แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 367 ทางอ้อม

ตอนที่ 367 ทางอ้อม

ตอนที่ 367 ทางอ้อม

ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน โรงงานจักรกลหนักก็มีพนักงานหลั่งไหลออกมาจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ในมือของทุกคนถือน้ำตาลทรายขาวครึ่งกิโลที่เพิ่งได้รับมา

หากองค์กรได้ผลประโยชน์มาก สวัสดิการก็จะดี

พนักงานขององค์กรที่ได้ผลประโยชน์กลางๆ พวกนั้น ในปีหนึ่งๆ จะได้รับจัดสรรน้ำตาลทรายขาวเพียงไม่ถึงหนึ่งขีด แต่พนักงานในโรงงานเครื่องจักรกลหนักกลับได้รับน้ำตาลทรายขาวถึงครึ่งกิโลทุกรอบฤดูกาล

ใครใช้ให้พวกเขาเป็นหน่วยงานสำคัญของมณฑลกันล่ะ หน่วยงานอื่นก็ยังอิจฉาสุดๆ

คนงานทุกคนในโรงงานจักรกลหนักต่างมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

หลิวเสวี่ยลูกสาวคนเล็กของผู้อำนวยการการพัฒนาเมืองเขตเจียงอั้น กอดถุงน้ำตาลทรายขาวถุงนั้นที่เพิ่งได้รับมาเอาไว้ แล้วเดินไปทางประตูโรงงานด้วยกันกับพวกสาวๆ ด้วยจิตใจหนักอึ้ง

ทุกคนเดินไปพลางคุยไปพลาง ทั้งพูดทั้งหัวเราะ มีชีวิตชีวาเต็มที่

เพื่อนสาวคนหนึ่งเห็นว่าหลิวเสวี่ยดูกลัดกลุ้ม จึงถามขึ้น “เธอเป็นอะไรไป?”

หลิวเสวี่ยฝืนยิ้มอย่างขอไปที “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่อากาศร้อนเกินไป ก็เลยไม่ค่อยมีอารมณ์น่ะ”

หญิงสาวอีกคนหนึ่งกลอกตาใส่เธอ “อย่าเฉไฉเลยน่า เธอนั่งอยู่ในห้องทำงานก็ยังเซื่องซึมเฉื่อยชา คนงานธรรมดาอย่างพวกเราไม่เป็นอันทำอะไรกันแล้ว”

หญิงสาวคนหนึ่งถามหลิวเสวี่ยเข้าอกเข้าใจ “เธอยังกังวลที่ซื้อตู้เย็นไม่ได้อยู่อีกใช่ไหม?”

หลิวเสวี่ยพยักหน้าด้วยความไม่สบายใจ แล้วถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง

หญิงสาวคนหนึ่งตบไหล่เธอเบาๆ “ไม่มีตู้เย็นก็ช่างมันเถอะ มีไม่กี่คนหรอกที่แต่งงานโดยที่มีตู้เย็น(1) เธอยังมีสามหมุนหนึ่งดัง(2) ยังมีเครื่องซักผ้า ที่นอนหมอนมุ้ง ผ้าผ่อนกับชุดนุ่งห่มต่างๆ แถมมีเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนด้วย​ สินเดิมก็มากมายพออยู่แล้ว ไม่มีตู้เย็นนี้ก็ไม่กระทบต่องานแต่งงานอันสมบูรณ์แบบของเธอหรอก”

ในยุคนี้ “สามหมุนหนึ่งดัง”นั้นก็คือ จักรเย็บผ้า จักรยาน นาฬิกาข้อมือและวิทยุ

ชายหญิงแต่งงานกัน หากฝ่ายหญิงนำของ4สิ่งนี้มาเป็นสินเดิม หรือฝ่ายชายสามารถมอบ4สิ่งนี้ให้เป็นสินสอด ก็จะทำให้คนอื่นๆ รู้สึกอิจฉาเป็นพิเศษ

นับประสาอะไรกับสินเดิมของหลิวเสวี่ยที่มีทั้งเครื่องใช้เครื่องเรือนและเครื่องซักผ้า เรียกได้ว่าเป็นขบวนริ้วแดงสิบลี้(3)ในยุคนี้ได้อย่างสมบูรณ์

หลิวเสวี่ยเหลือบมองเพื่อนสาวที่แสนดีคนนั้นเล็กน้อย ในใจรู้สึกขมขื่นแต่ไม่อาจพูดออกมาได้

หล่อนไม่ได้แต่งงานกับคนที่ต่ำกว่า แต่แต่งกับคนผู้ที่มีฐานะสูงกว่า

พ่อสามีในอนาคตมีตำแหน่งสูงกว่าพ่อของหล่อนมาก

ตอนนั้นที่แม่สื่อจับคู่ให้เธอกับคู่หมั้น ว่าที่แม่สามีก็ไม่ได้ให้เกียรติครอบครัวของหล่อนสักเท่าไร รู้สึกว่าไม่เหมาะสมคู่ควรกัน

โชคดีที่คู่หมั้นยืนกรานที่จะแต่งงานกับหล่อน งานแต่งงานนี้จึงไม่ได้ล้มเลิกไป

พ่อของหล่อนกลัวว่าถ้าหล่อนแต่งเข้าไปแล้ว พ่อแม่สามีจะไม่ชอบหล่อน จึงขอร้องให้ปู่กับย่า ให้ใช้เส้ยสายหาซื้อตู้เย็นกับเครื่องซักผ้านำเข้าเป็นสินเดิมให้กับหล่อน

แต่ลงทุนลงแรงไปจนสุดความสามารถแล้ว กลับซื้อมาได้เพียงเครื่องซักผ้านำเข้าเท่านั้น จนถึงตอนนี้ยังซื้อตู้เย็นนำเข้ามาไม่ได้เลย

ตู้เย็นนี้ไม่ซื้อไม่ได้ เพราะมันเป็นสินเดิมที่ทั้งสองตระกูลตกลงกันไว้ก่อนแล้ว

หากถึงตอนที่แต่งเข้าไปแล้วไม่มีตู้เย็นนำเข้า ว่าที่แม่สามีจะต้องไม่ไว้หน้าหล่อนแน่นอน

เมื่อคนนอกเห็นว่าหล่อนกำลังจะแต่งเข้าตระกูลข้าราชการระดับสูง คู่หมั้นก็ทั้งมีความสามารถ ทั้งปฏิบัติต่อหล่อนอย่างดี ต่างก็อิจฉากันถ้วนหน้า บอกว่าหล่อนช่างโชคดี

แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจของหล่อนมีความไม่สบายใจที่ไม่อาจบอกใครได้!

หลินม่ายเดินออกมาจากโรงงานใหม่ ก็พาลูกน้องของเฉินเฟิงที่รับหน้าที่สืบสถานการณ์ของผู้อำนวยการหลิวมายังหน้าประตูโรงงานจักรกลหนัก ยืนอยู่ใต้เงาไม้ไม่ไกลออกไปจับตามองพนักงานทุกคนที่เดินออกมา

เมื่อหลิวเสวี่ยและเพื่อนสาวของหล่อนเดินออกมาจากโรงงาน ลูกน้องของเฉินเฟิงก็ชี้ไปแล้วพูดกับหลินม่ายทันที “คนคนนั้นคือหลิวเสวี่ยลูกสาวของผู้อำนวยการหลิวครับ”

หลินม่ายพยักหน้า “โอเค เข้าใจแล้ว คุณไปได้แล้วล่ะ”

เธอเดินมุ่งเข้าไปหาหลิวเสวี่ย แล้วพูดกับหล่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สหายหลิวเสวี่ย สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินม่าย ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมคะ?”

หลิวเสวี่ยหยุดฝีเท้า พิจารณาเธออย่างสงสัย “ทำไมถึงต้องเลี้ยงข้าวฉันล่ะคะ? ฉันไม่รู้จักคุณสักหน่อย”

“พอกินข้าวกันก็รู้จักกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” หลินม่ายดึงตัวหล่อนไปทันที

เธอกระซิบข้างหูของหล่อนโดยใช้น้ำเสียงที่มีแต่พวกเธอสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ฉันอยากจะส่งตู้เย็นโตชิบาให้คุณเครื่องหนึ่งค่ะ”

หลิวเสวี่ยได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกปิติยินดีขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมทั้งหยุดขัดขืน แล้วเดินตามหลินม่ายไปอย่างว่าง่าย

หากมีตู้เย็นโตชิบาเป็นสินเดิมสักเครื่อง ไม่เพียงตนจะมีหน้ามีตาเท่านั้น ว่าที่แม่สามีก็จะไม่ดูแคลนหล่อนอีกต่อไป

ในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถใช้เงินซื้อตู้เย็นโตชิบาได้ จะต้องใช้เส้นสายร่วมด้วย

เมื่อเหล่าเพื่อนสาวของหลิวเสวี่ยได้ยินว่าหลิวเสวี่ยไม่รู้จักหลินม่าย เดิมทีคิดจะขวางหลินม่ายไม่ให้พาหลิวเสวี่ยไป

แต่เมื่อเห็นหลินม่ายพูดอะไรสักอย่างข้างหูหลิวเสวี่ย แล้วหลิวเสวี่ยก็เดินตามเธอไปอย่างง่ายดาย จึงอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันไปมา

พวกหล่อนปรึกษากัน “หลิวเสวี่ยเดินไปกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม”

“จะไปเกิดเรื่องอะไรได้? ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างผอมบางกว่าหลิวเสวี่ยเสียอีก”

“ไม่ได้ ฉันต้องยืนยันให้แน่ใจว่าหล่อนจะไม่เป็นไร” หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนถาม “หลิวเสวี่ย คนคนนั้นคือใครเหรอ? เธอไปกับหล่อนจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หลิวเสวี่ยหันกลับมาพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก หล่อนเป็นคนที่อาหญิงของฉันแนะนำมา มีธุระกับฉันนิดหน่อยน่ะ”

เหล่าเพื่อนสาวจึงวางใจลงได้ แล้วเดินต่อไปตามทางของพวกหล่อน

แม้ว่าในใจจะตื่นเต้นดีใจ แต่หลิวเสวี่ยก็ไม่ได้ทิ้งสติสัมปชัญญะที่ควรมีไปแม้แต่น้อย

หล่อนเหล่มองหลินม่ายด้วยความสงสัย “ความเอื้อเฟื้อที่มอบให้โดยไร้มูลเหตุ ย่อมทำเพื่อหวังผลประโยชน์​ พวกเราไม่เคยรู้จักมักคุ้น การที่คุณให้ตู้เย็นที่มีค่าขนาดนั้นกับฉันคงเพราะมีจุดประสงค์อยู่ใช่ไหมคะ”

หลินม่ายยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนอยู่แล้ว!”

“คุณต้องการอะไร?”

“พวกเรากินไปคุยไปเถอะ”

หลิวเสวี่ยเอ่ยเตือนล่วงหน้า “ถ้าจุดประสงค์ของคุณมันเกินขอบเขต ฉันคงจะตกลงไม่ได้หรอกนะ”

ทั้งสองมาถึงโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ในยุคนี้ ที่นั่งพิเศษในห้องส่วนตัวยังไม่เป็นที่นิยมนัก โรงแรมเล็กๆ แห่งนี้จึงไม่มีห้องส่วนตัว

หลินม่ายขอที่นั่งริมหน้าต่าง ซึ่งมีคนน้อยและค่อนข้างเงียบสงบ

หลังจากทั้งสองนั่งลงแล้ว หลินม่ายจึงให้หลิวเสวี่ยสั่งอาหาร

หลิวเสวี่ยสั่งอาหารสี่อย่างซุปหนึ่งอย่างอย่างมีมารยาท

รอจนพนักงานเสิร์ฟอาหาร หลินม่ายจึงพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “ฉันได้ยินมาว่าผู้อำนวยการหลินมีโครงการพัฒนาเมืองอยู่ ฉันอยากจะทำมันค่ะ”

เมื่อหลิวเสวี่ยที่กำลังจะคีบลูกชิ้นสี่เกษมได้ยินเช่นนั้น ก็พลันหันไปมองเธอ “นี่คือจุดประสงค์ที่คุณให้ตู้เย็นฉันเหรอคะ?”

หลินม่ายพยักหน้า “ถ้ามอบโครงการนั้นให้กับฉัน ฉันจะทำได้อย่างงดงามแน่นอน”

หลิวเสวี่ยคีบลูกชิ้นสี่เกษมมาลูกหนึ่ง หล่อนกัดคำหนึ่ง เคี้ยวกลืนลงท้องอย่างไม่รีบร้อน แล้วจึงพูดขึ้น “เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้หรอก จะต้องถามพ่อของฉันก่อนถึงจะสามารถให้คำตอบคุณได้”

หลินม่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม แล้วถามขึ้นอย่างเป็นมิตร “ได้เตรียมชุดเข้าพิธีในวันแต่งงานไว้แล้วหรือยังคะ ถ้ายังไม่ได้เตรียมฉันจะเตรียมให้คุณ​ มินิเดรส กี่เพ้า หรือชุดเจ้าสาวก็ได้ทั้งนั้นค่ะ”

ชุดเข้าพิธีแต่งงานของหลิวเสวี่ยนั้นเป็นชุดกระโปรงผ้าแพรสีแดง ซึ่งเธอพอใจกับมันมาก จึงส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกค่ะ”

หลินม่ายหัวเราะ แล้วคีบน่องไก่วางลงในถ้วยของเธอ

หลังกินข้าวเสร็จ ทั้งสองคนก็นัดเวลาเจอกันครั้งหน้า จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตน

ทันทีที่หลิวเสวี่ยกลับมาถึงบ้าน ก็เล่าเรื่องที่หลินม่ายคิดจะให้ตู้เย็นโตชิบาที่ราคาเครื่องละสองพันกว่าหยวนกับหล่อน เพื่อจะแลกกับโครงการพัฒนาเมืองในมือของผู้อำนวยการหลิวให้กับผู้อำนวยการหลิวฟัง

ผู้อำนวยการหลิวยังไม่ทันจะแสดงท่าทีอะไร คุณแม่หลิวเสวี่ยก็ตะโกนขึ้นมา “เหล่าหลิว ฉันว่าคุณควรจะตกลงนะ โครงการนั้นจะให้ใครทำก็ไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ ขอแค่คนคนนั้นทำให้ดีก็พอแล้ว”

ผู้อำนวยการหลิวเองก็รู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน ไม่เพียงเพราะหลินม่ายลงมืออย่างหลักแหลม

ไม่ใช่ว่าใครจะยอมยกตู้เย็นนำเข้ามูลค่าสองพันกว่าหยวนให้กันหมดทุกคน

คราวก่อนใครคนนั้นเพียงแค่ให้ซองแดงใส่เงิน500หยวนกับเขา เพราะต้องการรับโครงการในมือของเขาไป

นอกจากหลินม่ายจะกระทำการอย่างไม่ตระหนี่แล้ว เธอยังสามารถทำให้ผู้อำนวยการหลิวประทับใจในตัวเธอ ตั้งแต่ยังไม่เห็นความสามารถของเธอด้วยซ้ำ

เธอไม่ได้ยกตู้เย็นมาให้ถึงบ้านของเขาตรงๆ แต่ติดต่อกับลูกสาวของเขา แล้ววางแผนจะส่งตู้เย็นให้ลูกสาว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย อีกทั้งจุดอ่อนก็ไม่ได้ตกอยู่ในมือของคนอื่นด้วย

หลินม่ายคนนี้ช่างเป็นคนละเอียดรอบคอบจริงๆ รู้ว่าหากส่งตู้เย็นมาถึงบ้านเขาอย่างอึกทึกครึกโครม จะก่อให้เกิดปัญหาแก่เขาไม่น้อย

แม้ว่าจะมีความรู้สึกที่ดีต่อหลินม่าย แต่ผู้อำนวยการหลิวก็คงจะยอมตกลงมอบโครงการให้เธอง่ายๆ ไม่ได้

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพูดกับลูกสาว “ลูกไปนัดแนะเวลากับหลินม่าย พ่ออยากจะไปเจอหล่อนสักครั้ง”

(1)การแต่งงานของชาวจีนในช่วงทศวรรษที่ 80 นิยมมอบของขวัญแต่งงานสามสิ่งได้แก่ โทรทัศน์ขาว-ดำ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น

(2)สามหมุนหนึ่งดัง คือสิ่งสำคัญและมีค่าที่สุด 4 อย่างที่ครอบครัวหนึ่งควรจะมีในทศวรรษที่ 70 ได้แก่ นาฬิกาข้อมือ จักรเย็บผ้า จักรยาน และวิทยุ

(3)ขบวนริ้วแดงสิบลี้ เป็นการกล่าวถึงความยิ่งใหญาอลังการในการจัดสินเดิมของเจ้าสาวในครอบครัวที่ร่ำรวยสมัยโบราณ จนมองเห็นสีแดงมาแต่ไกลเป็นสิบลี้

สารจากผู้แปล​

ลงมือฉลาดมากม่ายจื่อ​ โครงการอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท