บทที่ 345 น่าขัน เขาต่างหากคือตัวละครต่ำต้อยผู้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!
ผู้นำตระกูลก้าวไปหาหลี่จิ่วเต้าทีละก้าว เขาหักข้อนิ้วเสียงดัง ‘กร๊อบ’
เขานึกขันตัวเองด้วยซ้ำที่วันหนึ่งต้องลงไม้ลงมือกับปุถุชน…
“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าเข้ามา มิฉะนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเอง!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยต่อผู้นำตระกูลด้วยท่าทางเคร่งขรึม ฝ่ามือข้างหนึ่งผายออก
รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเองอย่างนั้นหรือ?
รับผิดชอบกับผีน่ะสิ!
ถึงแม้ผู้นำตระกูลจะหัวเราะในใจไม่หยุดจวบจนบัดนี้ หลี่จิ่วเต้าที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้เผชิญหน้ากับคนระดับใด ถึงกับบอกเขาว่ารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเอง…
น่าขัน น่าขันยิ่ง!
เขาขี้เกียจพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฝ่ามือข้างหนึ่งคว้าออกไปหาหลี่จิ่วเต้า
ทว่าเรื่องที่เขาไม่คิดไม่ฝันคือ หลี่จิ่วเต้าปราดเปรียวจนน่ากลัว พริบตาเดียวก็ใช้มือข้างหนึ่งจับข้อมือเขาไว้ จากนั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ถ่ายเทเข้ามา ตัวเขาถูกหลี่จิ่วเต้ากระชากไปทั้งอย่างนั้น!
ตึง!
หลี่จิ่วเต้าลงมือฉับไว พริบตาที่ลากผู้นำตระกูลเข้ามา มืออีกข้างของเขากำหมัดแน่น กระหน่ำใส่ตัวผู้นำตระกูลจนแทบหาไม่
ลมหายใจถัดมา ร่างของผู้นำตระกูลปลิวออกไป ปากกระอักเลือดไม่หยุด แล้วร่างก็กระแทกลงอีกด้านอย่างแรง
ผู้นำตระกูลงุนงงไปหมด สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไฉนเขาถึง…แข็งแกร่งปานนี้!?
พลังกายเนื้อแกร่งกล้าของเขาราวกับไม่มีอยู่จริงเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า พลังของหลี่จิ่วเต้าเหนือกว่าเขาไม่รู้กี่เท่าตัว!
“ข้าเตือนเจ้าแล้ว ข้าทรงพลังมาก คนเราอย่าดูเพียงเปลือกนอก ขอตัว…”
หลี่จิ่วเต้าสะบัดมือไล่เศษฝุ่น ก่อนจะหมุนกายไปจากที่นี่
บนพื้น ผู้นำตระกูลหวาดผวาเหลือแสน
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตาย!
ภายในกายของเขา มีพลังสุดสยองกำลังหลอมรวม เขาใกล้จะถูกพลังนี้คร่าชีวิตไป
ช่างเป็นพลังอันน่าหวาดหวั่นเสียนี่กระไร
เขาไม่รู้ว่าต้องอธิบายด้วยถ้อยคำใด!
ต่อให้เป็นพลังของผู้อาวุโสสูงสุดในตระกูลเขา เมื่อเผชิญกับพลังน่าหวาดหวั่นนี้ก็เทียบไม่ได้เลย ไม่ถึงหนึ่งในพันในหมื่นด้วยซ้ำ!
เขาชาไปทั้งหนังศีรษะ สายตาเจือแววสิ้นหวัง
ก่อนนี้เขายังหัวเราะเยาะปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าว่าไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ว่าตนเองได้เผชิญกับตัวตนน่าสยดสยองปานใด
ทว่าเขาต่างหากคือฝ่ายที่ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ว่าตนเองได้เผชิญกับตัวตนน่าสยดสยองปานใด!
หลี่จิ่วเต้าใช่ปุถุชนที่ไหน เขาคือผู้มีพลังสูงส่งเหนือจินตนาการต่างหาก เกรงว่าพลังในกายเขาเหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิขึ้นไปอีก!
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเมื่อครู่เหตุใดน้ำเต้าทองคำม่วงถึงสิ้นฤทธิ์ ซ้ำยังระเบิดตนเองอีกด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหลี่จิ่วเต้า!
หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งจนเกินหยั่ง!
เวลานี้ เขานึกถึงค่ายกลสังหารที่สิ้นฤทธิ์ในนาทีสำคัญ
มิใช่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้เรื่อง แต่หลี่จิ่วเต้านั้นน่ากลัวเกินไป!
ที่ค่ายกลสังหารสิ้นฤทธิ์ต้องเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าแน่!
เขาหัวเราะฝืดเฝื่อน หนนี้พวกเขาพลาดจนเกินควร
พวกเขาเข้าใจว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นปุถุชน จัดการได้ง่ายที่สุด แท้จริงแล้วหลี่จิ่วเต้าต่างหากคือผู้ที่สยดสยองที่สุดในบรรดากลุ่มของเซี่ยเหยียน!
“ก้าวแรกผิดย่อมผิดทุกก้าว!”
เขาสำนึกเสียใจเหลือคณา หากรู้อย่างนี้แต่แรก เขาไม่ควรมีใจเป็นอื่นเลย
ตอนนี้สิดี เขาไม่เพียงแต่ต้องตาย ยังสร้างหายนะแก่ตระกูลหานอย่างที่จินตนาการไม่ถึง!
ทว่าบัดนี้พูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อต้องเผชิญกับพลังในกายเขา เขาไม่มีความสามารถพอจะต้านทานสักนิด พลังในกายเขาระเบิด กายเนื้อของเขากลายเป็นหมอกโลหิตในบัดดล แม้กระทั่งดวงวิญญาณยังถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง!
เขาสิ้นชีพลงในที่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์!
ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย หมอกโลหิตที่เกิดจากการระเบิดก็จางหาย
อีกด้าน ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนแห่งเผ่าฉงฉีรอแล้วรอเล่า รอเท่าไรผู้นำตระกูลหานก็กลับไม่ถึงเสียที
“ตระกูลพวกเจ้าสืบสานกันมาได้อย่างไร แต่ละคนไม่ได้เรื่องเลย ผู้นำตระกูลก็เป็นคนไม่เข้าท่าเช่นนี้ด้วยรึ!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีหน้าดำคร่ำเครียดราวถ่าน ชี้หน้าด่าผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหาน
มันโมโหมาก โมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว
มีแต่คนอะไรกันนี่ ผ่านไปเนิ่นนานเพียงนี้ ยังจัดการปุถุชนคนหนึ่งไม่ได้หรือ!
มันรู้สึกว่าตนนั้นอับโชคถึงขีดสุด ถึงได้เลือกร่วมมือกับคนเยี่ยงนี้!
ต่อให้มันลุยเดี่ยว ป่านนี้ก็คงลุล่วงแล้วกระมัง!
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้นำตระกูลของพวกเราตระกูลหาน ช่วยมั่นใจกว่านี้หน่อยเถิด อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานปั้นหน้ายิ้ม
ทว่าในใจก่นด่าผู้นำตระกูลจนไม่เหลือชิ้นดี
คนอะไรกันนี่ เป็นถึงผู้นำของตระกูล จัดการแค่ปุถุชนคนหนึ่งยังชักช้าเยี่ยงนี้ ป่านนี้แล้วยังไม่สำเร็จอีก!
คนผู้นี้ไม่เข้าท่ากว่าเขาเสียอีก!
พวกเขาไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลตายไปแล้ว
เพื่อความปลอดภัย พวกเขามิได้ใช้ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุดตรวจสอบสถานการณ์ในเขา ด้วยกลัวว่าพวกเซี่ยเหยียนจะรู้ตัว
“นี่หรือใกล้กลับมาแล้วที่เจ้าว่า?”
บรรพชนเผ่าฉงฉีหน้าเครียดกว่าเดิม พวกเขารอกันมาอีกพักหนึ่ง ทว่าผู้นำตระกูลหานกลับไม่โผล่มาแม้แต่เงา
“เผลอหลับไปกระมัง…”
“อะไรนะ!?”
บรรพชนเผ่าฉงฉีได้ยินคำตอบของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานแล้วพลันเดือดดาลจนเด้งตัวขึ้นมา
ยังมีกะจิตกะใจเล่นลิ้นกับมันอยู่หรือ!?
ดวงตาของมันจ้องผู้อาวุโสสูงสุดอย่างกราดเกรี้ยว สงสัยเหลือเกินว่าผู้อาวุโสสูงสุดปั่นหัวมันเล่น
“หามิได้ ข้าพูดผิดไป ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น!”
ผู้อาวุโสสูงสุดตอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เหตุใดข้าถึงโชคร้ายเยี่ยงนี้ ต้องมาพานพบพวกเจ้าสองคน!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีโมโหเป็นหนักหนา ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้นำเผ่าตระกูลหานไม่ได้เรื่องเลยสักนิด!
มันอยากจะไปเสียเดี๋ยวนี้ ไม่สนเรื่องวุ่น ๆ นี้อีกต่อไป ทว่าเพื่ออนาคตของเผ่าฉงฉี มันยังไปมิได้
ท้ายที่สุด สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนก็ต้องลงมายังอาณาจักรแห่งนี้ รอจนสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนมาถึงแล้วพวกมันค่อยสวามิภักดิ์ไม่แน่ว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะยอมรับพวกเขาหรือไม่
“ไม่สำเร็จหรือ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดชะงัก เพราะเห็นร่างของหลี่จิ่วเต้า ชายหนุ่มเดินออกจากหุบเขาลึกมาแล้ว และกลับไปถึงรถลากเรียบร้อย
จากนั้น พวกเซี่ยเหยียนก็ทยอยกลับมากันหมด
“เป็นไปได้อย่างไร”
เขาไม่อยากเชื่อ ผู้นำตระกูลจะห่วยปานใดก็ไม่มีทางจัดการปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าไม่ได้!
“พลาดแล้ว เกรงว่าคนผู้นี้จะมิใช่ปุถุชน!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีหรี่ตา “เกรงว่าพลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งเหลือแสน ผู้นำตระกูลคงประสบเคราะห์ร้ายไปแล้ว!”
เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้นำตระกูลไม่ยอมกลับมาเสียที
กลับมามองฝ่ายหลี่จิ่วเต้า ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้ามิใช่ปุถุชน เขาคงซ่อนพลังขอบเขตไว้ ผู้นำตระกูลคิดลงมือกับหลี่จิ่วเต้า แต่โดนชายหนุ่มเล่นงานกลับ
“ก่อนนี้ไม่มีวี่แววการต่อสู้ปรากฏ พลังของคนผู้นี้คงเหนือกว่าผู้นำตระกูลหลายเท่าตัว!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีมีสีหน้าเคร่งเครียด “แม้แต่พวกเราเองยังไม่อาจล่วงรู้ถึงพลังขอบเขตของเขา อย่างน้อย ๆ คนผู้นี้ต้องเป็นถึงจ้าวสูงสุด!”