คำพูดของเฉินตันจูทำให้บรรยากาศภายในกระโจมชะงักไปชั่วครู่
องค์ชายสามมองเฉินตันจูด้วยสายตาที่เศร้าโศกและเจ็บปวด
“ตันจู อันที่จริงข้าเดาว่าเรื่องนี้ไม่อาจปิดบังเจ้าได้” เขาพูดเสียงเบา “แต่ข้าไม่มีวิธีอื่นแล้ว โอกาสนี้ข้าไม่อาจพลาดได้”
“โอกาสอันใด การฆ่าท่านแม่ทัพถือเป็นโอกาสอันใด…” เฉินตันจูกัดฟันตะโกนเสียงเบา นางทำท่าจะพุ่งตรงไปหาเขา แต่โจวเสวียนยื่นมือจับนางเอาไว้
เสี่ยวป่ายเองก็เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ภายในแขนเสื้อมีเงาของมีดสั้น หากหญิงสาวผู้นี้ตะโกนออกมา…
องค์ชายสามพูด “ถอยลงไป”
เสี่ยวป่ายปล่อยมือถอยหลังกลับไป
เฉินตันจูมองเขา “พวก…” ก่อนจะมองโจวเสวียนที่จับตนเองเอาไว้ “ท่าน จะฆ่าข้าปิดปากหรือ ตรงนี้คงไม่สะดวกกระมัง ด้านนอกเป็นค่ายทหาร”
สายตาของนางจับจ้องไปบนตัวของเสี่ยวป่าย ถึงแม้เสี่ยวป่ายจะถอยหลังไป แต่เขายังคงอยู่ในท่าทีป้องกันเมื่อถอยไปถึงบริเวณประตู
โจวเสวียนเย้ยหยัน “เฉินตันจู ท่านไม่ต้องกังวล ภายในค่ายทหารก็มีกองกำลังของข้า”
เฉินตันจูมองไปทางเขา “ใช่ ท่านโหวไม่ต้องสมรสกับองค์หญิง ไม่ต้องเป็นฟู่หม่า อำนาจทางการทหารถือไว้ในมือ กองกำลังนับพันย่อมต้องสยบ”
โจวเสวียนโกรธในทันใด “เฉินตันจู! ท่านพูดเหลวไหล!” เขาจับหัวไหล่ของเฉินตันจูเอาไว้ “ทั้งที่ท่านรู้ว่าข้าไม่เป็นฟู่หม่าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้!”
ชายหนุ่มอาจร้อนใจอย่างมาก สองมือของเขาราวกับคีมเหล็ก หัวไหล่เรียวของหญิงสาวเกือบหัก เฉินตันจูไม่ได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่ยิ้มเย้ยหยัน “ใช่ ท่านโหวทำเพราะข้า เพราะหญิงสาวที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียอย่างข้า ไม่เสียใจที่จะทำให้ฝ่าบาททรงโกรธ เป็นขุนนางผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ยึดติดกับอำนาจของราชวงศ์!”
ชายหนุ่มโกรธจนดวงตาแดงก่ำ “เฉินตันจู…”
องค์ชายสามเดินขึ้นหน้าจับเขาเอาไว้ พูดขึ้น “โจวเสวียน! ปล่อยมือ!”
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาสนทนากัน ไม่ว่าจะเป็นเฉินตันจูก็ดีโจวเสวียนก็ดี ล้วนจงใจกดเสียงให้ต่ำลง เวลานี้เสียงตะโกนที่เกิดจากการโต้เถียงไม่มีการข่มไว้ อาเถียน หลี่จวิ้นโส่ว เฟิงหลินและจู๋หลินที่อยู่ด้านนอกกระโจมต่างได้ยิน อาเถียนสีหน้าร้อนใจ จู๋หลินสีหน้าสับสน…นับแต่รู้ว่าท่านแม่ทัพป่วย เขามักเป็นเช่นนี้เสมอ หลี่จวิ้นโส่วสีหน้าเรียบเฉย การไม่เป็นฟู่หม่า หรือทำเพื่อข้าอันใดกัน จิ๊ๆ ไม่ต้องฟังชัดก็สามารถเดาได้ว่ากำลังพูดเรื่องใด ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้มีเพียงเรื่องเท่านี้
เฟิงหลินจิตใจไม่อยู่ตรงนี้ สายตาของเขามองไปทางกระโจมแม่ทัพอยู่เสมอ ไม่นานนักเขาก็เห็นคนกวักมือให้เขา เฟิงหลินรีบวิ่งไปทันที
“เอ๊ะ” อาเถียนอยากจะเรียกเขา “คุณหนูของพวกเรา…”
ตกลงคุณหนูจะไปเยี่ยมท่านแม่ทัพหรือไม่ นางทะเลาะกับโจวเสวียนและองค์ชายสามภายในกระโจม เพราะไม่อยากให้โจวเสวียนและองค์ชายสามไปด้วยหรือ
โจวเสวียนถูกองค์ชายสามผลักออก อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ร่างกายของเฉินตันจูอ่อนแอจนเกือบจะล้มลง องค์ชายสามยื่นมือพยุงนาง แต่หญิงสาวรีบถอยหลังทันที พร้อมทั้งมองเขาอย่างระแวง
องค์ชายสามรู้สึกเพียงเจ็บปวดหัวใจ เขาวางมือลงอย่างช้าๆ แม้จะเคยคาดเดาถึงเหตุการณ์นี้ แต่เมื่อได้เห็นกับตาของตนเอง ยังคงเจ็บปวดกว่าที่จินตนาการเอาไว้เป็นร้อยเท่า
“ตันจู” เขาเรียกเสียงเบา “ข้าไม่มีวิธีอื่น…”
ภายในดวงตาของเฉินตันจูมีน้ำตา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หลั่งไหลลงมา นางรู้ว่าองค์ชายสามต้องทนรับทุกข์ รู้ว่าองค์ชายสามต้องแบกรับความแค้น แต่… “มันเกี่ยวอันใดกับท่านแม่ทัพ ท่านมีความแค้นกับองค์ชายห้า มีความแค้นกับฮองเฮา ถึงแม้ว่าท่านจะแค้นที่ฮ่องเต้ไร้เยื่อใย แต่กรรมใดผู้ใดก่อ กรรมนั้นย่อมต้องคืนสนองผู้นั้น เขาเป็นเพียงแม่ทัพผู้ชรา แม่ทัพที่จงรักภักดีต่อบ้านเมืองทั้งชีวิต ท่านฆ่าเขาเพื่อสิ่งใด”
องค์ชายสามพูด “ตันจู ท่านแม่ทัพเป็นแม่ทัพของบ้านเมือง ไม่ใช่ของข้า”
เฉินตันจูทั้งตกตะลึงทั้งผิดหวัง นางหัวเราะออกมา “ไม่ใช่ของท่าน ท่านจะฆ่าทั้งหมดหรือ เช่นนั้นหม่อมฉันเฉินตันจูวันนี้ก็คงไม่รอด”
องค์ชายสามมองนาง ภายในดวงตาที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความอ้อนวอน “ตันจู เจ้ารู้ ข้าไม่มีทางทำ เจ้าอย่าพูดเช่นนี้”
เฉินตันจูส่ายหัวอย่างช้าๆ “หม่อมฉันเฉินตันจูไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดว่าตนเองรู้ทุกเรื่อง ที่แท้หม่อมฉันไม่รู้อันใดเลย ล้วนเป็นเพราะหม่อมฉันคิดเข้าข้างตนเอง สิ่งเดียวที่หม่อมฉันรู้เวลานี้คือ แต่ก่อนสิ่งที่หม่อมฉันคิดเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องโกหก”
บังเอิญพบเจอที่วัดถิงอวิ๋น ผลซานจาที่ตั้งใจเก็บไว้ให้นาง มางานเลี้ยงของท่านโหวโจวเพื่อพบนาง…ล้วนเป็นเรื่องโกหก ในที่สุดดวงตากลมโตของหญิงสาวมีน้ำตาหลั่งไหลลงมาหนึ่งหยด น้ำตานั้นราวกับไข่มุก
องค์ชายสามรู้สึกเจ็บแปลบในใจ เขายื่นมือออกไปหวังจะประคองไข่มุกเม็ดนี้เอาไว้ ไม่ให้มันตกลงสู่พื้น แหลกสลายบนพื้นดิน
“ตันจู ไม่ใช่เรื่องโกหก…” เขาพูด
เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงของเฟิงหลินก็ดังขึ้นจากด้านนอกกระโจม “คุณหนูตันจู…คุณหนูตันจู…”
องค์ชายสามและโจวเสวียนต่างมองไปทางประตู เสี่ยวป่ายที่เฝ้าอยู่บริเวณประตูตัวเกร็ง แผนการถูกเปิดเผยแล้วหรือ องครักษ์ผู้นั้นจะพุ่งเข้ามา…
เฟิงหลินพุ่งตัวเข้ามาราวกับก้อนหิน แต่เขาไม่ได้พุ่งตรงไปยังองค์ชายสามเหมือนดั่งที่เสี่ยวป่ายคาดการณ์ หากแต่หยุดชะงักลง มองไปทางเฉินตันจู ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนรูปไป “คุณหนูตันจู ท่านแม่ทัพเขา…”
เฉินตันจูมองเขา ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย นางได้ยินเสียงของตนเองถามขึ้น “ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไร”
เสียงของเฟิงหลินลากยาวอย่างแปลกประหลาด “ท่านแม่ทัพจากไปแล้ว…”
ทันใดนั้นเฉินตันจูไม่ได้ยินอันใดทั้งสิ้น นางมองเห็นโจวเสวียนและองค์ชายสามพุ่งตรงไปทางเฟิงหลิน มองเห็นหลี่จวิ้นโส่ว อาเถียนและจู๋หลินที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามา หลี่จวิ้นโส่วโบกสะบัดพระราชโองการ อาเถียนพุ่งเข้ามากอดนางเอาไว้ จู๋หลินเขย่าตัวของเฟิงหลินซักถาม…
เฉินตันจูสะบัดอาเถียนออก เบียดผ่านกลุ่มคนที่วุ่นวายบริเวณประตูพุ่งตัวออกไป ระหว่างนั้นมีคนพยายามจะดึงนางเอาไว้ ไม่รู้ว่าเป็นโจวเสวียนหรือองค์ชายสาม หรืออาจจะเป็นผู้อื่น แต่เฉินตันจูพุ่งตัวออกไปแล้ว
เกิดอันใดขึ้น
ท่านแม่ทัพจะตายได้อย่างไร
ภายในค่ายทหารมีคนและม้าเดินขวักไขว่ ทั้งระยะใกล้และระยะไกลล้วนตลบอบอวลไปด้วยฝุ่น ชั่วพริบตาภายในค่ายทหารถูกปกคลุม
“เกิดเรื่องอันใดกัน!” หวังเจียนจับคนหนึ่งท่ามกลางทหารและม้า ถามเสียงเบา “เหตุใดจึงตายแล้ว คนเหล่านั้นยังไม่เข้ามา! ยังไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น!”
ทั้งๆ ที่ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเปลี่ยนแผนการอีกแล้ว ไม่ใช่องค์ชายหกนอนอยู่บนเตียงแสร้งถูกวางยา หากแต่เป็นการเตรียมร่างของท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กตัวปลอม
คนผู้นี้เป็นนักโทษคดีหนัก หวังเจียนคัดเลือกออกมาอย่างตั้งใจ สัญญาว่าจะอภัยโทษให้กับครอบครัวของเขา นักโทษมีรอยแผลบนหน้าก่อนหน้านี้ ติดตามอยู่ข้างตัวของหวังเจียนอย่างสงบ รอคอยช่วงเวลาที่ตายไป
ทันใดนั้นเฟิงหลินก็บอกว่าท่านแม่ทัพต้องการหลับตาตายไปในทันที เกือบจะทำให้เขารับมือไม่ทัน โกลาหลอย่างมาก
เล่นอันใด!
คนที่ถูกหวังเจียนจับเอาไว้ได้ถูกทหารเกราะดำล้อมอยู่ตรงกลาง สวมผ้าคลุมสีดำ หมวกปิดบังใบหน้า เห็นเพียงคางและปากของเขา เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์
“คุณหนูตันจูเห็นแล้ว” เขาพูด
เฟิงหลินบอกว่า คุณหนูตันจูหยุดลงระหว่างเดินทางมาเยี่ยมเขา นางไม่ให้ผู้อื่นติดตามเป็นอันดับแรก สุดท้ายบอกว่าตนเองก็ไม่เยี่ยมแล้ว จากนั้นวิ่งกลับไป มันแสดงถึงอะไร แสดงว่านางมองออกแล้ว
ใช่ นางจะมองไม่ออกได้อย่างไร
เขายิ้มที่มุมปาก “แม้แต่ท่านยังเห็นความผิดปกติได้ คุณหนูตันจูจะมองไม่ออกได้อย่างไร”
หวังเจียนรู้สึกคำพูดนี้ประหลาดแปลกๆ “อะไรเรียกว่าแม้แต่ข้ายังสามารถเห็นความผิดปกติได้ ฟังดูแล้วข้ายังสู้นางไม่ได้? เหตุใดข้าจึงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านชมว่าข้าเก่งกว่าคุณหนูตันจู”
แต่ว่าเวลานี้เรื่องนี้ไม่สำคัญ! ที่สำคัญคือ…
“ท่านสนใจอันใดมากขนาดนี้” หวังเจียนพูดด้วยความโกรธ “คุณหนูตันจูแม้จะมองออก แต่ก็ไม่อาจห้ามพวกเขาได้ ในเมื่อวันนี้พวกเขามาแล้ว พวกเขาย่อมไม่ยอมแพ้”
“ได้อย่างไร” องค์ชายหกพูดอย่างเฉียบขาด “หากเป็นเช่นนั้นคุณหนูตันจูจะคิดว่านางเป็นคนพาพวกเขามา เป็นเพราะนางทำให้ข้าตาย นางจะเสียใจเพียงใด”
เขาหันกลับไปมอง ผ่านฝุ่นผงที่ตลบอบอวลและกลุ่มกองกำลังทหารและม้า เขาราวกับสามารถมองเห็นหญิงสาวผู้นั้นกำลังวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทุลักทุเล…