รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 343 โอกาสมาถึงแล้ว จัดการกับหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงเรื่องง่ายดาย!

บทที่ 343 โอกาสมาถึงแล้ว จัดการกับหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงเรื่องง่ายดาย!

บทที่ 343 โอกาสมาถึงแล้ว จัดการกับหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงเรื่องง่ายดาย!

เดิมทีแล้วต้าเต๋อต้องการจะบอกว่าเขาสบายดี ส่วนสามเณรน้อยถูกทุบตีจนหนีไปแล้ว

แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าก็เข้าใจได้ในทันที

พระสังฆราชและพวกพระเวทโพธิสัตว์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมน่าเลื่อมใสโดยพลัน “อย่างไรกัน พวกเจ้าต้องการจะประกาศสงครามกับข้างั้นหรือ?“

“พุทธศาสนาเปี่ยมเมตตา ทว่าใจของเจ้าไร้ซึ่งเมตตา นับตั้งแต่นี้ศาสนาพุทธจะไม่มีนามของเจ้าอีกต่อไป”

“อมิตาภพุทธ พวกเราจะไม่ยอมรับเจ้าในฐานะกู่ฝออีกต่อไป เชิญเจ้าออกไปเถิด!”

พระสังฆราชและพวกพระเวทโพธิสัตว์กล่าวออกมา

ประกาศสงคราม?

จะให้สู้อย่างไรกัน…

พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้กระทั่งร่างอวตารของสามเณรน้อย

แต่พวกเขาจะไม่มียอมด้วยเหตุผลนี้ ทั้งยังจะถึงขั้นแตกหักกับสามเณรน้อยอย่างสิ้นเชิง

พวกเขาจะไม่มีทางยอมปล่อยผ่านเรื่องเลวร้ายของสามเณรน้อยไป

หากสามเณรน้อยไม่ยอมจากไป พวกเขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด สิ่งที่สามเณรน้อยกระทำลงไปทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างมาก หัวใจของสามเณรน้อยเปลี่ยนไปจนทำให้สูญเสียหัวใจของกู่ฝอไปแล้ว

“เฮ้อ ผู้ใดกันจะสามารถเข้าใจความทุกข์ของข้าได้? ทั้งหมดที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนา”

ต้าเต๋อส่ายหัว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมรับ ก็ช่างมันไปเสียเถอะ แต่ก่อนจะจากไปพวกเจ้าต้องตอบรับคำขอของข้าหนึ่งอย่าง”

“คำขอใด?”

พวกพระสังฆราชขมวดคิ้ว

“มันไม่ใช่คำขอที่ยิ่งใหญ่ ข้าคิดดูแล้ว ก็พบว่าภายในเขาหลิงซานเต็มไปด้วยสุราชั้นดีมากมาย พวกเจ้าเพียงนำสุราเหล่านั้นมาให้ข้า จากนั้นข้าก็จะจากไป”

ต้าเต๋อกล่าวออกมา

“???”

บนใบหน้าพวกพระสังฆราชเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ต่างพากันพูดไม่ออก

หลังจากที่สามเณรน้อยหลอมรวมต้าเต๋อเข้าไปแล้ว เขาก็ได้รับอิทธิพลจากต้าเต๋อ จนชอบดื่มสุราด้วยหรือ?

ยอดเยี่ยมไปเลย ขนาดสามเณรน้อยยังได้รับอิทธิพลจากต้าเต๋อ!

พวกเขาทั้งหมดคิดขึ้นมาในใจ

การมอบสุราให้ไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ดื่มอยู่แล้ว เก็บเอาไว้ก็เสียเปล่า

เดิมทีสุราเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกเขาแต่แรกอยู่แล้ว พวกมันล้วนได้รับมายามที่พวกเขาออกกำจัดภัยพาล เหตุที่ยังเก็บเอาไว้อยู่ก็เพราะสุราเหล่านี้ไม่ใช่สุราธรรมดา จะทิ้งไปก็เสียดาย

พระสังฆราชจึงออกคำสั่งให้นำสุราทั้งหมดในเขาหลิงซานออกมา

หลังจากต้าเต๋อได้เห็นสุรา เขาก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป หยิบสุราไหหนึ่งขึ้นมากระดกดื่มอึกใหญ่

“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก!”

ต้าเต๋อยิ้มกว้างจนตาหยี เขาคะนึงหาสุราเหล่านี้มานานแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ดื่มมันเข้าปาก

ทว่าสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาพบว่าพวกพระสังฆราชต่างพากันมองมาที่เขาด้วยใบหน้าดุดัน!

แย่แล้ว เรื่องที่หลอกอีกฝ่ายถูกเปิดเผยแล้ว!

เขารีบเก็บเก็บสุราทั้งหมด ก่อนจะกล่าวออกมาพร้อมยิ้มเจื่อน “ข้าจะไปแล้ว!”

“จะไปไหน!”

“มาให้ข้าตีเสีย!”

พวกพระสังฆราชต่างก็มองออกแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่สามเณรน้อย

แต่เป็นต้าเต๋อ!

แม้สามเณรน้อยจะได้รับอิทธิพลจากต้าเต๋ออย่างไร ก็ไม่อาจเหมือนต้าเต๋อได้ประหนึ่งคนเดียวกัน!

ท่าทางการดื่มสุราเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นต้าเต๋อ!

และยังเห็นได้ชัดว่าต้าเต๋อหลอกพวกเขา!

พวกเขาจึงล้อมวงเข้าทุบตีต้าเต๋อในทันที

“ไร้เหตุผล ไร้เหตุผลกันเกินไปแล้ว พวกท่านคือพระสังฆราชกับพระโพธิสัตว์เชียวนะ! อ๊ะ จะตีก็ตีได้ แต่อย่าตีหน้าข้านะ หากหน้าข้าพังขึ้นมาจะทำเช่นไร!”

ต้าเต๋อร้องโหยหวนออกมาราวกับผีสาง

ณ แดนหยิน เหยียนโจว ภาคกลาง

พวกหลี่จิ่วเต้าเดินทางไปทั่ว เที่ยวชมเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของภูเขาอันเลื่องชื่อลูกแล้วลูกเล่า

ขณะเดียวกัน ผู้นำตระกูลหานพร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนเผ่าฉงฉีก็เฝ้าแอบติดตามอย่างใกล้ชิด

พวกเขากำลังมองหาโอกาสยามที่หลี่จิ่วเต้าอยู่คนเดียว

แต่ไม่ว่าจะไปที่ใด หลี่จิ่วเต้าและคนอื่น ๆ ก็อยู่รวมกัน จนพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงมือ

ทว่าพวกเขาก็ยังคงอดทนเป็นอย่างมาก ไม่รีบร้อน

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเซี่ยเหยียนจะอยู่กับหลี่จิ่วเต้าที่เป็นปุถุชนตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพวกเขาจะต้องมีโอกาสในการลงมือ

หลังจากติดตามมาหลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็สบโอกาส!

พวกหลี่จิ่วเต้าเดินทางมาถึงส่วนลึกของภูเขาแห่งหนึ่ง

พวกเขาต้องการที่จะล่าสัตว์

“ล่าสัตว์ในชิงซานจนเบื่อแล้ว วันนี้มาล่าสัตว์ในภาคกลางกัน”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ตอนนี้ข้าฝึกยิงธนูจนเก่งแล้ว คุณชายคอยดูให้ดี คราวนี้ข้าจะต้องล่าเหยื่อได้เยอะมากแน่ ๆ!”

เซี่ยเหยียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“แล้วคุณชายผู้นี้จะรอชม”

หลี่จิ่วเต้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบธนูคันยาวออกมา แล้วแยกย้ายกันไปทั่วส่วนลึกของภูเขาแห่งนี้

นี่นับเป็นเกมเล็ก ๆ ที่พวกเขาแข็งขันกันว่าใครจะสามารถล่าเหยื่อได้มากกว่า

คันธนูที่หลี่จิ่วเต้าถืออยู่นั้นไม่ใช่คันธนูของเขา

เขาไม่ได้พกคันธนูติดตัวมาด้วย นี่เป็นคันธนูที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมอบให้เขา

พวกเด็ก ๆ อย่างอ้ายฉานเองก็ไม่มีคันธนูของตัวเอง ทั้งหมดล้วนมาจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนผู้มีของสะสมมากมาย

เขาไม่ได้พาเจ้าแมวสีขาวตัวน้อยมาด้วย ถึงแม้การนำเจ้าแมวขาวตัวน้อยมาด้วยจะไม่สร้างปัญหา แต่ก็ส่งผลกระทบกับการล่าของเขาไม่มากก็น้อย

อย่างไรเสียเขาก็ไม่สามารถล่าเหยื่อแบบไม่สนใจเจ้าแมวขาวได้

เขาจึงทิ้งเจ้าแมวขาวตัวน้อยไว้ด้านในรถม้า

“ให้ข้าดูหน่อยว่าเหยื่อในภาคกลางจะมีสิ่งใดแตกต่าง”

เขายิ้มแล้วเดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ภายในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังในการล่าครั้งนี้

นี่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาล่าสัตว์นอกชิงซาน

เขาชื่นชอบการล่าสัตว์เป็นอย่างมาก เมื่อตอนที่อยู่เมืองชิงซานเขาก็มักจะออกไปล่าสัตว์อยู่บ่อย ๆ

ภูเขาแห่งนี้เป็นเพียงภูเขาธรรมดา ไม่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ มีแต่สัตว์ธรรมดาทั่วไป

ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่เสนอความคิดให้ล่าสัตว์ตอนที่มาถึงภูเขาแห่งนี้

บนเนินเขาไกลออกไป

“หลังจากติดตามมาหลายวัน ในที่สุดโอกาสก็มาถึงเสียที!”

ผู้นำตระกูลหานกล่าวออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

ในที่สุดหลี่จิ่วเต้าก็แยกตัวออกมาจากพวกเซี่ยเหยียน สบโอกาสให้พวกเขาได้ลงมือแล้ว!

แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทันทีที่เขาพูดจบก็ถูกผู้อาวุโสสูงสุดตบจนล้มลงกับพื้นราวกับสุนัขตัวหนึ่ง

“!!!”

เขาทำอะไรถึงโดนตบอีกแล้ว?

ผู้นำตระกูลหานรู้สึกหดหู่ใจ ถ้าหากรู้ก่อนหน้านี้ เขาจะไม่เลือกเชิญผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้ออกมา!

เขาจะเลือกเชิญผู้อาวุโสสูงสุดท่านอื่นในตระกูลหานออกมา!

ไม่เชิญผู้อาวุสูงสุดที่มีนิสัยชอบตบคนอื่น!

“ก็รู้ดีว่าโอกาสมาถึงแล้วยังไม่ลงมืออีก หรือต้องการให้พวกข้าสองคนเป็นผู้ลงมือกัน?”

ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องผู้นำตระกูลหานพลางคิดในใจว่าทำไมผู้นำตระกูลรุ่นนี้ถึงตาบอดเช่นนี้ แค่ปุถุชนคนเดียวจำเป็นต้องให้เขาหรือบรรพชนเผ่าฉงฉีออกโรง?

ตบเขาเพราะสาเหตุนี้?

ผู้นำตระกูลหานคับแค้นใจเป็นอย่างมาก

เขารำพึงออกมาในใจว่าไม่ได้ต้องการให้ท่านทั้งสองออกโรงเสียหน่อย แค่ปุถุชนเพียงผู้เดียว เขาสามารถจัดการเองได้

คราวหน้า…คราวหน้าเขาจะไม่มีทางออกมาทำสิ่งใดกับผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้อีกแล้ว!

เขาใกล้จะถูกผู้อาวุโสสูงสุดตีจนตายแล้ว!

เขากล่าวออกมาในใจด้วยความระทม ได้ออกมากับผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้ในครั้งนี้ เขาราวกับโชคร้ายยิ่ง

แต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา

“ข้าไป ข้าไปแล้ว! ข้าจะพาปุถุชนผู้นั้นมา!”

เขาเร่งรีบเอ่ยตอบรับ

“วางใจเจ้าได้ใช่หรือไม่?”

บรรพชนเผ่าฉงฉีมองไปทางผู้นำตระกูลหานที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “อย่าได้ทำพลาดในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้!”

เขายังจำค่ายกลอันไม่สามารถพึ่งพาของผู้อาวุโสสูงสุดได้ ในช่วงที่สำคัญกลับใช้งานไม่ได้ มาใช้งานได้อีกทียามที่ไม่จำเป็นต้องใช้!

แค่คิดขึ้นมาก็โทสะแล่นพล่านแล้ว!

“วางใจได้ จัดการกับปุถุชนผู้หนึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า!”

ผู้นำตระกูลเอ่ยขึ้นมาพร้อมตบอกด้วยความมั่นใจ

เขายังพูดเสริมขึ้นมาในใจอีกว่า ข้านั้นสามารถไว้ใจได้มากกว่าผู้อาวุโสสูงสุด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท