ความคิดของอสูรทารกสิ้นสุดลง ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด แต่เป็นเพราะมันถูกเผาจนกลายสภาพเป็นแอ่งน้ำสีดำโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
เสียงน้ำกระทบพื้นดังขึ้นทันทีที่ของเหลวสีดำนั้นร่วงลงกับพื้น!
กระแสแห่งความทุกข์สลายหายไป ในที่สุดทั้งห้องก็กลับคืนสู่ความสงบสุข คนที่นอนอยู่บนพื้นยกมือขึ้นกุมหน้าผากของตัวเองราวกับไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ขณะที่กำลังสะบัดศีรษะอยู่นั้น พวกเขาก็สังเกตเห็นซากศพหนูที่ตายอยู่ข้างตัว ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด พลันรีบยกขาขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ก้าวขาออกไป พวกเขาก็ถูกองครักษ์เงาของราชวงศ์ล้อมเอาไว้
ตอนนั้นเองเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงตระหนักได้ว่าองค์ชายไม่ได้เข้ามาที่นี่เพียงลำพัง แต่เขากลับเตรียมกองกำลังสำหรับซุ่มโจมตีเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“พาตัวไปให้หมด” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองมู่หรงหงตู๋ที่ถูกอัดเข้ากับกำแพงอย่างไม่สนใจไยดี แสงสลัวภายในห้องขับเน้นให้เห็นถึงฐานะอันไม่ธรรมดา และสะท้อนรัศมีอันสูงส่งของเขาออกมา เขาสั่งว่า ”ป่าวประกาศไปว่าแม่ทัพมู่หรงฉ้อโกงด้วยการรับเงินสินบน”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เงาจัดการทุกสิ่งได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังสามารถปิดบังความลับได้เป็นอย่างดี พวกเขาไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ ให้ตามสืบได้ด้วยซ้ำ พวกเขาทำให้ห้องทั้งห้องกลับมาอยู่ในสภาพเดิม และทหารที่อยู่ทั้งในห้องและนอกห้องต่างก็ถูกแทนที่ด้วยคนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างลับๆ แม้กระทั่งบรรดาผู้จัดการประมูลก็ยังไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ห้องทั้งห้องก็ยังถูกเขตอาคมกั้นเอาไว้ ดังนั้นไม่ว่าภายในห้องจะเสียงดังวุ่นวายเพียงใด คนที่อยู่ภายนอกก็ไม่มีใครได้ยินเสียงนั้นแม้แต่นิดเดียว
อวิ๋นปี้ลั่วถูกพาตัวออกไป ส่วนคนอื่นๆ นั้นก็ไม่ได้อยู่ประจำตำแหน่งของตนอีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นภาพที่องครักษ์เงาเดินกันทั่วห้องเช่นนี้ ในเวลานั้นพวกเขากำลังพยายามคิดหาหนทางที่จะสามารถรับประกันได้ว่าอวิ๋นปี้ลั่วจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่มีใครรู้อยู่
แต่ในตอนนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ถูกคนพวกนั้นพาตัวออกมาจากห้องก็ได้ข้อมูลทุกอย่างที่นางต้องการมาไว้ในมือแล้ว
แต่ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวดี โดยเฉพาะตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับห้องที่เต็มไปด้วยซากศพเช่นนั้น มันทำให้นางเสียวสันหลังวาบ
แม้ว่าอสูรทารกตนนั้นจะหายไปแล้ว แต่เพียงแค่ต้องอยู่ในห้องนั้นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมา
แต่องค์ชายกลับดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบนั้นแต่อย่างใด อย่าว่าแต่ไม่ได้รับผลกระทบเลย เขายังสามารถกางเขตอาคมเพิ่มได้อีกชั้นหลังจากที่องครักษ์พวกนั้นออกไปแล้วได้ด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็ผลักเฮ่อเหลียนเวยเวยกระแทกเข้ากับประตูไม้ แสงไฟที่แกว่งอยู่สาดแสงลงบนโครงหน้าคมเข้มของเขาจนเกิดเป็นเงา ดวงตาของเขาชวนให้ลุ่มหลงยิ่งกว่าส่วนอื่นใดบนใบหน้า พวกมันดูราวกับหินอำพันที่งดงามอย่างที่สุด
เฮ่อเหลียนเวยเวยผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ นางได้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ลอยออกมาจากร่างของชายคนนี้ ดวงตาเสน่หาที่เคยเย็นชาราวกับน้ำแข็งนั้นตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศอันตราย
เมื่อตาของทั้งสองสบกัน จู่ๆ ภาพตอนที่นางจุมพิตหน้าผากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก่อนหน้านี้ก็แล่นเข้ามาในหัวของนาง
นางแอบมองเขา แล้วพยายามหันหน้าไปอีกทางด้วยความกระอักกระอ่วน นางกำลังคิดว่าจะสะบัดหน้าหนี แล้วขยับตัวให้ห่างจากเขา แต่ใครเล่าจะรู้ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะใช้แขนของตนกักขังนางเอาไว้ในระยะไม่ถึงหนึ่งชุ่น แล้วโน้มตัวเข้ามาหานาง จากนั้นจึงกระซิบข้างหูนางว่า ”เจ้ากล้าจูบข้าหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว แต่ในตอนที่นางกำลังจะตอบกลับไป ริมฝีปากของนางก็ถูกใครคนหนึ่งปิดเอาไว้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกดร่างของนางเอาไว้ด้วยพละกำลังมหาศาล ป้องกันไม่ให้นางหนีออกไปได้
สายตาอันยากจะต้านทาน การกระทำ และลมหายใจของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของนางอย่างจัง
“อืม…” เฮ่อเหลียนเวยเวยพยายามหลบด้วยการขยับศีรษะ แต่ด้านหลังศีรษะของนางก็ถูกมือของใครบางคนยึดเอาไว้อย่างแรง เรียกร้องสัมผัสอันแนบชิดยิ่งขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังแลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันอยู่
นางพยายามหลบลิ้นไม่ให้อีกฝ่ายดูด แต่การกระทำนั้นกลับไม่ต่างอะไรจากการตอบสนองเขา
สายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ่งดูลึกล้ำในยามที่เขาดูดกลืนลิ้นของเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาผละมือออกจากข้อมือของนาง แล้วสอดมือของตัวเองเข้าไปสัมผัสร่างกายท่อนบนของนางผ่านทางสาบเสื้อ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่น สัมผัสอันเย็นเยียบนี้ทำให้นางไม่อาจคว้าจับสิ่งใดได้ นางทำได้เพียงหายใจหนักๆ ออกมา นางอยากจะผลักเขาออก
ใช่ว่านางจะไม่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้น ตรงกันข้าม เพราะเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินทุกสิ่งอย่างชัดเจนต่างหาก ร่างทั้งร่างของนางถึงได้สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้
สัมผัสจากมือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ่งดุดันและรุนแรงขึ้น เขาหยุดลูบไล้จุดอ่อนอันยากจะต้านทานบนหน้าอกของนางไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ร่างกายของเฮ่อเหลียนเวยเวยสั่นระริกราวกับว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดในร่างของนางถูกไฟฟ้าช็อตอย่างแรง
“เจ้ารู้สึกดีหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังพรมจูบและดูดซอกคอของนางอยู่ พร้อมกับสัมผัสหนึ่งในจุดอ่อนไหวของนางไปด้วย ทำให้นางรู้สึกชาหนึบอย่างรุนแรง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหมือนกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก แม้นางจะพยายามขัดขืนเพียงใด แต่สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ก็มีเพียงแค่การบิดตัวตามสัญชาตญาณเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่มีทางหนีไปจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้เลย
“เจ้าอยากรู้สึกสบายตัวมากกว่านี้หรือเปล่า…” น้ำเสียงอันมีมนต์เสน่ห์ของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดังก้องอยู่ในหูของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะนางเคยผ่านการร่วมรักมาแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้ยากจะต้านทานเป็นอย่างยิ่ง
นางผลักเขาออก แต่ร่างของนางกลับร่ำร้องหาความอภิรมย์มากยิ่งขึ้นโดยสัญชาตญาณ…
“เจ้าจะไม่ตอบหรือ” ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพราวระยับ เขาหยุดการเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง แล้วฝังใบหน้าของตนลงกับหน้าอกของนาง และขบจุดอ่อนของนางที่อยู่ใต้ชุดนั้น
ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้นะ…
ขาทั้งสองข้างของเฮ่อเหลียนเวยเวยสั่นระริก เส้นผมของนางยุ่งเหยิง นางแนบหน้าผากของตนเข้ากับไหล่ของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วกัดริมฝีปากแน่น นางดูอ่อนแอเป็นอย่างยิ่งในสายตาของตัวเอง
“ดื้อเสียจริง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูดติ่งหูของเฮ่อเหลียนเวยเวย บนใบหน้าหล่อเหลานั้นเผยเสน่ห์อันชั่วร้ายออกมาให้เห็น ”เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่เจ้าแต่งกายเป็นผู้ชาย มันยิ่งกระตุ้นความปรารถนาให้ข้าอยากจะกดเจ้าเอาไว้ใต้ร่างแล้วทำลายเจ้าเสีย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ว่าคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระแทกเข้ากับเนื้อเยื่อสมองของนางพร้อมกับจูบของเขา แขนขาและจุดอ่อนไหวบนหน้าอกของนางคล้ายกับจะไม่ได้เป็นของนางอีกต่อไป
นางไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ทว่ากลับทำได้เพียงแค่ยืดคอขึ้นเพราะแรงที่เพิ่มขึ้นของเขา สัมผัสอันแสนเอาแต่ใจแต่ก็อ่อนโยนของเขาทำให้หัวใจของนางแทบจะหยุดเต้น
ตอนที่นางถูกวางยา นางรู้สึกเพียงว่าร่างกายของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นเย็นยะเยือกสำหรับนาง อุณหภูมิร่างกายของนางจะลดลงทันทีที่เขาทาบทับร่างลงมา
ส่วนความรู้สึกอื่นๆ นั้น นางจดจำพวกมันได้ไม่ชัดเจนนัก
นางจำได้เพียงตอนที่นางถูกสั่งให้นั่งลงบนตักเขา และทุ่มความพยายามทั้งหมดเพื่อให้ผ่านพ้นมันไปได้
นางลุ่มหลงมัวเมาและรู้สึกเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น
แต่นางก็ยังไม่ได้สัมผัสกับรสชาติที่แท้จริงของมันดีนัก
เช้าวันต่อมาตอนที่นางลืมตาตื่นขึ้น สิ่งเดียวที่นางรู้สึกก็คือความเจ็บปวด
ผู้ชายคนนี้ไม่คิดจะแยแสนางแม้แต่น้อยตอนที่เขาทำเรื่องพวกนั้น
เขาไม่ได้แค่กระตือรือร้นกับเรื่องพวกนั้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังค่อนข้างน่าดึงดูดอีกด้วย
นางสงสัยยิ่งนักว่าเขาไปเรียนเรื่องพวกนี้มาจากไหน
ชั่วร้าย ช่างชั่วร้ายเสียไม่มี!
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่านางอ่อนแอเกินกว่าจะขัดขืนได้ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะผ่อนคลายร่างกายของตนแทน ”ถ้า อืม… ถ้าข้าเป็นองค์ชาย ข้าคงไม่เลือกที่จะข่มขู่และล่อลวงเหยื่อให้เข้ามาติดกับในห้องนี้แน่”