ตอนที่ 301 กระบี่สังหารสี่ชีพ ห้าร้อยลำดับแรก!
“หนึ่งหอกพิพากษ์ฟ้าดิน!”
เมื่อเห็นกระบวนท่าสังหารของหนิงฝานที่พุ่งมา ฉินเจวี่ยอวิ๋นก็ดึงหอกเซียนออกมาในทันที ทั้งร่างกายเดือดพล่านไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ก่อนจะใช้หอกด้วยศาสตราในมือ
ปัง!
เมื่อหอกทะยานออกไปก็ทำให้ฟ้าดินแตกสลาย แสงหอกขนาดใหญ่ทะลวงเข้าไปในความว่างเปล่า
“เฉือน!”
เห็นเช่นนั้น หนิงฝานก็ฟาดฟันกระบี่ต้าหลัวเข้าใส่หอกที่กำลังพุ่งมา
ตู้มมม!
บังเกิดเสียงดังกึกก้อง หอกขนาดใหญ่พังทลายลง หลังจากนั้นปราณกระบี่ก็พุ่งฉิวเข้าใส่ฉินเจวี่ยอวิ๋น
“กระบี่เย้ยโลกา!”
“ดาบตัดสวรรค์!”
ฉินเจวี่ยเอ้าและฉินเจวี่ยเลี่ยระเบิดพลังรบอันบ้าคลั่งออกมา หนึ่งมือกระบี่ หนึ่งผู้ใช้ดาบ
ตู้มมมม! ตู้มมมม!
ขณะที่ทั้งสองใช้อาวุธของตน แสงกระบี่และดาบขนาดยาวก็ฟาดฟันเข้าปะทะกับกระบี่ต้าหลัว
ตู้ม!
ทว่าด้านบนท้องฟ้ากลับบังเกิดเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน พลังอันไร้ขอบเขตปะทุออกมา
“ไสหัวไป!” เห็นเช่นนั้น หนิงฝานก็คำรามลั่นก่อนจะวาดกระบี่ออกไป
ปัง! ปัง!
เมื่อกระบี่ต้าหลัวพุ่งผ่านไป ร่างของฉินเจวี่ยเอ้าและฉินเจวี่ยเลี่ยพลันโดนโจมตีจนต้องล่าถอยไปในบัดดล โลหิตราชันเซียนสาดกระเซ็น
ปัง!
เขาใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ ร่างของหนิงฝานหายไปก่อนที่จะปรากฏขึ้นบนศรีษะของฉินเจวี่ยอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
“ตาย!”
กระบี่สับฟันลงมา กลิ่นอายความตายพุ่งเข้าใส่ฉินเจวี่ยอวิ๋น!
“อ๊าก!”
“ไม่!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ฉินเจวี่ยอวิ๋นร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง กระบี่เล่มนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่อันตรายที่สุด
ตู้ม! ทันใดนั้น เขาระเบิดพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง พลังอันไร้ขอบเขตรวมตัวเข้าหากันเพื่อที่จะหยุดแสงกระบี่นั่น
แต่มันไร้ประโยชน์!
พริบตาที่กระบี่ฟาดฟันลงมา ร่างกายของเขาแหลกสลายในทันที กระทั่งวิญญาณเซียนยังถูกทำลายจนสิ้น
ฉินเจวี่ยอวิ๋น ตาย!
“บัดซบ! ตายอีกหนึ่งคนแล้ว!”
“หนิงฝานผู้นี้ จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“จักรพรรดิเซียนขั้นกลางมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย!”
“หรือว่าวันนี้… ตระกูลฉินทั้งสี่คนจะต้องพ่ายแพ้!”
“…”
เมื่อเห็นฉากเช่นนี้ ฝูงชนก็เริ่มพูดคุยกันเสียงดัง ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“เจวี่ยอวิ๋น!”
จิตใจของฉินเจวี่ยเอ้าและฉินเจวี่ยเลี่ยอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวด้วยความกลัว
แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ นอกจากความพยายามของพวกเขาแล้ว ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นอีก
“สู้ต่อไป!”
“วันนี้ มันไม่ตายก็เป็นพวกเราที่ตาย!”
ฉินเจวี่ยเอ้าและฉินเจวี่ยเลี่ยหันหน้ามองกัน นัยน์ตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้น ทั้งสองเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตต้นกำเนิด พลังในร่างเริ่มทวีคูณยิ่งขึ้น หลังจากนั้น ไม่ว่าจะรูปแบบการสังหารต่าง ๆ เคล็ดวิชาอันไร้เทียมทาน ทั้งคู่ต่างใช้ออกมาอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะสังหารหนิงฝานให้ได้!
“หึ!”
อย่างไรก็ตาม หนิงฝานกลับมิได้สนใจเลย
ต่อให้ทั้งสองคนจะบ้าคลั่งมากแค่ไหน เขาก็ยังคงไร้ผู้ต่อกร หนึ่งคนหนึ่งกระบี่นับว่ามากพอที่จะบดขยี้คนทั้งสอง!
ปัง!
คล้อยหลังไม่กี่ลมหายใจ ฉินเจวี่ยเลี่ยตายตกลงในลานประลองอย่างน่าอนาถด้วยพลังอันไร้เทียมทานของหนิงฝาน!
บึ้ม!
ยังคงเป็นกระบี่เล่มเดิมที่ฟาดฟันลงไป โลหิตของฉินเจวี่ยเอ้าสาดกระเซ็นในความว่างเปล่า ร่างกายและวิญญาณเซียนต่างแหลกลาญไม่เหลือซาก!
ท้ายที่สุด เมื่อแสงสว่างจางหายไป บนลานประลองเซียนก็กลับไปสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ตระกูลฉินทั้งสี่คนถูกทำลายจนสิ้น!
ตู้ม!
แม้จะคาดเดาเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้น เหล่าฝูงชนก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงพูดคุยกัน
“จริงหรือนี่! ตระกูลฉินทั้งสี่คนตายหมดแล้ว!”
“หากนับรวมฉินเจวี่ยหลิงไปด้วย ตระกูลฉินทั้งเจ็ดคนถูกหนิงฝานสังหารไปถึงห้าคนแล้ว!”
“หึหึ ตระกูลฉินทั้งเจ็ดคน ต่อไปคงไม่มีชื่อนี้อีกแล้ว!”
“หนิงฝานช่างแข็งแกร่งนัก เป็นเพียงราชาเซียนขั้นสูงสุด แต่กลับสังหารจักรพรรดิเซียนขั้นกลางได้อย่างง่ายดาย!”
“นึกไม่ออกเลยว่า หากเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิเซียนแล้วจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด เกรงว่าจะเทียบเท่าจักรพรรดิทั้งสิบเสียด้วยซ้ำ!”
“…”
ตอนนี้ จักรพรรดิอวี่เงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า! ดีมาก!”
กลับกันสีหน้าของจักรพรรดิหลิงแปรเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ยิ่ง ราวกับว่ากลืนแมลงวันลงไปอย่างไรอย่างนั้น
“หึ! จักรพรรดิหลิง เจ้าแพ้อีกแล้ว เกราะเซียนหลิงเทียนคงต้องตกเป็นของข้าแล้วล่ะ!”
เมื่อจักรพรรดิอวี่พูดเรื่องการเดิมพันขึ้นมา ใบหน้าของจักรพรรดิหลิงก็ยิ่งมืดครึ้ม เขาทำได้เพียงส่งมอบเกราะเซียนให้กับจักรพรรดิอวี่ด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด
“จักรพรรดิอวี่ เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าจบทีเดียว ข้าจะต้องเอาสมบัติเซียนของข้ากลับคืนมาให้ได้!”
จักรพรรดิหลิงเอ่ยคำอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อและหายไปในความว่างเปล่า
แล้วเสียงกังวานก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งราชวงศ์เซียนฮวงเทียน
“ยินดีกับชัยชนะของหนิงฝาน เลื่อนขั้นไปอยู่ลำดับที่หนึ่งพันเก้าร้อย!”
“ยินดีกับชัยชนะของหนิงฝาน เลื่อนขั้นไปอยู่ลำดับที่หนึ่งพันห้าร้อย!”
“ยินดีกับชัยชนะของหนิงฝาน เลื่อนขั้นไปอยู่ลำดับที่แปดร้อยสิบ!”
“ยินดีกับชัยชนะของหนิงฝาน เลื่อนขั้นไปอยู่ลำดับที่สี่ร้อยแปดสิบ!”
ป้ายเซียนฮวงเทียนในมือของหนิงฝานส่องแสงออกมาติดต่อกัน เพียงชั่วพริบตา เขาเลื่อนจากลำดับที่สองพันห้าร้อยมาถึงลำดับที่สี่ร้อยแปดสิบ!
“บัดซบ! ต่อสู้แค่ครั้งเดียวกลับก้าวข้ามไปกว่าสองพันลำดับ ช่างเป็นผู้ที่บ้าคลั่งเสียจริง!”
“การเลื่อนลำดับรวดเร็วถึงเพียงนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนและในอนาคตคงจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน!”
“สุดยอด! นี่มันสุดยอดมาก! จะไม่ให้เคารพเขาได้อย่างไร!”
ฝูงชนโดยรอบยังคงสนทนากันอย่างไม่รู้จบ สีหน้าของผู้คนมากมายเต็มไปด้วยความอิจฉา
จำต้องรู้ว่า สามพันเซียนฮวงเทียนมีการจัดลำดับอันเข้มงวด หากต้องการเลื่อนลำดับขั้น ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พบเจอกับความยากลำบาก และการเลื่อนลำดับไปหลายขั้นเช่นนี้ล้วนทำให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย
สำหรับหนิงฝานที่ต่อสู้เพียงครั้งเดียว แต่กลับข้ามขั้นมาถึงสองพันกว่าลำดับ เห็นได้ชัดว่าน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
“อืม! ลำดับที่สี่ร้อยแปดสิบ ก็ไม่เลว!”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสะบัดป้าย พลันลานประลองเซียนก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
พรึ่บ!
จักรพรรดิอวี่ก้าวพริบตามาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของหนิงฝาน เขายิ้มบาง ๆ พลางกล่าวว่า “หนิงฝาน ยินดีด้วยกับความสำเร็จในลำดับห้าร้อยคนแรกแห่งผู้แข็งแกร่ง!!”
“จักรพรรดิอวี่ ท่านชมเกินไปแล้ว!”
หนิงฝานยิ้มรับอย่างสุภาพ
“หึหึ ไม่เกินไปเลยสักนิด!”
จักรพรรดิอวี่ส่ายหัวและหัวเราะเบา ๆ “เวลาสั้น ๆ เพียงเจ็ดร้อยปี ลำดับขั้นผู้แข็งแกร่งในตอนแรกมีสามพันคน แต่วันนี้เหลือเพียงสี่ร้อยแปดสิบคน ความสำเร็จในการต่อสู้เช่นนี้ นอกจากเจ้าแล้วก็มิเคยมีมาก่อน และเกรงว่าต่อไปในอนาคตมันก็คงไม่มีอีกแล้ว!”
เห็นได้ชัดว่ากับหนิงฝานแล้ว จักรพรรดิอวี่ชื่นชมเขาจากใจจริง ๆ
หลังจากชื่นชมเสร็จ จักรพรรดิอวี่ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “หนิงฝาน การเติบโตของเจ้าไปไกลเกินกว่าที่ข้าคาดเดาเอาไว้มาก บางทีเจ้าอาจดึงดูดความสนใจขององค์ราชันได้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้ามิใช่อยากให้องค์ราชันสนใจในตัวเจ้าหรอกหรือ วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปร้องขอเพื่อเข้าพบกับท่านองค์ราชันด้วยตนเอง!”
“ขอบคุณจักรพรรดิอวี่!” ได้ยินเช่นนั้น หนิงฝานก็ดีใจขึ้นมาทันที
แม้ว่าเดิมที เป้าหมายของเขาคือการเติบโตจนถึงขั้นที่สามารถเอาชนะองค์ราชันได้ แล้วค่อยไปพบอีกฝ่าย
แต่วันนี้โอกาสในการพบเจอองค์ราชันมาถึงแล้ว เขาเองก็ไม่อยากเสียโอกาสไป
เพราะตั้งแต่แยกจากหลัวชิงเซียนในโลกมนุษย์มาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งพันห้าร้อยปีแล้ว
ตลอดเวลาหนึ่งพันห้าร้อยปีมานี้ เขาคิดมาตลอดว่าต้องการตามหาหลัวชิงเซียนให้พบ
หากสามารถรู้เบาะแสของบงกชเซียนเก้ากลีบจากองค์ราชันได้ก่อน เขาก็จะยอมร้องขอ
“ดี!”
“ตามข้ามา!”
จักรพรรดิอวี่พยักหน้า จากนั้นก็พาหนิงฝานไปพบกับองค์ราชัน