ตอนที่ 354 ขอความช่วยเหลือจากผอ.เขต
หลังกินอาหารมื้อเช้าเสร็จ หลินม่ายออกไปส่งโต้วโต้วที่บ้านของป้าติงก่อน จากนั้นก็แวะไปดูโรงงานตามที่อยู่ที่ฟางจั๋วหรานทิ้งไว้ให้
ถึงอาคารโรงงานออกจะใหญ่โตไปสักหน่อย แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากโรงงานตัดเสื้อ สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ยังเป็นอาคารที่เพิ่งสร้าง มีห้องเพียงพอ พื้นที่โล่งด้านในก็กว้างพอที่จะปรับปรุงให้กลายเป็นสนามเด็กเล่นได้ เหมาะกับการทำเป็นโรงเรียนอนุบาล
อีกทั้งยังแบ่งพื้นที่ได้เป็นสองส่วน อีกส่วนหนึ่งจะแยกออกไปเพื่อทำเป็นโรงงานผลิตเครื่องประดับศีรษะขนาดย่อม ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินไปได้มาก
หลินม่ายต่อรองกับผู้จัดการโรงงานเพื่อขอซื้อโรงงานภายในเช้าวันเดียวกันนั้นเลย
หลังจากนั้นก็แวะไปที่ไซต์งานก่อสร้างของโรงพยาบาลผู่จี้เพื่อตามหานายช่างจาง แล้วพาเข้าไปยังอาคารโรงงานที่เพิ่งซื้อมา
หลังบอกเขาว่าต้องการปรับปรุงตัวอาคารโรงงานแห่งนี้อย่างไรบ้าง เธอก็ถามว่าเขาสามารถหาคนมาปรับปรุงได้เร็วที่สุดเมื่อใด
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” นายช่างจางกวาดสายตาขึ้นลงเพื่อสำรวจอาคารโรงงานตรงหน้า “โครงการก่อสร้างของมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้จวนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเก็บรายละเอียดงานอีกนิดหน่อย หัวหน้าคนงานเตรียมเลิกจ้างคนงานพอดี ช่วงนี้ผมอาจจะพาลูกน้องสองสามคนมาที่นี่ แล้วเริ่มทำงานตอนบ่ายนี้ได้เลย”
หลินม่ายยกหน้าที่ปรับปรุงอาคารทั้งหมดให้เขา ต่อรองราคาตามระเบียบ ก่อนจะเซ็นสัญญาแล้วตรงกลับบ้าน
ตอนเที่ยง เมื่อฟางจั๋วหรานแวะมากินข้าวกลางวันที่บ้านของหลินม่าย หลินม่ายบอกเขาว่าเธอติดต่อซื้ออาคารโรงงานแล้วเรียบร้อย
ฟางจั๋วหรานถึงกับชะงัก “คุณนี่ตัดสินใจเร็วดีจริง ๆ”
หลินม่ายยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “แน่อยู่แล้ว”
หลังจากตักข้าวเข้าปากไปสองคำ เธอก็พูดต่อ “ฉันว่าจะเปิดรับสมัครผู้พิการที่พอมีทักษะสักสิบคนให้ทำงานที่โรงงานผลิตเครื่องประดับศีรษะ คุณคิดว่าไงคะ?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าทันที “เป็นความคิดที่ดี”
ผู้พิการหางานทำได้ยากกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า แม้กระทั่งโรงงานที่ดำเนินกิจการโดยรัฐยังไม่ว่าจ้างผู้พิการเข้าทำงานเลย นับประสาอะไรกับหน่วยงานเอกชน
แฟนสาวของเขามีทัศนคติที่ดี ดังนั้นเขาควรให้การสนับสนุน
หลังมื้ออาหารกลางวัน หลินม่ายเขียนประกาศรับสมัครงานเสร็จก็เข้าห้องไปงีบหลับ
หลังจากงีบไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เธอก็ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือเรียนชั้นมัธยมปีที่สี่
หรือพูดให้ถูก ก็คือทบทวนความรู้เก่าสมัยมัธยมปีที่สี่
ตอนที่ไปส่งโต้วโต้วที่บ้านของป้าติงในช่วงเที่ยง หลินม่ายบอกข่าวกับหล่อนสองสามคำว่าตัวเองกำลังจะเปิดโรงเรียนอนุบาลในเร็ว ๆ นี้
พอโรงเรียนอนุบาลสร้างเสร็จเมื่อไหร่ เธอจะส่งโต้วโต้วไปเข้าเรียนที่นั่น
ป้าติงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
หลินม่ายจ่ายค่าฝากเลี้ยงให้หล่อนด้วยเงินที่สูงพอตัว สามารถใช้จุนเจือครอบครัวที่ยากจนของตัวเองได้
ถ้าเธอไม่พาโต้วโต้วมาฝากเลี้ยงอีก ครอบครัวของหล่อนคงสูญเสียรายรับไปอย่างมหาศาล
แต่ถ้าหลินม่ายอยากส่งโต้วโต้วเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลจริง หล่อนก็ไม่สามารถขัดขวางความตั้งใจของอีกฝ่ายได้
หลินม่ายสังเกตเห็นสีหน้าเศร้าหมองของป้าติงจึงพูดต่อ “วันพรุ่งนี้ฉันจะรับสมัครคนเข้าทำงานที่โรงงานแห่งใหม่ คุณสามารถไปสมัครเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในโรงเรียนอนุบาลหรือเป็นแม่บ้านในโรงอาหารก็ได้นะคะ”
ได้ยินแบบนี้ป้าติงถึงยิ้มออก ถามว่าวันพรุ่งเธอจะเริ่มเปิดรับสมัครกี่โมง จะได้ออกไปสมัครงานตั้งแต่เช้า
หลังออกมาจากบ้านของป้าติง หลินม่ายยังไม่ทันเดินไปถึงหน้าโรงงานใหม่ เธอเห็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายหลายคนที่สวมปลอกแขนอันเป็นสัญลักษณ์ของทีมบังคับใช้กฎหมาย กำลังโต้เถียงอยู่กับนายช่างจางและช่างก่อสร้างหลายคน
ถึงทั้งสองฝ่ายจะไม่ถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้ง แต่น้ำเสียงในการเจรจาก็ค่อนข้างดุเดือด
เธอรีบตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว
นายช่างจางเห็นว่าเธอมาแล้ว จึงชี้ไปทางเจ้าหน้าที่ทีมบังคับใช้กฎหมายพร้อมบ่นกับเธอว่า “สหายเหล่านี้ไม่ยอมให้เราทำประตูโรงงานหันออกไปทางถนน”
สำหรับหลินม่าย ตอนแรกเธอตั้งใจเปิดโรงงานขนาดย่อมเพื่อผลิตเครื่องประดับศีรษะแค่อย่างเดียว ไม่ได้วางแผนว่าจะเปิดเป็นร้านขายของไปในตัวแต่อย่างใด
บังเอิญว่าอาคารโรงงานที่เพิ่งซื้อมาดันหันหน้าเข้าหาถนน
เธอแค่อยากเปลี่ยนตำแหน่งของประตูโรงงานทั้งสองอาคาร จากที่เคยหันหน้าเข้าหากันเอง เปลี่ยนเป็นหันหน้าออกมาทางถนนแทน
ด้วยวิธีนี้ตัวอาคารที่ปรับปรุงเป็นโรงงานผลิตเครื่องประดับศีรษะ ก็จะแยกตัวออกมาจากโรงเรียนอนุบาลอย่างสมบูรณ์
ไม่คาดคิดว่าทีมบังคับใช้กฎหมายจะไม่อนุญาต
หลินม่ายถามเจ้าหน้าที่ทีมบังคับใช้กฎหมาย “ทำไมถึงไม่อนุญาตล่ะคะ? ฉันแค่อยากเปลี่ยนทิศทางของประตูโรงงานเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกของสาธารณะเสียหายซะหน่อย”
ทว่าเหตุผลของเจ้าหน้าที่ทีมบังคับใช้กฎหมายก็มีเหตุผล “ถึงคุณจะไม่ได้ทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกของสาธารณะเสียหาย แต่มีกฎข้อบังคับกำหนดไว้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดปรับเปลี่ยนบ้านหรือโรงงานให้กลายเป็นร้านค้า พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอีกทีหนึ่ง”
ในเมื่อทุกอย่างเกี่ยวพันกับข้อบังคับข้างต้น เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น
หลินม่ายหันไปพูดกับนายช่างจาง “คุณพาช่างก่อสร้างเหล่านี้เข้าไปปรับปรุงอาคารที่จะทำเป็นโรงเรียนอนุบาลก่อนเถอะค่ะ ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
นายช่างจางจึงเดินนำช่างก่อสร้างหลายคนเข้าไปทำงานในตัวอาคาร
หลินม่ายติดประกาศรับสมัครไว้ที่หน้าประตูอาคารโรงงาน
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเห็นแบบนั้นแล้วต่างก็มารวมตัวกัน จากนั้นก็รู้สึกไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นว่าหลินม่ายต้องการรับสมัครผู้พิการด้วย
ใครคนหนึ่งถามเธอว่าจริงหรือเปล่า
หลินม่ายตอบกลับยิ้ม ๆ “ฉันใช้กระดาษสีแดงเขียนด้วยหมึกดำขนาดนี้แล้ว จะไม่ใช่เรื่องจริงได้ยังไงคะ?”
เธอไม่มีเวลาตอบคำถามของผู้คนรายที่หนึ่ง สองและสาม หลังจากติดประกาศรับสมัครเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปที่สำนักงานเขต
เธอต้องการขอให้ผอ.โอวหยางช่วยออกหน้า ช่วยอำนวยความสะดวกให้เธอสามารถทำประตูโรงงานที่หันหน้าเข้าหาถนนได้
ทีมบังคับใช้กฎหมายไม่อนุญาตให้เธอเปลี่ยนโรงงานเป็นร้านค้า บางทีผอ.โอวหยางอาจช่วยละเว้นระเบียบข้อบังคับได้
สิทธิ์ในการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่แต่ละระดับแตกต่างกัน บางทีเธออาจต้องลองดู
ผอ.เขตโอวหยางยินดีมากที่ได้พบหลินม่าย
กิจการตลาดสดฝูตัวตัวที่อยู่ในความดูแลของหลินม่ายกำลังไปได้สวย ผลผลิตทางการเกษตรรวมถึงวัตถุดิบของสดอื่น ๆ มีหลากหลายประเภทมากว่าตลาดสดที่ดำเนินการโดยรัฐ
อีกทั้งยังไม่มีการซื้อขายด้วยคูปอง ทำให้ได้รับการตอบรับจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นอย่างดีในแต่ละวัน
ยิ่งกิจการของตลาดสดราบรื่นดี เงินภาษีที่ต้องจ่ายก็ยิ่งสูง
นี่ถือเป็นความสำเร็จของผอ.เขตโอวหยาง และแน่นอนว่าผู้ที่ปูทางให้เขาประสบความสำเร็จก็คือหลินม่าย
เขารีบเชื้อเชิญให้หลินม่ายนั่งลงราวกับเห็นเธอเป็นดาวนำโชค จากนั้นก็ลงมือชงชาให้เธอด้วยตัวเอง
ถึงแม้ภายในใจของหลินม่ายสงบราบเรียบ แต่เธอก็แสร้งทำเป็นประจบประแจงเขาแต่เพียงพื้นผิว
นั่นเป็นเพราะผอ.เขตชื่นชอบ ไพล่คิดไปว่าเธอทำกิริยาแบบนี้เพราะต้องการแสดงความเคารพต่อเขา
หลินม่ายรับถ้วยชาร้อน ๆ จากมือผอ.เขตโอวหยาง แสดงสีหน้ากังวลใจ
ผอ.เขตโอวหยางหัวเราะเสียงดัง “คุณอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนผมถึงที่ อย่ามัวกล้ำกลืนคำพูดอยู่เลย”
จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปทางเธอ พลางทำสีหน้าเรียบเฉย “คุณเปิดโรงงานตัดเสื้อ ทำไมถึงไม่เชิญผมไปตัดริบบิ้น?”
หลินม่ายรีบแก้ต่าง “ฉันไม่ทันได้จัดพิธีเปิดน่ะค่ะ”
ผอ.เขตโอวหยางนั่งลงตรงข้ามเธอ “ถ้าไม่มีพิธีเปิดอย่างนั้นก็แล้วไป ผมจะละเว้นให้คุณครั้งหนึ่งก็ได้ แต่ถ้ามีโอกาสอื่นอีกอย่าลืมนึกถึงผมก็แล้วกัน”
หลินม่ายพยักหน้าพร้อมโค้งคำนับ “ได้ยังไงกัน? ฉันต้องเชิญท่านผอ.เขตอยู่แล้วค่ะ”
“ผมสนับสนุนกิจการของคุณร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณจะไม่เชิญผมได้ยังไงจริงไหม?”
ว่าแล้วผอ.เขตโอวหยางก็หัวเราะอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “บอกมาซิ วันนี้คุณต้องการอะไรจากผม?”
หลินม่ายอธิบายจุดประสงค์ที่มาพบเขาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นว่าผอ.เขตโอวหยางเงียบไป เธอรู้ว่าเขาลำบากใจเล็กน้อย จึงเสริมยาแรงให้กับเขา
“ที่ฉันอยากเปิดโรงงานผลิตเครื่องประดับศีรษะขนาดย่อม เหตุผลหลักก็เพื่อช่วยเหลือผู้พิการอย่างเต็มที่ พยายามสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับพวกเขา จุดประสงค์ของการปรับเปลี่ยนโรงงานให้เป็นร้านค้า ก็เพื่อเพิ่มช่องทางในการขายสินค้าให้มากขึ้น สร้างรายได้ให้กับผู้พิการอีกทางหนึ่งค่ะ”
ดวงตาของผอ.เขตโอวหยางเป็นประกาย “คุณจะรับสมัครผู้พิการเข้าทำงานงั้นเหรอ?”
“ค่ะ” หลินม่ายพยักหน้า “เครื่องประดับศีรษะเป็นงานที่ใช้แค่มือทำ ตราบใดที่มีทักษะมากพอก็ทำงานนี้ได้ ต่อให้ขาพิการก็สามารถทำได้เหมือนกัน”
ผอ.เขตโอวหยางตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ได้ ผมจะทำเรื่องอุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชา รอดูว่าเขาจะอนุญาตให้มีการผ่อนปรนแค่ไหน ยอมให้คุณเปลี่ยนอาคารโรงงานเป็นร้านค้าหรือเปล่า อีกสักสองวันคุณค่อยมาฟังผล”
หลินม่ายไม่รอช้ารีบสรรหาถ้อยคำมาเยินยอเขาทันที ทำให้ผอ.เขตโอวหยางชื่นใจจนตัวลอย จากนั้นก็ขอตัวกลับ
ขณะที่เดินผ่านสำนักงานของส่วนงานพัฒนาเมือง หลินม่ายแอบเห็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปีมีพุงใหญ่ คาดเดาว่าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง กำลังยัดบางอย่างใส่มือของผู้อำนวยการสำนักงาน
ชายอ้วนวัยกลางคนยิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย พยักหน้าพลางพูดว่า “ผู้อำนวยการหลิว มอบหมายโครงการนี้ให้ผมเถอะ รับรองได้ว่าคุณไม่เสียผลประโยชน์ใด ๆ แน่”
หัวใจหลินม่ายกระตุกขึ้นมาทันที โครงการพัฒนาเมืองของรัฐบาลเหรอ?
นี่มันโครงการทำเงินชัด ๆ!
จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ถ้าเธอสามารถคว้าโครงการพัฒนาเมืองนี้ไว้ได้ นั่นหมายความว่าเธอสามารถจัดหางานให้กับบรรดาลูกน้องของเฉินเฟิงได้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ?
แต่เธอไม่มีสายสัมพันธ์คุ้นเคยกับผู้อำนวยการหลิวเลย แล้วจะความคิดนี้จะก้าวหน้าได้อย่างไร?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ร้ายกาจจจ คิดจะยัดเงินให้ผู้อำนวยการหลิวด้วยเหรอ
ไหหม่า(海馬)