“ตัวแทนหลิน…”
ห้องทำงานของแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้า เสิ่นชิงมองหลินเยวียนอย่างลำบากใจ “เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ”
หลินเยวียนบอก “ผมจะถ่ายหนังเรื่องใหม่ครับ”
เสิ่นชิงเอ่ยถาม “แล้ว…”
หลินเยวียนพูด “ผมยังขาดพ่อบ้านอยู่ครับ”
เสิ่นชิงผุดยิ้ม
เขาซึ่งเคยร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องเดียวกับหลินเยวียนย่อมรู้ว่า คำว่า ‘พ่อบ้าน’ ที่หลินเยวียนพูดถึงมีความหมายว่าโปรดิวเซอร์
ข่าวที่หลินเยวียนจะสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ได้แพร่ออกไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ เสิ่นชิงถูกหลินเยวียนเรียกมา เขาก็พอจะเดาเหตุผลได้บ้างแล้ว
เพียงแต่เขารู้สึกประหลาดใจ
นึกไม่ถึงว่าทั้งที่เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชื่นชอบเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ตัวแทนหลินยังยินดีให้เขารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องใหม่อีก…
ชั่วขณะนั้น เสิ่นชิงรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ
แน่นอนว่าเสิ่นชิงได้ยินว่าภาพยนตร์เรื่องใหม่ของหลินเยวียนไปสายระทึกขวัญ และไม่มีแผนว่าจะทำภาพยนตร์ชวนหัวไร้แก่นสาร
แต่แล้วอย่างไรล่ะ
หลังจากผ่านการร่วมงานกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าตัวแทนหลินจะทำภาพยนตร์แนวไหน เสิ่นชิงก็ไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง เขาเพียงพูดเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย
“ผมไม่มีปัญหา”
เสิ่นชิงยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ด้านนอกประตูก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “หัวหน้าพ่อบ้านไม่มีปัญหา ฉันเหล่าอี้ก็ยิ่งไม่มีปัญหา ตัวแทนหลินชี้อะไร ฉันก็ทำอย่างนั้น”
ผู้มาเยือนก็คืออี้เฉิงกง
เช้าวันนี้หลินเยวียนแจ้งให้พวกเขามา โปรดิวเซอร์และผู้กำกับเรื่องนักปรับเสียงเปียโน หลินเยวียนล้วนเลือกคนที่ตนคุ้นเคย
“ผู้กำกับอี้”
เสิ่นชิงเอ่ยทักทายอี้เฉิงกงอย่างยิ้มแย้ม ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่หลินเยวียนเลือกอี้เฉิงกงเป็นผู้กำกับต่อไป
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องใหม่จะข้ามประเภทเหลือเกิน แต่เสิ่นชิงก็รู้จักสไตล์ของหลินเยวียน
ภาพยนตร์ของตัวแทนหลินใช้นักเขียนบทเป็นหัวใจสำคัญตามแบบฉบับ
ดังนั้นในกองถ่ายของตัวแทนหลิน ผู้กำกับเป็นเพียงผู้ช่วยงาน ขอเพียงอี้เฉิงกงถ่ายทำไปตามบทก็ใช้ได้แล้ว
“บทอยู่นี่ครับ ทั้งสองท่านลองดู”
หลินเยวียนส่งบทภาพยนตร์เรื่องนักปรับเสียงเปียโนให้แต่ละคน
ทั้งสองไม่ได้พูดให้มากความ ก้มหน้าก้มตาอ่านเงียบๆ
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็อ่านบทจบแล้ว
อี้เฉิงกงเอ่ยชื่นชม “ออกแบบปมขัดแย้งหลักได้แยบยลมาก”
เสิ่นชิงซึ่งอยู่ด้านข้างรับต่อทันที “จัดการพล็อตทวิสต์หลายครั้งในบทได้ดีมาก ควรค่าแก่การขบคิดพิจารณา โดยเฉพาะตอนจบ…”
เสิ่นชิงอ่านบทเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศไม่เข้าใจ
แต่บทของเรื่องนักปรับเสียงเปียโน นับว่าเป็นบทภาพยนตร์ที่ได้เต็มสิบไม่หักสำหรับเสิ่นชิง!
ความคิดของเขาถูกต้อง!
ตัวแทนหลินเชี่ยวชาญการสร้างสรรค์บทภาพยนตร์ ทั้งประเภทและธีมเรื่องล้วนไม่สามารถตีกรอบฝีมือของตัวแทนหลินได้!
“เรื่องบทเอาไว้ก่อนก็ได้ครับ”
หลินเยวียนพูด “ที่ผมเชิญทั้งสองท่านมา เพราะอยากถามว่ามีนักแสดงแนะนำไหมครับ ผมหมายถึงบทตัวเอกชาย”
ช่วงนี้หลินเยวียนคัดเลือกนักแสดงด้วยตนเอง
แต่หลินเยวียนไม่ได้คุ้นเคยกับนักแสดงของฉินและฉี ฉะนั้นเขาคัดเลือกอยู่นาน ก็ยังไม่ได้คนที่เหมาะสม ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากอี้เฉิงกงและเสิ่นชิง
“จางหวา!”
เสิ่นชิงแทบโพล่งชื่อนี้ออกมาโดยไม่ต้องคิด “ผมคิดว่าจางหวาเหมาะกับบทพระเอกเรื่องนี้มากครับ!”
“คุณหัวหน้าพ่อบ้าน”
อี้เฉิงกงกล่าวอย่างจนใจ “เงินทุนของหนังเรื่องนี้ทั้งหมดสิบล้าน คุณคิดว่าหนังเราจะจ่ายค่าตัวนักแสดงดีกรีรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอย่างจางหวาได้ไหม”
จางหวาเป็นนักแสดงของสตาร์ไลท์ และเคยได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
และส่วนแบ่งกับค่าตัวของนักแสดงดีกรีรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ไม่ใช่สิ่งที่ภาพยนตร์ทุนต่ำสักเรื่องจะจ่ายไหว
เสิ่นชิงเอ่ยอย่างประดักประเดิด “ผมก็แค่เสนอคนที่ค่อนข้างเหมาะสม…งั้นหลี่เฉินหมิงล่ะครับ”
อี้เฉิงกงพูดอย่างอ่อนใจ “หลี่เฉินหมิงถึงจะไม่ใช่นักแสดงรางวัล แต่ก็ได้รับการเสนอชื่อถึงสองครั้ง ใครๆ ก็รู้เป็นนักแสดงแถวหน้าของฉินฉี ค่าตัวไม่ใช่ถูกๆ นะครับ”
“…”
เสิ่นชิงจนปัญญา และเสนออีกสองสามชื่อ
ปรากฏว่าถ้าไม่ค่าตัวสูงไป เงื่อนไขอื่นๆ ก็ไม่ค่อยตรงตามต้องการ เป็นอันว่ายังไม่สามารถตกลงเรื่องนักแสดงนำชายได้
หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร
ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับนักแสดงของฉินและฉี แต่นักแสดงที่เสิ่นชิงเสนอชื่อมานั้นล้วนจัดอยู่ในกลุ่มที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เขาย่อมต้องเคยได้ยินชื่อมาบ้าง
แท้จริงแล้ว
ในนั้นมีอย่างน้อยสามคนที่สามารถเก็บไว้พิจารณา ตัวอย่างเช่นจางหวา ทว่าเมื่อมีข้อจำกัดด้านเงินทุน จึงนับว่าไม่เหมาะสมนัก
ท้ายที่สุดเสิ่นชิงก็ร้อนรน จ้องมองอี้เฉิงกงพลางเอ่ย “งั้นคุณบอกตัวเลือกที่เหมาะสมมาเลยแล้วกัน”
หลินเยวียนมองไปทางอี้เฉิงกง
การคัดเลือกเฮ่อเซิ่งมาแสดงในเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ อี้เฉิงกงก็เป็นคนแนะนำ เห็นได้ชัดว่าอี้เฉิงกงมีสายตาเฉียบแหลมในการเลือกนักแสดง
“ผมมีนักแสดงคนหนึ่งจะแนะนำ…”
อี้เฉิงกงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “หลิ่วเจิ้งเหวินเป็นไงครับ”
“หลิ่วเจิ้งเหวิน?”
เสิ่นชิงชะงักไป หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างไม่มั่นใจ “ก็น่าจะได้อยู่นะครับ ถึงชื่อเสียงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเกิดเรื่องในกองถ่าย”
หลินเยวียนถาม “หลิ่วเจิ้งเหวินคือใครครับ”
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้จริงๆ
อี้เฉิงกงกล่าวกลั้วหัวเราะ “เมื่อสิบปีก่อนหลิ่วเจิ้งเหวินเป็นเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่ดังเชียวล่ะครับ แต่ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุในกองถ่าย เหมือนจะเป็นระเบิด ทำให้หลิ่วเจิ้งเหวินได้รับบาดเจ็บสาหัส พักงานในวงการไปสองปี ชื่อเสียงตกฮวบลง ยังไงวงการบันเทิงก็มาไวไปไว ไม่เท่าไหร่คนก็ลืม…”
“สิ่งที่ผมเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องชื่อเสียง”
เสิ่นชิงเอ่ยด้วยความกังวล “ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้หลิ่วเจิ้งเหวินเป็นยังไง ได้ยินว่าตอนนั้นได้รับบาดเจ็บ แถมเสียโฉมเล็กน้อย…”
ถ้าหากพิจารณาเรื่องชื่อเสียง…
ตัวประกอบอย่างเฮ่อเซิ่งยังเล่นถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศได้
หลิ่วเจิ้งเหวินพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ได้เปรียบเฮ่อเซิ่งก่อนหน้านี้
อี้เฉิงกงกล่าวกลั้วหัวเราะ “ผมดูหนังที่เขาเล่นช่วงนี้ ถึงจะไม่ได้มีเสียงตอบรับอะไร แต่ฝีมือการแสดงของเขาดีกว่าเมื่อก่อนมาก หน้าตาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แผลหลังผ่าตัดฟื้นตัวได้ดีมาก”
หลินเยวียนพูด “งั้นเชิญเขามาแคสต์ก็ได้ครับ”
“ได้ครับ”
เสิ่นชิงกล่าว “ถึงหลิ่วเจิ้งเหวินจะไม่ได้อยู่บริษัทเรา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปฏิเสธเรา เดี๋ยวผมจะติดต่อเขาไป พวกเราลองเลือกคนไว้เผื่อด้วยดีกว่าครับ กันไว้ดีกว่าแก้”
“ครับ”
หลังจากยืนยันตัวเลือกนักแสดงนำชายแล้ว อี้เฉิงกงก็เอ่ยขึ้น “ถ้าเป็นนักแสดงนำหญิง เลือกจากนักแสดงในบริษัทก็ได้นะครับ หนังที่บริษัทลงทุนต้องมีนักแสดงของบริษัทตัวเองแสดงบ้าง อีกอย่างนักแสดงนำหญิงของเรื่องนี้สำคัญเหมือนกัน”
เสิ่นชิงพยักหน้า
เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก่อนหน้านี้ นักแสดงนำหญิงจะเลือกนักแสดงแจกันดอกไม้มาสักคนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือการแสดงสูงนัก ขอเพียงรูปลักษณ์หน้าตาสะสวยก็ผ่านฉลุย
แต่เรื่องนักปรับเสียงเปียโนก่อนนี้ต่างออกไป
เพราะตัวเอกหญิงของเรื่องนี้ไม่ได้เป็นชู้รักของตัวเอกชาย หากแต่เป็นคู่ขัดแย้งที่สำคัญซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอกชายในเรื่องนี้ จำเป็นต้องใช้ทักษะในการแสดงสูงมาก!
นี่เป็นตัวละครเอกหญิงซึ่งไม่เป็นไปตามขนบ
ตามขนบทั่วไป ตัวละครเอกหญิงมักจะมีความสัมพันธ์กับตัวเอกชายในฐานะคนรัก ทว่าในภาพยนตร์เรื่องนักปรับเสียงเปียโน แฟนสาวของตัวละครเอกชายไม่ได้มีบทบาทสำคัญ เพียงแค่แนะนำและส่งพล็อตเรื่องต่อเท่านั้นเอง
เป็นไปตามนั้น
พวกเขาได้พิจารณาตัวเอกหญิงและตัวละครอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้กำหนดขอบเขตไว้ระดับหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากนี้ ก็เป็นขั้นตอนของการทดสอบหน้ากล้องแล้ว
……………………………………………….