ แม้จะอาจจะต่างกันอยู่ประมาณหนึ่งได้ แต่ถ้าต่างกันขนาดนั้นร่างกายจะต้องแสดงปฏิกิริยาออกมาแล้วครับ มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมครับ”
อินซอบรีบส่ายหน้า หมอดูประวัติการรักษาก่อนจะขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนจะสลับชาร์ตกับคนไข้คนนี้นะ”
“ครับ?”
“วันนั้นคนไข้อีกคนที่นัดไว้ก่อนหน้าคนไข้มาตรวจร่างกายแล้วไม่ได้เข้ามารับการรักษาโรคน่ะครับ เราโทรศัพท์ไปเพราะเรื่องยาที่จะจ่ายให้ ปรากฏว่าเขาเล่นเกมอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตในเวลาที่รอน่ะ เฮ้อ ถ้าดูแลตัวเองได้ดีอย่างคนไข้ทุกคนก็คงจะดีนะครับ”
หมอยิ้มอย่างขมขื่น เพราะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหลายรอบ และพูดต่อ
“ดูเหมือนหมอปาร์คจะสับสนเพราะอายุใกล้เคียงกันน่ะ”
“อ๋อ สับสนสินะครับ”
เมื่อได้ยินเสียงที่ซ่อนไว้ด้วยความประทับใจ อินซอบจึงค่อยๆ หันไปมองข้างๆ
ราวกับว่าเขาอ่านตัวหนังสือที่ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนที่หน้าของอีอูยอนได้
ไอ้เหี้ยนี่
“หมอปาร์คน่ะดีทุกอย่างเลย ยกเว้นใจร้อนไปหน่อย เหอะๆ คนไข้คงจะกังวลมากเลย ขอโทษด้วยนะครับ”
หมอฉีกรอยยิ้มคนดีให้พลางขอโทษ
“มันก็เกิดขึ้นได้แหละครับ”
อีอูยอนยิ้มอย่างสวยงามพลางตอบกลับ แต่อินซอบรู้ดี ถึงความจริงที่ว่าใบหน้าที่กำลังยิ้มอยู่นั้นไม่ใช่การยิ้มที่แท้จริง
“ว่าแต่ชื่อและนามสกุลของหมอที่รักษาตอนนั้นคือปาร์ค…”
“งะ งั้นก็ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
อินซอบรีบเอ่ยตัดบทอีอูยอน รอยยิ้มที่อยู่ในตาของอีอูยอนชัดเจนขึ้น
“ครับ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลเลยครับ อย่างที่หมอเคยบอกไปแล้ว คุณสามารถอยู่อย่างแข็งแรงจนถึงอายุร้อยปีได้เลยครับ”
“ขะ ขอบคุณครับ งั้นผม…”
อินซอบรีบลุกขึ้นและกำลังจะเอ่ยลา อีอูยอนจับแขนของอินซอบไว้ให้นั่งลงตามเดิม
“ไม่มีเรื่องที่ต้องระวังอย่างอื่นเหรอครับ”
“ครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ ห้ามเครียด ห้ามดื่มเหล้ามากเกินไป ห้ามสูบบุหรี่ ออกกำลังกายให้พอดี พฤติกรรมการกินที่สุขภาพดี”
“อ๋อ ครับ…เข้าใจแล้วครับ”
อินซอบสังเกตอีอูยอนและกระสับกระส่าย
“ใช้ชีวิตแบบนั้นเหมือนคนปกติได้เลยครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“งั้นเจอกันตอนตรวจรักษาโรคคราวหน้านะครับ”
“ครับ!”
อินซอบลุกขึ้น เขากลัวว่าอีอูยอนจะถามชื่อของหมอคนนั้นจึงรีบลากอีกฝ่ายออกไปนอกห้องตรวจรักษา
“ฮ่าฮ่า”
หลังจากออกมานอกห้องตรวจ อีอูยอนก็หัวเราะสั้นๆ ขนของอินซอบลุกซู่ ความรู้สึกทั้งหมดของอีอูยอนปรากฏอยู่ในการหัวเราะสั้นๆ นั้น
ความหงุดหงิด ความเหลวไหล ความสิ้นหวัง ความไม่น่าเชื่อ…และความโมโห
“ขะ ขอโทษครับที่ผมไม่ได้ถามให้ดีและทำให้คุณเป็นห่วง…”
อินซอบรีบขอโทษอีอูยอน
“ทำไมคุณอินซอบต้องขอโทษด้วยล่ะครับ”
อีอูยอนปัดคำขอโทษของอินซอบทิ้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จากนั้นก็สวมหมวกให้ต่ำพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ไอ้หมอที่เดินไปไหนมาไหนโดยใช้สมองกับตาเป็นแค่เครื่องประดับต่างหากที่ต้องขอโทษ ว่าไหมครับ”
“เอ่อ…นั่นเพราะคุณหมอเองก็สับสน…”
“แต่หมอเองก็เป็นคนเหมือนกัน เขาก็สามารถทำผิดได้ครับ”
อินซอบโล่งใจ เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี อีอูยอนเองก็คงจะ…
“แต่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ สำหรับหมอที่เดินไปไหนมาไหนโดยใช้สมองกับตาเป็นแค่เครื่องประดับ จะดีกว่าไหมครับถ้าเอาสมองกับตานั่นออกมาซะ”
“…”
ใบหน้าของอินซอบซีดเผือด อีอูยอนพูดว่า “พูดเล่นครับ” และยิ้ม
…คุณไม่ได้พูดเล่นเลยครับ
อินซอบกลืนคำพูดที่ไม่กล้าพูดลงไป และจับชายเสื้อของอีอูยอนไว้
“รีบไปกันเถอะครับ”
เขาต้องพาอีอูยอนออกไปจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”
คำพูดของอีอูยอนทำให้อินซอบตะโกนว่า “ไปด้วยครับ!”
“อะไรนะ?”
อีอูยอนถามซ้ำ
อินซอบหลีกเลี่ยงการไปห้องน้ำกับอีอูยอน เพราะอีอูยอนมักจะพูดเรื่องลามกในตอนที่อินซอบรูดซิปลง แต่ความอายไม่สำคัญเท่ากับการกลัวว่าจะถูกใครจับได้ อินซอบจึงไม่เข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับอีอูยอน
“บอกว่าจะไปด้วยกันเหรอ?”
เขารู้สึกเหมือนตาที่ถูกซ่อนไว้ใต้หมวกของอีกฝ่ายกำลังยิ้ม
“คะ คือผมจะรออยู่ข้างหน้าครับ”
อินซอบหลบสายตาพลางเอ่ยตอบ อีอูยอนตอบว่า “เชิญครับ” ก่อนจะเดินนำไป อินซอบจึงรีบเดินตามหลังอีกฝ่าย
อินซอบส่งข้อความหากรรมการผู้จัดการคิมในระหว่างที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำว่าขอบคุณที่เป็นห่วงและผลตรวจออกมาปกติดี
ผ่านไปไม่นานก็มีข้อความมาจากกรรมการผู้จัดการคิม
[อ๋อ โอเค ฉันก็เป็นห่วง แต่โล่งอกไปทีนะ]
ในขณะที่อ่านข้อความอยู่นั้น หน้าต่างข้อความอันใหม่ก็เด้งขึ้นมา
[ทำให้อูยอนสูบบุหรี่ไม่ได้ที]
[ฉันหมายถึงช่วยทำให้เขาเข้าใกล้ไฟแช็กไม่ได้หน่อย]
เขาพูดแบบนั้นเพราะเป็นห่วงสุขภาพของอีอูยอนเหรอ
อินซอบส่งคำตอบว่า “ได้ครับ” ไป อีอูยอนเช็ดหยดน้ำที่มือออกพลางเดินออกมา
“เฝ้าผมอยู่เหรอครับ”
“…ผมกำลังรออยู่ครับ”
อีอูยอนขยำทิชชูและโยนทิ้งถังขยะ จากนั้นก็ฉีกยิ้มที่งดงามอย่างมากให้
“อย่าบอกนะครับว่าคุณกลัวว่าผมจะตามหาไอ้หมอคนนั้นแล้วใช้ก้อนอิฐทุบหัว จากนั้นก็ลากไปที่เนินเขา หักกระดูกหน้าแข้ง ตัดนิ้วมือทิ้ง และฝังไว้”
“…”
การพูดถึงสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมจนน่าขนลุกทำให้อินซอบไม่สามารถตอบอะไรได้
“ผมไม่ทำแบบนั้นแล้วครับ ตอนนี้น่ะ”
“…”
งั้นคุณทำเรื่องแบบนั้นจนถึงตอนไหนเหรอครับ
อินซอบมองไหล่กว้างของอีอูยอนที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยแววตาที่เศร้าเล็กน้อย อีอูยอนร้องโอ๊ะก่อนจะหันหน้ากลับมา
“ผมลองคิดดูแล้ว”
“…ครับ”
ถึงคราวที่เราจะโดนต่อว่าแล้ว
“ต่อไปคุณต้องไปตรวจสุขภาพกับผมอย่างไม่มีข้อแม้นะครับ”
“…ครับ”
เขาเตรียมพร้อมและคาดไว้แล้วว่าต้องเป็นประมาณนี้
“เรื่องโรงพยาบาล ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร คุณจะต้องไปกับผมครับ ต่อให้คุณจะอยากกินกาแฟจากตู้กดสินค้าอัตโนมัติในโรงพยาบาล คุณก็ต้องเรียกผม”
“…ครับ”
แม้จะไม่มีเรื่องแบบนั้น แต่อินซอบก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย
“และนอกเหนือจากการเจอกับครอบครัว คุณห้ามอยู่ห่างจากผมเกิน 24 ชั่วโมง”
“ครับ…ครับ?”
อินซอบที่เผลอพยักหน้าทำตาโตและถามซ้ำ
“ถ้าคุณอินซอบป่วยและมีเรื่องให้ต้องไปโรงพยาบาลตอนที่ผมไม่อยู่ จะทำยังไงล่ะครับ”
“…แต่เมื่อกี้หมอบอกว่าตัวเลขดี…”
“อาจจะไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ได้นี่ครับ”
อีอูยอนทำหน้าตาจริงจังและพูดต่อ
“เพราะฉะนั้นเราห้ามอยู่ห่างกันเกิน 24 ชั่วโมงครับ”
“…อ่า เอ่อ…”
เขาไม่สามารถตอบว่า “ได้ครับ” อย่างไม่ไตร่ตรองได้ คุณสมบัติพิเศษในอาชีพของอีอูยอนคือการถ่ายทำทั้งวันทั้งคืน ถ้าเขาไปต่างจังหวัดเพื่อถ่ายทำก็จะไม่อยู่บ้านหลายวัน
อินซอบครุ่นคิดไปพักหนึ่งและเริ่มเอ่ยปากพูดว่า “งั้น”
“จะให้ผมทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอนอีกครั้งเหรอครับ”
อีอูยอนที่เดินอยู่ข้างๆ หยุดเดินอย่างกะทันหัน เขามองอินซอบอยู่พักใหญ่และหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
“ฮ่าๆๆ”
เป็นเสียงหัวเราะที่มีเอกลักษณ์ราวกับผสมนมลงในช็อกโกแลตที่เข้มข้น ต่อให้จะสวมหมวกลงมาต่ำเพื่อปกปิดใบหน้า แต่อีอูยอนก็ยังเป็นอีอูยอน คนเหลือบมองมาทางนี้และจ้องมอง อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
“ฮ่าๆๆ จะบ้าตาย”
อีอูยอนทำสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหยอกล้อและพูดต่อ
“ทำไมถึงยังดูน่ารักขนาดนี้แม้จะพูดเรื่องไร้สาระล่ะ แม่ง ผมไม่ควรไปหาหมอแผนกจิตเวช แต่ควรไปหาหมอแผนกตามากกว่าสินะครับ”
“…คุณอูยอน”
“ไม่ต้องห่วงครับ เพราะผมไม่คิดที่จะให้คุณอินซอบเป็นผู้จัดการส่วนตัวอยู่แล้ว เรื่องงานผมจะปรับเอง”
“…”
นั่นน่าจะไม่ใช่การปรับ
เนื่องจากมีประสบการณ์ที่เคยทำงานในกองถ่ายมาแล้ว อินซอบจึงไม่สามารถยอมรับคำพูดของอีอูยอนได้ในทันที
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอครับ”
“ไม่ครับ ผมไม่ได้ไม่ชอบ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นเด็ดขาดเลยครับ”
อินซอบรีบส่ายหน้า เขาเพียงแค่รู้สึกผิดและสงสารที่อีอูยอนต้องมาใช้ชีวิตที่ผูกมัดเพราะปัญหาสุขภาพของตน
“คุณอีอูยอนต้องมายุ่งยากเพราะผม และถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็จะไม่มีชีวิตส่วนตัว…”
ความสนใจปรากฏในดวงตาของอีอูยอน เขาพยักพเยิดคางสั้นๆ ราวกับจะบอกว่าไหนลองพูดอีกสิ
“…ถ้าอยู่ด้วยกันตลอด…คุณจะเหนื่อยนะครับ”
อีอูยอนจ้องอินซอบนิ่งๆ
เหลือเชื่อจริงๆ อีกฝ่ายเชื่อว่าเขาจะเหนื่อยจริงๆ เหรอ แม้จะอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วก็ยังรู้สึกว่าอยากจะกอดคนแบบนี้ไว้เหรอเนี่ย…แม่งเอ๊ย ไอ้คนที่สวยฉิบหายเอ๊ย
“ก็ไม่รู้สิครับ”
อีอูยอนยิ้ม ใจจริงเขาคิดที่จะบอกว่าไม่ใช่แค่ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่อยากจะสร้างบ้านในชนบทของอเมริกาที่เงียบสงบและมองไม่เห็นบ้านหลังอื่นเลยสักหลังต่อให้ขับรถไปหลายชั่วโมง และเพลิดเพลินกับการถูกกักขังโดยแสร้งทำเป็นการใช้ชีวิตชนบท แต่แล้วก็ยกเลิกไป
“ผมไม่เหนื่อยเลยสักนิด”
อีอูยอนพยายามแกล้งทำเป็นไม่รู้ถึงอินซอบที่ตัดสินใจได้ลำบาก และพูดต่อโดยแกล้งทำตัวน่าสงสารที่สุด
“คุณอินซอบคงจะลำบากสินะ”
“ไม่ครับ ไม่ลำบากเลยครับ ไม่ลำบากเลยสักนิดเดียวครับ”
“งั้นคุณเห็นด้วยใช่ไหมครับ”
“คือ…”
ถ้าพวกเขาสัญญากันครั้งหนึ่งก็ไม่ง่ายที่จะผิดสัญญานั้น แน่นอนว่าคนที่ตั้งใจรักษาสัญญามีแค่อินซอบคนเดียว พออินซอบคร่ำครวญและไม่ตอบออกมาทันที อีอูยอนพูดว่า “ว่าแต่ว่า” และเปลี่ยนประเด็น
“ทำไมคุณปาร์คจงซอกถึงเป็นแบบนั้นนะ”
“คุณปาร์คจงซอกคือใครเหรอครับ”
ตาของอินซอบเบิกกว้างเต็มที่
“คุณหมอปาร์คจงซอกไงครับ คนที่ตรวจรักษาคุณอินซอบก่อนหน้านี้”
“…คุณรู้ได้ยังไง…”
“เมื่อกี้ผมดูรายชื่อทีมแพทย์ของโรงพยาบาลนี้มานิดหน่อยน่ะครับ คนที่นามสกุลปาร์คมีแค่สองคนเท่านั้น และคนที่มีอายุมากพอที่จะมาแทนหมอคนที่ออกไปทำงานข้างนอกได้ก็มีแค่คนเดียว”
“…”
นี่เป็นเวลาที่เขารู้สึกกลัวอีอูยอนที่ค้นหาจนถึงตรงนั้นและได้ข้อสรุปในระยะเวลาสั้นๆ ที่เข้าไปในห้องน้ำอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน