แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 357 ฉันได้ยินว่าคุณไม่อยากเจอฉัน?

ตอนที่ 357 ฉันได้ยินว่าคุณไม่อยากเจอฉัน?

ตอนที่ 357 ฉันได้ยินว่าคุณไม่อยากเจอฉัน?

ฟางจั๋วหรานขึ้นรถประจำทางกลับบ้านพร้อมกับถั่วเขียวต้มแสนรักที่หลินม่ายเป็นคนทำให้

ยังไม่ทันที่เขาจะไปถึงอาคารที่พักอาศัยอยู่ เขาเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเร่าร้อนท่ามกลางแสงจันทร์สลัว

เขาวางตัวสูงส่งแถมยังหล่อเหลา ไม่ว่าผู้หญิงวัยไหนต่างก็มองเขาด้วยความสนใจ ฟางจั๋วหรานคุ้นชินกับมันเสียแล้ว

แต่ไม่ค่อยเห็นสาวสวยคนไหนจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาและท่าทางที่โจ่งแจ้งแบบนี้มาก่อน

ถึงแม้ฟางจั๋วหรานจะรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจ

เขาเดินผ่านหน้าหญิงสาว เตรียมก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นบน แต่หญิงสาวกลับโพล่งถามขึ้นมาว่า “คุณใช่ฟางจั๋วหรานหรือเปล่า?”

ฟางจั๋วหรานหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับมามองหล่อน “คุณเป็นใคร?”

หญิงสาวอารมณ์เสียเล็กน้อย “ฉันอิ๋งอิ๋งไง คุณจำไม่ได้เลยเหรอว่าตัวเองเคยต่อสู้เพื่อฉันตอนที่ยังเด็ก ๆ?”

“คุณคือซูอวี้อิ๋งหลานสาวคุณปู่ซูสินะ?”

“จะเป็นใครได้อีก?” สีหน้าหญิงสาวดีขึ้นมาหน่อย แววตาฉายความพึงพอใจเล็กน้อย ที่ฟางจั๋วหรานยังคงจำตัวเองได้

ฟางจั๋วหรานนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาต่อสู้เพื่อซูอวี้อิ๋งผู้เป็นหลานสาวของคุณปู่ซู

ตอนนั้นเขาอายุแค่สี่ห้าขวบ อาศัยอยู่ที่บ้านคุณปู่ซู

ครั้งหนึ่งตอนที่เขากำลังเล่นกับซูอวี้อิ๋งอยู่ในบริเวณนั้น เด็กผู้หญิงตัวจ้อยสองสามคนที่เล่นอยู่แถวนั้นก็เดินเข้ามาแกล้งซูอวี้อิ๋งจนทำให้หล่อนร้องไห้จ้า

เขาจึงไล่ทุบเด็กหญิงพวกนั้นจนหน้าปูดบวมเสียโฉมกันไปข้าง แม้แต่พ่อแม่ของพวกหล่อนยังจำลูกสาวตัวเองไม่ได้

สาเหตุที่เขามีความทรงจำที่ฝังลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ก็เพราะเด็กหญิงพวกนั้นวิ่งแจ้นไปฟ้องปู่ของตัวเอง จนเขาถูกคุณปู่คุณย่าดุด่ายกใหญ่

สำหรับซูอวี้อิ๋ง นอกเหนือจากเรื่องที่เขาต่อสู้เพื่อหล่อนแล้ว เขาก็จำอะไรที่เกี่ยวข้องกับหล่อนไม่ได้อีก

ฟางจั๋วหรานทำตาโตขณะมองอีกฝ่ายราวกับหล่อนเป็นสัตว์ประหลาด “ทำไมผมต้องจดจำคุณด้วย? ไม่รู้เหรอว่าตัวเองไม่ได้สำคัญกับผมขนาดนั้น?”

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงของซูอวี้อิ๋งแทบจะถลนออกมา “คุณ คุณ คุณ… พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?”

ฟางจั๋วหรานถามกลับ “แล้วจะให้ผมพูดว่าไง? ให้ผมทำท่าทางเหมือนหมา กระดิกหางใส่คุณ แล้วยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ขอโทษที่ผมจำคุณไม่ได้ ผมสมควรตาย แบบนี้เหรอ?”

ซูอวี้อิ๋งไม่พูด เห็นได้ชัดว่าต้องการแบบนั้น

ฟางจั๋วหรานหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม “ผมไม่ใช่หมา ทำไมต้องยอมรับความผิดของตัวเองด้วยการกระดิกหางด้วย?”

ว่าแล้ว เขาก็เดินขึ้นไปชั้นบน

ซูอวี้อิ๋งก้าวเข้าไปขวาง “ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่อยากเจอฉัน? ทำไมล่ะ?”

