การมาถึงขององค์ชายสามแก้ไขปัญหาการเผชิญหน้ากัน คนของแต่ละฝ่ายเตรียมตัวมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันด้วยความชุลมุน
เมื่อเห็นหลี่จวิ้นโส่วเก็บพระราชโองการขึ้นม้าไป โจวเสวียนเดินไปข้างกายเขา ส่งเสียงหัวเราะสองครั้ง “เหตุใดใต้เท้าหลี่จึงไม่แสดงหน้าที่ของขุนนาง ยอมสละชีพตามหน้าที่เมื่อเผชิญหน้ากับองค์ชายสาม พูดอย่างสูงส่ง แต่แท้จริงก็เกรงกลัวอำนาจ”
หลี่จวิ้นโส่วไม่สนใจการเย้ยหยันของเขา การกระทำของเขาจะเรียกว่าเกรงกลัวอำนาจได้อย่างไร องค์ชายสามตรัสแล้วว่าทรงทูลขอฝ่าบาทแล้ว อีกทั้งฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว นอกจากนี้เขายังติดตามไปด้วย ไม่ได้ปล่อยเฉินตันจูไปโดยไม่สนใจ
โจวเสวียนต้องการพูดบางอย่าง จากนั้นเขาก็เห็นองค์ชายสามและเฉินตันจูเดินไปทางรถม้า เขาจึงรีบทิ้งหลี่จวิ้นโส่วไล่ตามไป
“อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” องค์ชายสามเอ่ยถาม พินิจเฉินตันจูอย่างละเอียด ยื่นมือออกไปเพื่อพยุงเฉินตันจูขึ้นรถ
อาเถียนไม่รู้ว่าควรยื่นมือออกมาหรือว่าถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว
โจวเสวียนเบียดตัวเข้ามา จับแขนของเฉินตันจู ยกนางส่งขึ้นไปยังรถม้า
“นางได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เขาพูดต่อองค์ชายสาม “อีกทั้งยังเร่งรีบในการเดินทาง รีบให้นางพักผ่อนเถิด”
เฉินตันจูจับประตูของตัวรถประคองเอาไว้ ไม่ได้ถูกโจวเสวียนยัดเข้าไปภายในรถ นางกล่าวขอบคุณต่อองค์ชายสาม “หม่อมฉันยังสบายดี ท่านได้ไปหาท่านแม่ทัพแล้วหรือไม่”
องค์ชายสามมองใบหน้าซีดเซียวของเฉินตันจู อีกทั้งดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักก่อนหน้านี้ เสียงของนางก็แหบพร่า เหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียอย่างมาก
“ข้าไม่ได้ไปดูท่านแม่ทัพ” เขาพูด
โจวเสวียนพูด “ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ ทางด้านท่านแม่ทัพนั้น นอกจากฝ่าบาท ผู้อื่นล้วนเข้าไปไม่ได้ รีบเข้าไปเถิด ท่านสามารถไปดูด้วยตนเองได้แล้ว”
องค์ชายสามยกมือให้เฉินตันจู “รีบเข้าไปเถิด” ก่อนจะพูดต่อ “อย่าร้องไห้เลย”
เฉินตันจูพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้ารถไป
โจวเสวียนพูดกับองค์ชายสาม “องค์ชายสาม ทรงรีบขึ้นรถเถิด พวกเรารีบเดินทางไป” พูดพลางเดินตามเฉินตันจูเข้ารถไป
อาเถียนกระทืบเท้าอยู่ด้านข้าง ทำได้เพียงนั่งอยู่นอกรถต่อไป
องค์ชายสามมองม่านรถที่คล้อยลง หันหลังเดินจากไป
หลี่จวิ้นโส่วมองเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง ดวงตาลุกพราว ข่าวลือล้วนไม่ได้มาโดยไม่มีมูล ท่านโหวโจวก็ดี องค์ชายสามก็ดี ความคิดของเหล่าชายหนุ่ม หลับตาก็ยังมองออก!
โอย มิน่าเมื่อฝ่าบาทตรัสถึงเฉินตันจูก็ปวดหัว
รถม้าของเฉินตันจูเคลื่อนที่ไปด้านหน้า รถม้าขององค์ชายสามตามติดอยู่ด้านหลัง กองกำลังนำอยู่ด้านหน้า ด้านหลังมีหลี่จวิ้นโส่วนำเหล่าทหาร คนขบวนหนึ่งเดินทางอยู่บนถนน
ไม่ช้าก็เดินทางมาถึงค่ายทหาร เมื่อเห็นขบวนของพวกเขา ทหารเฝ้าค่ายไม่ได้กีดขวาง แต่เมื่อเฉินตันจูกระโดดลงจากรถ วิ่งไปทางกระโจมแม่ทัพหน้ากากเหล็กนั้น นางก็ถูกรั้งเอาไว้
“ข้าเอง” เฉินตันจูพูดกับทหารจงเว่ย ชี้ไปที่ตนเอง “ข้าเฉินตันจู! ข้ากลับมาแล้ว” พูดพลางหลั่งน้ำตาลงมา “ข้ารอดกลับมาแล้ว…พวกท่านรีบให้ข้าเข้าไปพบท่านแม่ทัพ…”
หวังเจียนนั่งยองอยู่ในกระโจม แอบเหล่ตามองจากรูด้านใน ถึงแม้จะถูกปิดกั้นด้วยทหารหลายชั้น คนมากระยะไกล มองไม่เห็นใบหน้า แต่เขายังคงสามารถมองออกจากท่าทาง หญิงสาวผู้นั้นกำลังร้องไห้
เขาส่งเสียงโอยสองครั้ง “ร้องไห้หรือ ร้องไห้เสียงดังเชียว” ก่อนจะหันกลับไปมองแม่ทัพหน้ากากเหล็กบนเตียงด้านหลังฉากกั้นราวกับยังคงหลับใหล “ท่านไม่มาดูหรือ?”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กยื่นมือถอดหน้ากากเหล็กลง ถือไว้ในมือส่ายศีรษะไปมาเบาๆ พูด “ร้องไห้แล้วไม่งาม”
หวังเจียนเบ้ปาก เบนสายตาเดินเข้าใกล้ มองหน้ากากที่ถูกชายหนุ่มถือไว้ในมือ แต่ก่อนหน้ากากใบนี้ นอกจากอาบน้ำกินข้าว ไม่เคยออกห่างจากใบหน้าของเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลายวันก่อนถอดออกเป็นเวลานานจนกลายเป็นความเคยชินหรือไม่ เขามักจะถอดออกมาถือไว้ดูในมือ
“ท่านไม่อยากสวมใส่มันแล้วหรือ” หวังเจียนถาม
องค์ชายหกถือหน้ากาก เอ่ย “ข้ายังคิดไม่ตก”
คิดจริงหรือ หวังเจียนเดินมาริมขอบเตียง “ตอนนั้นบอกว่า…”
องค์ชายหกพูดต่อจากเขา “แผ่นดินมั่นคง ท่านแม่ทัพย่อมสามารถเกษียณ ตายอย่างสงบได้แล้ว”
อันที่จริงหวังเจียนไม่สนใจเรื่องนี้ เขาเพียงแค่สนใจอีกเรื่อง “ท่านแม่ทัพตาย ท่านก็ต้องหายไป”
หายไปหรือ เมื่อบนแผ่นดินนี้ไม่มีแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ย่อมไม่มีองค์ชายหก มันเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญในเวลานั้น
“ตอนนั้นทูลขอฝ่าบาทยินยอมให้ท่านทดแทนแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ฝ่าบาททรงให้ท่านคิดให้ดี เมื่อสวมหน้ากากใบนี้ ท่านก็เป็นแค่แม่ทัพหน้ากากเหล็ก เป็นขุนนาง หนึ่งวันเป็นขุนนาง ชั่วชีวิตเป็นขุนนาง ต่อไปหากแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่อยู่แล้ว ท่านจะทำอย่างไร ท่านบอกว่าท่านไม่เป็นองค์ชายหกอีก ต่อจากนี้เป็นคนที่ไร้ชื่อไร้แซ่ อยู่อย่างอิสระไปทั่วทุกถิ่น”
วันนั้นเดินทางมาถึงรวดเร็วเพียงนี้?
หวังเจียนทั้งเศร้าโศกทั้งตื่นเต้นเล็กน้อย หลายปีนี้ องค์ชายหกถูกกักขังไว้ในร่างกายของคนชรา เขาเองก็ถูกกักขังไว้ตรงนี้
การทิ้งทุกอย่าง ร่อนเร่อิสระไปทั่วทุกหนแห่งช่างเป็นความปรารถนายิ่งนัก
สายตาของหวังเจียนฉายแววตื่นเต้น “อันที่จริงจบสิ้นในเวลานี้ก็ไม่เลว หากท่านคิดดีแล้วพวกเราก็…”
องค์ชายหกพูดขัดเขา “ข้ายังคิดไม่ตก กำลังคิดอยู่”
ตกลงว่าคิดหรือยังไม่คิด หวังเจียนทำหน้าบึ้ง “มีสิ่งใดต้องคิดมากกัน!”
การทดแทนแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ง่าย แต่การไม่ทดแทนแม่ทัพหน้ากากเหล็กอีกเป็นเรื่องง่ายมาก เพียงแค่คนนอนลงหลับตาหยุดหายใจก็เพียงพอแล้ว
องค์ชายหกไม่ตอบ วางหน้ากากเหล็กไว้บนหน้า “คุณหนูตันจูมาแล้วหรือ”
หวังเจียนส่งเสียงไม่พอใจ “มาแล้ว กำลังร้องไห้จะพบท่านพ่อ ท่านจะพบหรือไม่”
องค์ชายหกเอ่ย “ข้าต้องคิดเช่นเดียวกัน”
เรื่องนี้ก็ต้องคิด! เหตุใดจึงกลายเป็นคนแปลกประหลาด หวังเจียนพูด “แม่ทัพหน้ากากเหล็กเด็ดขาดกว่าเสียจริง ทำการสิ่งใดไม่เคยยืดเยื้อ”
องค์ชายหกหัวเราะภายใต้หน้ากากเหล็ก “เจ้าออกไปดูก่อนเถิด ให้นางอย่าร้องไห้”
…
หวังเจียนเดินผ่านทหารนับชั้นเข้ามา ไม่รอเขาพูด เฉินตันจูก็พุ่งตัวมาจับเขาเอาไว้
“ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง” นางถามระรัว “ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงสาวร้องไห้ได้อย่างจริงใจ หวังเจียนไม่อาจจะตำหนินางได้ แต่ภายในใจยังคงไม่พอใจ ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง ท่านแม่ทัพเป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า!
“ท่านแม่ทัพไม่ดีนัก” หวังเจียนพูดด้วยใบหน้าบึ้ง “เวลานี้ไม่อาจพบเจ้าได้”
เฉินตันจูพูดอย่างรีบร้อน “ให้ข้าดูอยู่ด้านนอกกระโจมได้หรือไม่”
โจวเสวียนพูดอยู่ด้านหลัง “หวังไต้ฟู ให้นางดูเถิด ใต้เท้าหลี่รอจับคุณหนูตันจูเข้าคุกหลวงอยู่ อย่าทำให้ผู้อื่นต้องรอ”
หลี่จวิ้นโส่วคิดภายในใจ ข้ายืนอยู่ด้านหลังเพียงนี้ ท่านยังไม่ลืมข้าอีกหรือ เวลานี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึงข้า
หวังเจียนกวาดตามองคนกลุ่มนี้ มีท่านโหว มีองค์ชายสาม มีขุนนางหลวง มีองครักษ์ อีกทั้งยังมีขันที… “เหตุใดจึงมีคนมามากมายเพียงนี้”
องค์ชายสามพูดด้วยความรู้สึกผิด “พวกข้าต่างกังวลเรื่องท่านแม่ทัพ รบกวนด้วย”
เฉินตันจูพูดพลางร้องไห้ “พวกเขาช่วยข้า หากไม่ใช่พวกเขา ข้าคงมาค่ายทหารไม่ได้ หวังไต้ฟู ข้ารู้ว่าเป็นเพราะข้า เพราะข้าทำให้ท่านแม่ทัพเป็นเช่นนี้ ท่านให้ข้าดูสักครั้งเถิด มิฉะนั้นข้าคงตายอย่างกังวลใจ”
หวังเจียนหูอื้อเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของนาง พูด “เอาเถิด เอาเถิด เจ้าไปพักผ่อน รอชั่วครู่ หากข้าเห็นท่านแม่ทัพดีขึ้น จะให้เจ้ามาดู”
ในที่สุดเฉินตันจูก็วางใจลงครึ่งหนึ่ง พยักหน้าตอบรับ
โจวเสวียนถามตามหลัง “รอนานเพียงใด”
หวังเจียนมองเขาและองค์ชายสาม “ท่านโหวและองค์ชายไม่ต้องรอ”
องค์ชายสามไม่พูด โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจ ชี้ไปยังหลี่จวิ้นโส่วที่อยู่ด้านหลัง “ขุนนางที่รอจับคุณหนูตันจูยังอยู่ องค์ชายสามเป็นหลักประกัน มิฉะนั้นพวกเราคงไม่รอ”
หวังเจียนเหลือบมองหลี่จวิ้นโส่ว หลี่จวิ้นโส่วทำได้เพียงหยิบพระราชโองการออกมา “ขออภัย มีหน้าที่ติดตัว”
เอาเถิด เอาเถิด หวังเจียนเรียกเฟิงหลิน ให้เขาเตรียมที่พักให้คุณหนูตันจูกับคนเหล่านี้
เฟิงหลินนำพวกเขาไป หวังเจียนยืนมองส่งอยู่ที่เดิม สายตาวนเวียนไปมาอยู่บนตัวคนกลุ่มนี้ สายตาของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้งชั่วขณะ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
“จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว?” องค์ชายหกบนเตียงถามขึ้นทันที
หวังเจียนไม่ตอบ เดินมาพูดเสียงเบา “เรื่องผิดปกติ”