ตอนที่ 356 ศาสตราจารย์ฟางเลือดกำเดาไหล
หลินม่ายไปรับโต้วโต้วมาจากบ้านป้าติง จากนั้นก็จัดการซักชุดกระโปรงสายเดี่ยวทุกตัวที่เถาจืออวิ๋นตัดให้ ก่อนจะอาบน้ำแล้วสวมใส่มันทันทีที่ผ้าแห้ง
เมื่อได้สวมใส่เสื้อผ้าบางเบาก็รู้สึกเย็น พอรวบผมขึ้นเป็นมวยก็ยิ่งรู้สึกเย็นสบายขึ้นไปอีก
ขณะที่เธอกำลังหยิบวัตถุดิบออกมาจากตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหาร ก็มีคนมาเคาะประตูบ้านเธอ
ตามด้วยน้ำเสียงร่าเริงไร้เดียงสาของเสี่ยวหม่าน “ม่ายจื่อ มีคุณลุงกับคุณป้ามาตามหาเธอ ฉันก็เลยพาพวกเขามาที่นี่”
หลินม่ายกำลังจะไปเปิดประตู แต่พอได้ยินแบบนั้นก็รีบหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง คว้าเสื้อนอกมาใส่คลุมทับ
เธออาจแต่งตัวสบาย ๆ แบบนี้ให้เสี่ยวหม่านเห็นได้ แต่ไม่ใช่กับคนอื่น
เนื่องจากเสื้อผ้าที่สวมอยู่ดูเปรี้ยวจี๊ดเกินไป กลัวว่าคนนอกอาจมองไม่ดี จึงหลีกเลี่ยงคำนินทาที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
เมื่อสวมเสื้อเสร็จแล้ว ก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปเปิดประตูให้
ขณะที่วิ่งออกไป เธอก็คิดไปพลาง ๆ ว่าคุณลุงกับคุณป้าที่มาตามหาตัวเองเป็นใครกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่ใช่สองเฒ่าซุนกุ้ยเซียงกับสามีหล่อนแน่
ทันทีที่เปิดประตู แล้วเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หลังเสี่ยวหม่านคือพ่อแม่ของเถาจืออวิ๋น เธอก็ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
เธอไม่กลัวปัญหา แต่ขี้เกียจแก้ปัญหา
ถ้าซุนกุ้ยเซียงกับสามีหล่อนมาตามหาเธอถึงหน้าประตูจริง คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะไล่พวกเขากลับไปได้
หลินม่ายรีบเชิญพ่อเถาและแม่เถาเข้ามาในห้อง ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “คุณลุง คุณป้า มาหาฉันที่นี่มีอะไรหรือคะ?”
แม่เถาและพ่อเถาวางของขวัญในมือลงบนโต๊ะ
แม่เถาตอบกลับยิ้ม ๆ “เธอคอยช่วยเหลืออวิ๋นอวิ๋นนับครั้งไม่ถ้วน ฉันกับพ่อของหล่อนเลยแวะมาหาเธอถึงที่บ้านเพื่อขอบคุณน่ะจ้ะ”
หลินม่ายหยิบขวดน้ำอัดลมออกมาจากตู้เย็น งัดฝาออกแล้วส่งให้พ่อเถาและแม่เถาดื่มดับร้อน “คุณลุงคุณป้าสุภาพเกินไปแล้วค่ะ!”
ฉีฉีเติบโตขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพ่อกับแม่ จึงมีนิสัยเก็บตัวและขี้อายเป็นพิเศษ
เขาไม่เห็นหน้าหลินม่ายหลายวัน ความคุ้นเคยที่มีก็จางหายไปแล้ว จึงเอาแต่หลบอยู่ในอ้อมแขนของแม่เถาเพื่อไม่ให้ใครเห็น
จนกระทั่งโต้วโต้วดึงแขนเขาให้ออกไปวิ่งเล่นด้วยกัน เขาถึงได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
พ่อเถาและแม่เถาพูดคุยกับหลินม่ายอยู่อีกสักพักหนึ่งก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวจากไป
หลินม่ายเชื้อเชิญพวกเขา “คุณลุงคุณป้าอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิคะ ฝีมือการทำอาหารของฉันไม่เลวเลย”
แม่เถาตอบด้วยรอยยิ้ม “ไว้วันอื่นก็แล้วกัน พี่ชายสองคนของอวิ๋นอวิ๋นกับภรรยาของเขาจะพาลูก ๆ กลับมากินข้าวมื้อเย็นที่บ้าน ฉันกับคุณลุงต้องรีบกลับไปเตรียมอาหาร”
หลินม่ายรู้ว่าอีกฝ่ายแค่หยิบยกเหตุผลมาประกอบการปฏิเสธ ดังนั้นจึงไม่รบเร้าให้พวกเขาอยู่ต่อ
เธอลงไปส่งพ่อเถาแม่เถาและหลานชายถึงข้างล่าง ดูจนพวกเขาเดินจากไปไกลแล้ว ก็กลับขึ้นมาทำอาหารมื้อเย็น
ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้
ฟางจั๋วหรานเพิ่งผ่าศพเพื่อสอนนักศึกษาแพทย์ไปหมาด ๆ หลังจากล้างมือสะอาดแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องทำงาน
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งทักทายเขา “ศาสตราจารย์ฟาง ครอบครัวคุณเพิ่งโทรมาบอกว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพ่อคุณ เลยขอให้คุณกลับไปกินอาหารมื้อเย็นด้วยกัน”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้ารับเบา ๆ “เข้าใจแล้ว”
ตั้งแต่เขาเรียนมัธยมปลายก็มีอิสระในชีวิตมาโดยตลอด เขาไม่เคยกลับไปร่วมงานวันเกิดของใครในครอบครัวอีกเลย ยกเว้นวันเกิดของฟางจั๋วเยวี่ย
ฟางเว่ยกั๋วกับภรรยาของเขาเองก็รู้ว่าลูกชายคนโตมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อตัวเอง ดังนั้นจึงไม่เคยโทรหาเขาในวันเกิด เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างปัญหาเข้าตัว
แต่แล้วพวกเขากลับโทรมาสั่งให้เขากลับบ้านไปฉลองวันเกิดของฟางเว่ยกั๋ว เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีเจตนาดี
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดี เขาจึงตัดสินใจไม่ไป ซึ่งคำขอนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขา
ฟางจั๋วหรานทำงานต่อด้วยความสบายใจ
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน ฟางจั๋วหรานเก็บโต๊ะทำงาน ถอดเสื้อกาวน์ออก จากนั้นก็เดินออกไป
เพื่อนร่วมงานอีกคนรีบวิ่งตามเขาพร้อมกับตะโกนเรียก “ศาสตราจารย์ฟาง มีคนโทรหาคุณ”
ฟางจั๋วหรานจึงต้องวกกลับไปที่ห้องทำงานเพื่อรับโทรศัพท์
ฟางเว่ยกั๋วนั่นเองที่โทรมา ฟังจากน้ำเสียงแล้วเหมือนเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “จั๋วหราน พ่อโทรหาแกตอนที่แกมีสอน เลยฝากให้เพื่อนร่วมงานส่งต่อข้อความว่าหลังจากเลิกงาน ให้แกกลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน เพื่อนคนนั้นได้รับฝากข้อความมาบอกแกไหม?”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับเบา ๆ “ผมรู้แล้วครับ”
ฟางเว่ยกั๋วที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไป จากนั้นก็พูดต่อ “งั้นก็รีบมาเร็วเข้า ทุกคนกำลังรอแกอยู่”
น้ำเสียงของฟางจั๋วหรานเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ผมไม่ไป ไม่ต้องรอนะครับ”
ฟางเว่ยกั๋วขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “แต่วันนี้เป็นวันเกิดฉัน”
“แล้วยังไงครับ? ผมไม่ไปแล้วมันผิดกฎหมายข้อไหนรึเปล่า!”
ฟางเว่ยกั๋วรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีประโยชน์ที่จะหงายไพ่ครอบครัวกับลูกชายหัวรั้นที่มีนิสัยเย็นชาคนนี้
เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “คุณปู่ซูกับอิ๋งอิ๋งเองก็อยู่ที่นี่ พวกเขาต่างก็อยากเจอแกกันทั้งนั้น ถ้าแกไม่ยอมมาหาฉันคงเป็นการเสียมารยาทต่อพวกเขา แกเคยอยู่ที่บ้านของคุณปู่ซูนี่ คงจำได้ว่าคุณปู่ซูเป็นเพื่อนสนิทของคุณปู่ ส่วนแกกับอิ๋งอิ๋งก็เคยเป็นเพื่อนรักกันในวัยเด็ก”
พูดมาได้ว่าเป็นเพื่อนรักวัยเด็ก สมัยยังเด็กเขาเคยแวะไปอยู่ที่บ้านของคุณปู่ซูแค่สองสามครั้งเอง ครั้งละไม่กี่วัน แทบไม่ได้เล่นคลุกคลีกับอิ๋งอิ๋งที่เป็นหลานสาวของคุณปู่ซูด้วยซ้ำ
เรื่องราวผ่านมานานมากแล้ว เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าอิ๋งอิ๋งหน้าตาเป็นยังไง แต่ผู้เป็นพ่อกลับยัดเยียดสถานะเพื่อนรักวัยเด็กให้เขาเสียอย่างนั้น!
ฟางจั๋วหรานตอบส่ง ๆ “ฝากทักทายคุณปู่ซูแทนผมด้วย ผมยังมีธุระที่ต้องทำ คงแวะเข้าไปไม่ได้จริง ๆ”
ฟางเว่ยกั๋วระงับอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป พูดด้วยความโกรธ “ธุระอะไรจะสำคัญขนาดนั้น?”
ยังไม่ทันพูดจบ ปลายสายก็วางหูไปเสียแล้ว ทำให้เขาโกรธมากจนควันแทบพุ่งออกจากรูหู
ฟางจั๋วหรานแวะไปที่บ้านของหลินม่ายอย่างอารมณ์ดี
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นว่าหลินม่ายสวมชุดกระโปรงสายเดี่ยวตัวใหม่ ลำคอก็แห้งผากขึ้นมาทันที
แม่สาวน้อยของเขาคิดพิเรนทร์อะไรขึ้นมาถึงได้แต่งตัววาบหวิวแบบนี้ คิดจะทำให้เขาอกแตกตายหรือไง?
เขาก้าวฉับ ๆ ไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำอัดลมออกมาเปิดฝา แล้วกระดกดื่มภายในรวดเดียว
หลินม่ายที่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับจานกับข้าวสองอย่าง เห็นแบบนั้นเข้าก็ตำหนิเขา “กำลังจะกินข้าวอยู่แล้วยังมัวดื่มน้ำอัดลมเย็น ๆ อยู่อีก ไม่กลัวปวดท้องหรือไงคะ…”
“ไม่เป็นไร ผมดื่มแบบนี้นาน ๆ ครั้ง วันนี้อากาศร้อนเกินไปจนผมทนไม่ได้” ฟางจั๋วหรานพยายามโกหกโดยใช้น้ำเสียงเคร่งขรึม
โต้วโต้วเบิกตาโพลงขณะจ้องมองเขา “คุณอา เลือดกำเดาไหลค่ะ!”
ฟางจั๋วหรานเลื่อนมือมาแตะเลือดด้านล่างจมูกทันที
หลินม่ายรีบวางจานอาหารในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาเขา “ตายแล้ว ทำไมอยู่ดี ๆ เลือดกำเดามาไหลเอาซะได้? ฉันต้องทำยังไงดี?”
ฟางจั๋วหรานอับอายจนอยากหายวับไปจากโลกนี้
เขาอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว แต่กลับทำตัวราวไม่เคยเห็นโลกกว้าง
แค่เห็นแฟนสาวของตัวเองสวมชุดที่เปิดเผยเนื้อตัวกว่าปกติ เลือดกำเดาก็ไหลเสียแล้ว จะไม่ให้อับอายอย่างไรไหว!
โชคดีที่หญิงสาวไม่ล่วงรู้ความคิดของเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงหารูบนพื้นเพื่อมุดลงไปซ่อนแล้ว
เขายังคงแสดงสีหน้าสงบราบเรียบ “คงเป็นเพราะอากาศร้อนเกินไปเลยเป็นร้อนในน่ะ ไม่เป็นไร หาน้ำเย็นมาประคบท้ายทอยเพื่อหยุดเลือดก็ได้แล้ว”
“งั้นเรารีบไปห้องน้ำกันเถอะ!”
หลินม่ายร้อนใจมาก ลากแขนเขาเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ
จากนั้นก็ทำตามที่เขาบอก ใช้น้ำเย็นประคบบริเวณท้ายทอยเขานานสองสามนาที ไม่น่าเชื่อว่าเลือดกำเดาที่ทะลักเป็นน้ำจะหยุดไหลจริง ๆ
หลินม่ายประหลาดใจมาก “เคล็ดลับของคุณได้ผลจริง ๆ ด้วย!”
ทั้งสามเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร หลินม่ายเหลือบไปเห็นอาหารสามอย่างและซุปหนึ่งอย่างบนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นพริกชี้ฟ้าลายเสือ ยำถั่วแระญี่ปุ่น คากิตุ๋นสมุนไพร และซุปไข่ใส่สาหร่าย
เธอยกจานคากิตุ๋นสมุนไพรออกมาจากตรงหน้าฟางจั๋วหราน แล้ววางไว้ตรงหน้าโต้วโต้วแทน
จากนั้นก็เลื่อนชามซุปไข่ใส่สาหร่ายไปวางตรงหน้าฟางจั๋วหราน “คุณเป็นร้อนใน กินอะไรเบา ๆ เถอะ”
ฟางจั๋วหรานมองตามคากิตุ๋นสมุนไพรที่เขาโปรดปรานซึ่งถูกพรากไป แต่ก็ฝืนยิ้มเป็นการตอบรับความหวังดีของเธอ
หลังจากกินข้าวไปไม่กี่คำ หลินม่ายก็วางชามข้าวและตะเกียบลงอย่างเป็นกังวล “ฉันจะทำถั่วเขียวต้มให้คุณหน่อย จะได้ห่อกลับบ้านไปดื่มได้ เมนูนี้ดับกระหายคลายร้อนได้ผลชะงัดนัก”
ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปในครัว จัดการล้างถั่วเขียวให้เรียบร้อย แล้วนำไปต้มบนเตา
ฟางจั๋วหรานเฝ้ามองร่างของเธออย่างเงียบ ๆ
สะบักไหล่นูนสวย แผ่นหลังเรียบเนียน ไหนจะขาอ่อนที่เรียวยาวนั่นอีก ช่างทำให้เลือดลมของคนที่ได้มองพลุ่งพล่าน
ขณะที่เขากำลังชื่นชมเรือนร่างเธออย่างตั้งใจ โต้วโต้วก็ชี้หน้าเขาพร้อมกับร้องลั่น “คุณอา เลือดกำเดาไหลอีกแล้วค่ะ!”
หลินม่ายวิ่งออกมาจากครัวอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าฟางจั๋วหรานเลือดกำเดาไหลจริง ๆ
จากประสบการณ์เมื่อครู่ ทำให้หลินม่ายใช้เคล็ดลับเดิมที่ฟางจั๋วหรานสอน ห้ามเลือดกำเดาไว้อีกครั้ง
ทุกคนกลับไปที่โต๊ะอาหารเพื่อกินข้าวกันต่อ
หลินม่ายชำเลืองมองไปที่ฟางจั๋วหรานอย่างเป็นกังวลเป็นครั้งคราว
ฟางจั๋วหรานเงยหน้าขึ้นแล้วถาม “ทำไมถึงเอาแต่แอบมองผมล่ะ?”
หลินม่ายใช้ตะเกียบคีบข้าวในชามพลางตอบกลับ “เพราะคุณหน้าตาดีไงคะ”
ถึงแม้คำชมดังกล่าวจะทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกดี แต่ฟางจั๋วหรานมักจะรู้สึกว่าเธอกำลังขบคิดบางอย่างอยู่ในใจ
หลังกินข้าวเสร็จและล้างจานชามเรียบร้อยแล้ว ฟางจั๋วหรานก็เสนอตัวติวบทเรียนมัธยมปลายให้หลินม่าย
หลินม่ายตักถั่วเขียวต้มใส่กระติกน้ำแล้วยื่นให้เขา จากนั้นก็พูดด้วยความไม่สบายใจ “วันนี้คุณทำงานหนักมากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ฉันพอเรียนรู้ด้วยตัวเองได้”
ฟางจั๋วหรานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอตัวกลับ
หลินม่ายตั้งใจจะไปส่งเขาด้านล่าง แต่เขาห้ามไว้ พลางพูดเสียงเบาว่า “คุณแต่งตัวแบบนี้ให้ผมเห็นแค่คนเดียวก็พอ อย่าออกไปให้คนอื่นเห็นเลย”
หลินม่ายฝืนยิ้มตอบ “เดี๋ยวฉันไปหาเสื้อคลุมมาใส่ทับ”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อสวมเสื้อคลุมแล้วออกมาหาเขา
ฟางจั๋วหรานชำเลืองมองเธอสองสามครั้ง “วันนี้คุณดูแปลกไปนะ”
“เปล่าซะหน่อย” หลินม่ายรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เมื่อทั้งสองเดินออกไปนอกประตูลานหลังบ้าน ฟางจั๋วหรานก็หยุดเดิน แล้วมองหน้าหลินม่ายด้วยสายตาจริงจัง “คุณมีอะไรในใจหรือเปล่า? บอกผมได้ไหมว่าเรื่องอะไรทำให้คุณไม่สบายใจ”
หลินม่ายเงยหน้ามองเขา ก่อนจะก้มหน้าลง แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากทำท่าทางแบบนี้หลายครั้ง ในที่สุดเธอก็ทนเก็บความทรมานในใจไว้ไม่ไหว ตัดสินใจพูดออกมาตามตรง “ฉันเป็นห่วงคุณมาก กลัวว่าคุณจะป่วยเป็นโรคอะไรร้ายแรง เราควรไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหน่อยดีไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานสับสน “ทำไมถึงคิดแบบนั้น? เป็นเพราะผมเลือดกำเดาไหลเหรอ?”
“แล้วไม่ใช่เหรอ?” หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือว่าอาการเลือดกำเดาไหลอาจเป็นผลข้างเคียงมาจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ”
ความหวานซาบซ่านไปทั่วหัวใจจนฟางจั๋วหรานทำอะไรไม่ถูก
สาเหตุก็เพราะแฟนสาวของเขาเป็นห่วงเป็นใยเกี่ยวกับสุขภาพของเขามาก
ที่แท้เธอเอาแต่คิดมาก คิดไปเรื่อยเปื่อย จนถึงขั้นกังวลว่าเขาอาจป่วยเป็นโรคร้ายแรง
เขาลูบศีรษะน้อย ๆ ของเธอ “ผมอยากเป็นที่พึ่งของคุณไปตลอดชีวิต ผมไม่มีวันเจ็บไข้ได้ป่วยแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโรคภัยร้ายแรง เลิกคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว”
หลินม่ายขอร้อง “ถ้าไม่อยากให้ฉันคิดมาก วันพรุ่งนี้คุณช่วยไปตรวจร่างกายให้ฉันสบายใจได้ไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานมองหน้าเธออยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับ
หลินม่ายเฝ้าดูเขาเดินออกไป ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในลานบ้าน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทางบ้านคิดจะจับพี่หมอคลุมถุงชนสินะ พี่หมอรู้ทันหรอกน่า
ขนาดใส่ชุดกระโปรงสายเดี่ยวยังเลือดกำเดาไหลแบบนี้ นี่ถ้าม่ายจื่อแต่งตัวยิ่งกว่านี้จะรอดไหมคะพี่
ไหหม่า(海馬)