ฟางจั๋วหรานไม่ได้บอกทางโทรศัพท์เสียหน่อยว่าเขาไม่อยากเจอหล่อน แต่บอกว่าเขามีธุระที่ต้องทำ จึงไม่มีเวลาแวะไปหา

ต้องเป็นเพราะคำพูดปรุงแต่งของฟางเว่ยกั๋วกับหวังเหวินฟางแน่ ทำให้หลานสาวของคุณปู่ซูและพ่อของหล่อนไม่พอใจในตัวเขา ไม่อย่างนั้นซูอวี้อิ๋งคงไม่คับข้องใจจนต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาแบบนี้

ลึก ๆ แล้วฟางจั๋วหรานเดาว่ามีแนวโน้มสูงมากที่หวังเหวินฟางจะเป็นคนที่เติมเชื้อไฟ คนอย่างหล่อนถนัดนักในการทำเรื่องลับลมคมในแบบนี้

ถึงเขาจะรู้ว่านี่เป็นกลอุบายของหวังเหวินฟาง แต่ฟางจั๋วหรานก็ไม่คิดจะแก้ตัว

ปล่อยให้ซูอวี้อิ๋งเข้าใจผิดต่อไปเถอะ เขาไม่อยากเจอหล่อนจริง ๆ

ฟางจั๋วหรานถามกลับ “ผมต้องมีเหตุผลที่ไม่อยากเจอคุณด้วยเหรอ?”

พอซูอวี้อิ๋งได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก น้ำเสียงของหล่อนเปลี่ยนเป็นแหลมปรี๊ด “หรือว่าคุณไม่มีเหตุผล?”

ฟางจั๋วหรานหัวเราะเบา ๆ “ผมไม่อยากเจอหน้าคุณ นั่นแหละเหตุผล!”

หลังจากนั้น เขาก็เดินอ้อมหล่อนเพื่อที่จะขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง

แต่ซูอวี้อิ๋งยังคงเดินมาขวางหน้าเขาไว้

ใบหน้าฟางจั๋วหรานมืดมนลง “กรุณาหลีกทางให้ผมด้วย เดี๋ยวนี้ ผมแนะนำให้คุณยอมทำตามโดยดี ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าผมใจร้ายที่ทำให้คุณต้องอับอายขายหน้า หมาที่รู้ความเขาไม่ยืนขวางถนนกันหรอกนะ!”

ซูอวี้อิ๋งตกใจมากเมื่อมองเห็นสายตาอันดุร้ายของเขา หัวใจหล่อนกระตุกสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่กล้าทำตัวดื้อรั้นอีก รีบก้าวถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟางจั๋วหรานก้าวยาว ๆ ขึ้นบันไดไปทันที

ซูอวี้อิ๋งมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่ของเขา รู้สึกโมโหจนแทบจะร้องไห้

พี่จั๋วหรานของหล่อนที่ฉายแววโดดเด่นมาตั้งแต่เด็กเป็นคนมีนิสัยอบอุ่นมาก ตอนนี้เด็กชายที่พูดไม่เก่งคนนั้นหายไปไหน?

ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนน่ากลัวแบบนี้ไปได้

หนำซ้ำยังขู่ด้วยว่าเขาจะทำให้หล่อนได้รับความอับอาย แถมยังเหน็บแนมว่า ‘หมารู้ความไม่ยืนขวางถนน’ ถ้าหล่อนยังไม่ยอมหลีกทางให้อีกมีหวังโดนด่าหมอไม่รับเย็บแน่

ซูอวี้อิ๋งกลับมาที่บ้านของฟางเว่ยกั๋วด้วยความโกรธ

หวังเหวินฟางเปิดประตูให้หล่อน ถามด้วยรอยยิ้ม “หนูเห็นจั๋วหรานหรือยัง? เขาหล่อยิ่งกว่าดาราซะอีกใช่ไหมล่ะ?”

ขณะที่พูดแบบนั้น หล่อนก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของซูอวี้อิ๋งดูไม่สู้ดี

หล่อนจึงถามด้วยความสงสัย “ทำไมถึงได้ทำหน้างออย่างนั้น? ใครทำให้หนูโกรธเข้าจ๊ะ?”

ซูอวี้อิ๋งเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเมื่อกี้นี้ฟางจั๋วหรานทำอะไรกับหล่อนเอาไว้บ้าง

เมื่อเห็นว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาถูกทำร้ายจิตใจ พ่อซูก็รู้สึกเจ็บใจราวถูกกรงเล็บแมวข่วน

หวังเหวินฟางผลักจานองุ่นบนโต๊ะกาแฟไปทางซูอวี้อิ๋ง “ที่จั๋วหรานแสดงท่าทางที่ไม่ดีกับหนูแบบนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเขาซึมซับพฤติกรรมมาจากแม่ม่ายที่ชื่อหลินม่าย…”

พ่อซูเหลือบมองหล่อนอย่างระแวดระวัง “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเขาถึงไปยุ่งเกี่ยวกับแม่ม่ายได้?”

สองพ่อลูกเดินทางมาที่เจียงเฉิงในครั้งนี้เพราะเหตุผลทางธุรกิจเป็นหลัก แต่ก็มีเหตุผลส่วนตัวด้วย

ฟางเว่ยกั๋วโทรหาเขาเมื่อหลายเดือนก่อน พูดหว่านล้อมทำนองว่าอยากให้สองตระกูลดองกัน

ถ้าคุณปู่ฟางยังไม่เกษียณ ไม่ต้องรอให้ฟางเว่ยกั๋วพูดแบบนั้นออกมา ตระกูลซูจะเป็นฝ่ายริเริ่มก่อนด้วยซ้ำ

ในอดีตคุณปู่ฟางดำรงตำแหน่งสูงและมีอำนาจพอสมควร เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในแวดวงราชการของปักกิ่ง

แต่ก่อนที่คุณปู่ฟางจะเกษียณอายุราชการ เขากลับไม่ใช่อำนาจหรือเส้นสายเพื่อผลักดันลูกชายตัวเองแต่อย่างใด

ตอนนี้ตระกูลฟางไม่ได้มีอำนาจเทียบเท่ากับตระกูลซู ถึงแม้ฟางเว่ยกั๋วจะมีสถานะเป็นถึงหัวหน้าองค์กรรัฐวิสาหกิจระดับกลาง แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับพ่อซู

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องการดองกับตระกูลฟาง แต่อยากดองกับตระกูลที่มีอำนาจสูงกว่าเพื่อที่จะผลักดันตระกูลซูของเขาได้

ดังนั้นเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงกับฟางเว่ยกั๋วมาโดยตลอด ถึงแม้เขาไม่เคยปฏิเสธออกไปตรง ๆ แต่อีกฝ่ายเองก็ไม่ใช่คนเขลา จะไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อเลยหรือ?

คนดีควรทำดีแต่ในสิ่งที่สมควรทำ ฟางเว่ยกั๋วเข้าใจ จึงไม่คิดจะรบกวนพวกเขาอีก

เรื่องทั้งหมดควรจบแต่เพียงเท่านั้น

แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซูอวี้อิ๋งลูกสาวสุดที่รักของเขาซึ่งกลับมาหลังจบการศึกษาจากต่างประเทศด้วยทุนสาธารณะ บังเอิญได้ยินผู้เป็นแม่คุยโทรศัพท์กับหวังเหวินฟางเรื่องเป็นแม่สื่อหาคู่เดตให้ฟางจั๋วหราน หล่อนเลยจำชื่อเขาได้

ต่อให้เรื่องระหว่างฟางจั๋วหรานกับหวังหรงจะเป็นไปไม่ได้ แต่หวังเหวินฟางก็ไม่อยากให้หลินม่ายแต่งงานกับฟางจั๋วหราน

หวังเหวินฟางเชื่ออย่างหัวชนฝา ว่าถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงแพศยาคนนี้ ครอบครัวของหล่อนคงไม่มีวันลงเอยด้วยจุดจบที่น่าอนาถแบบนี้แน่

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วหล่อนจะทนเห็นลูกเลี้ยงแต่งงานกับหลินม่ายได้อย่างไร หล่อนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายมัน

ตอนแรกหวังเหวินฟางคิดว่า ถ้าตระกูลซูปฏิเสธไม่ยอมดองกับตระกูลฟางจริง ๆ หล่อนจะลองขอให้แม่ซูช่วยแนะนำหญิงสาวที่มี่คุณสมบัติดีพร้อมให้กับฟางจั๋วหราน

ถ้าแผนการสำเร็จ นอกจากหลินม่ายจะถูกฟางจั๋วหรานทอดทิ้งแล้ว อาชีพของฟางเว่ยกั๋วยังอาจมีโอกาสก้าวหน้าอีกด้วย

ฟางเว่ยกั๋วจะต้องรู้สึกขอบคุณหล่อนอย่างแน่นอน และคิดว่าหล่อนเป็นภรรยาที่ดี

นับตั้งแต่หล่อนควักเงินหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนให้ครอบครัวพี่ชายยืม ฟางเว่ยกั๋วก็ทำตัวเหินห่างกับหวังเหวินฟางมาโดยตลอด

ต่อหน้าแขกสามีภรรยาทำเป็นรักใคร่ แต่ลับหลังกลับเต็มไปด้วยความเฉยชา

หวังเหวินฟางจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ฟางเว่ยกั๋วพึงพอใจอย่างเร่งด่วน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะได้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง

เหนือสิ่งอื่นใด ฟางจั๋วหรานเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์เต็ม ๆ จากการแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะและชาติตระกูลดี

ที่จริงตระกูลซูก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่พวกเขาปฏิเสธเจตนารมณ์ของฟางเว่ยกั๋ว

ตระกูลซูสามารถยืนหยัดอย่างสง่างามมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ต้องขอบคุณคุณปู่ฟางที่เป็นผู้ให้การสนับสนุน

ทันทีที่หวังเหวินฟางขอความช่วยเหลือจากแม่ซูให้ช่วยเป็นแม่สื่อให้ฟางจั๋วหราน แม่ซูก็ทุ่มเทให้กับเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ซูอวี้อิ๋งซึ่งยืนอยู่ด้านข้างฟังผู้เป็นแม่คุยโทรศัพท์กับหวังเหวินฟาง สายตาก็เหลือบไปเห็นรูปถ่ายของฟางจั๋วหรานที่หวังเหวินฟางส่งมาให้แม่ของหล่อนผ่านทางไปรษณีย์ พอหยิบขึ้นมาดูก็ถึงกับตาโต

ทันทีที่แม่ซูวางสาย ก็รีบบอกผู้เป็นแม่ว่าหล่อนจะเป็นคนบินไปดูตัวฟางจั๋วหรานด้วยตัวเอง

ถึงพ่อซูจะเคยปฏิเสธการทาบทามของฟางเว่ยกั๋วเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่พึงพอใจในตัวฟางจั๋วหราน แค่คิดว่าลูกสาวของเขาสามารถหาสามีที่ดีกว่าเขาได้

ในเมื่อลูกสาวสุดที่รักของเขาชื่นชอบฟางจั๋วหรานจนถึงขั้นอยากออกเดตกับเขา พ่อซูและแม่ซูจึงไม่ขัดใจหล่อน

เมื่อพ่อซูมีโอกาสได้เดินทางมาทำธุรกิจที่เจียงเฉิง เขาจึงพาลูกสาวติดสอยห้อยตามมาดูตัวด้วย

เขาคิดว่าตราบใดที่ลูกสาวคนสวยออกหน้าด้วยตัวเอง หล่อนต้องเอาชนะใจฟางจั๋วหรานได้แน่ ใครจะไปคิดว่าผู้ชายคนนี้ตาต่ำถึงขั้นคบหากับแม่ม่ายไร้การศึกษา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที

หวังเหวินฟางฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายหลินม่ายว่าเป็นผู้หญิงงามไส้

ทั้งยังอธิบายด้วยว่า “อย่าถือโทษโกรธจั๋วหรานเลย เขาอายุเกือบสามสิบแล้ว อาจเป็นเพราะเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานวิจัยและงานทางด้านศัลยศาสตร์มากเกินไป เขาถึงหน้ามืดตามัวไปหลงใหลได้ปลื้มแม่ม่ายคนนั้น เหล่าฟางกับฉันไม่อยากให้เขาโดนแม่ม่ายคนนั้นหลอก เลยขอให้พวกคุณช่วยแนะนำใครสักคนให้เขารู้จัก เผื่อว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปชอบผู้หญิงดี ๆ สักคนจนสามารถปล่อยมือจากแม่ม่ายคนนั้นได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะลุ่มหลงหนักขนาดนี้ อิ๋งอิ๋งทั้งสวย น่ารัก แถมยังฉลาดเฉลียว แต่เขากลับทำร้ายจิตใจหล่อนได้ลงคอ…”

พ่อซูต้องการรักษาหน้าของตัวเอง พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ในเมื่อหัวใจของจั๋วหรานฝักใฝ่แบบนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเขาเถอะ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นจะไปหวานอะไร(1)”

……………………………………………………………………………………………………………

แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน สำนวนนี้มีความหมายว่า การทำอะไรโดยฝืนมักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี ถ้าแต่งงานกันเข้าจริงจะมีความสุขได้อย่างไร ตรงกับสำนวนไทยว่าข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า

สารจากผู้แปล

พี่หมอปากร้ายมาก มีดผ่าตัดยังคมไม่เท่าฝีปากพี่หมอเลย ไม่ได้ชื่อว่าหลินม่ายก็แย่หน่อยนะคะ

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท