ชื่อเหยียนไม่ได้คุกเข่า แต่กลับยืนอยู่หน้าเฮ่อเหลียนเวยเวย และใช้มือข้างหนึ่งยกธงที่ปักไว้จากลานฝึกขึ้นอย่างเงียบๆ เขาที่อยู่ในชุดเครื่องแบบทหารนั้นดูเปล่งประกายและน่าชื่นชมยิ่งนัก
ในตอนที่ดวงตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย ตาคู่นั้นช่างลึกล้ำราวกับมหาสมุทร และมืดมิดราวกับรัตติกาล
ทันใดนั้นทหารนับพันก็กู่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นอยู่ที่ด้านหลังของเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับกองกำลังลับเป็นอย่างยิ่ง
ต่อมานางจึงได้ฟังความเป็นมาของเขาจากปากของผู้อาวุโสเฮย
ตอนนั้นเองที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพบว่าอีกฝ่ายคือคนที่ฮ่องเต้เคยเชิญเข้าไปในวังด้วยตัวเอง ตอนที่เขาอายุได้เพียงสิบเจ็ดปี เขาก็เอาชนะทุกคนจนกลายเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลชื่อที่มีชื่อเสียงตอนแข่งขันล่าสัตว์ได้แล้ว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตัวตนของเขาจะทรงอำนาจถึงเพียงนี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยขยับยิ้มเล็กน้อย
แต่แล้วนางก็พบว่าชื่อเหยียนกลับกำลังใช้สายตาอันยากจะเข้าใจได้จ้องมองนางอยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วมองเขา
ตอนที่ชื่อเหยียนเดินผ่านนางไป เขาก็เยาะเย้ยขึ้นว่า ”ดูเหมือนว่าเจ้าจะจำอะไรไม่ได้เลย”
ช้าก่อน นางควรจะจำอะไรได้หรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
แต่ผู้อาวุโสเฮยกลับไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขาตบบ่านาง สีหน้าอันสดใสกลบใบหน้าเคร่งเครียดของเขาเสียจนมิด ”นังหนู เจ้าทำได้ดีมาก!”
“ขอบคุณ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงยิ้มออกมา จากนั้นนางก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ จึงถามอีกฝ่ายว่า ”ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องปรึกษาท่าน พวกเราเข้าไปคุยกันในกระโจมได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสเฮยพยักหน้า
ชื่อเหยียนทำเพียงแค่ชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวยเท่านั้น
ทั้งสามนั่งลงที่ด้านในของกระโจมทหาร แล้วรินน้ำชาร้อนๆ ให้กับตัวเอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนโผงผาง นางไม่สามารถปิดบังความสงสัยของตัวเองได้ นางมองใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาของชื่อเหยียน ก่อนจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า ”คุณชายชื่อ สมัยก่อนท่านเคยแอบชอบข้าหรือ”
เสียงใครสักคนสำลักดังขึ้นในทันใด!
ผู้อาวุโสเฮยสำลักน้ำชาออกมาพร้อมกับไออย่างหนัก
ใบหน้าที่หล่อเหลาของชื่อเหยียนดำทะมึนขึ้นเล็กน้อย ”นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการจะปรึกษาหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตสีหน้าของเขา ก่อนเสริมว่า ”ข้าเพียงแต่ไม่ต้องการให้ระหว่างเรามีความเข้าใจผิดอันใดเกิดขึ้นก็เท่านั้น”
รอยยิ้มบนมุมปากของชื่อเหยียนทวีความเย็นชาขึ้น ”พวกเราจะมีความเข้าใจผิดอันใดกันได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบางของตน แล้วหัวเราะออกมา ”ถ้าไม่มีก็ดี”
ชื่อเหยียนเพียงมองหน้านาง เขารู้สึกว่านางเป็นคนน่าสนใจขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับผู้อาวุโสเฮยว่า ”นางสูญเสียความทรงจำไปด้วยหรือ”
ผู้อาวุโสเฮยเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าความทรงจำของนางนั้นยังไม่สมบูรณ์ ”หัวข้ากระแทกตอนที่ข้าจมลงไปในทะเลสาบวันนั้น ข้าจำเรื่องบางอย่างได้ แต่ข้าก็สูญเสียความทรงจำไปบางอย่างเช่นกัน”
“จริงรึ” ชื่อเหยียนหรี่ตามองนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยพยักหน้า ”ท่านบอกข้ามาได้แล้ว ก่อนหน้านี้เราเคยมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือไม่”
“ข้าบอกไม่ได้” น้ำเสียงของชื่อเหยียนราบเรียบไม่แยแส ”ลืมมันไปเถอะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับพูดไม่ออก…
ผู้อาวุโสเฮยมองทั้งสองคน แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ในเมื่อเขาปฏิเสธที่จะบอกนาง เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงไม่คิดที่จะคะยั้นคะยอกับเรื่องนี้อีกต่อไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางแน่ใจ นั่นคือผู้ชายคนนี้ไม่มีทางเข้ากับนางได้อย่างแน่นอน
แต่เขาก็เป็นคนที่สามารถวางใจให้จัดการเรื่องสำคัญต่างๆ ได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ”ในอีกสองสามวันจะมีอาวุธจำนวนหนึ่งส่งมาถึง ข้าจะจัดการดัดแปลงพวกมันทันทีที่ของมาถึง และทำให้ทหารทุกนายในกองกำลังลับนี้คุ้นเคยกับการใช้งานอาวุธพวกนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เปลี่ยนอาวุธหรือ ผู้อาวุโสเฮยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
ชื่อเหยียนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า ”ทุกคนในกองกำลังลับล้วนแต่มีอาวุธพิเศษเฉพาะตัว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธใหม่นั่นหรอก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงเผยรอยยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำตอบของเขา
ผู้อาวุโสเฮยเดาว่านางคงไม่ถูกใจกับคำตอบนั้น เขาจึงปลอบนางว่า ”นังหนู เจ้าเพิ่งเข้ามาในกองกำลังนี้ไม่นาน ดังนั้นเจ้าคงยังไม่คุ้นเคยกับคนพวกนี้ พวกเขาทุกคนล้วนแต่มีบุคลิกที่เป็นของตัวเอง พวกเขาคงปรับตัวไม่ทันแน่หากจู่ๆ เจ้าก็เปลี่ยนอาวุธของพวกเขาอย่างกะทันหันเช่นนั้น เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ในเมื่ออาวุธของเจ้าน่าประทับใจถึงเพียงนั้น ทำไมเจ้าไม่ช่วยเพิ่มพื้นฐานการใช้อาวุธให้พวกเขาแทนเล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรับฟังอย่างเงียบๆ แล้วจึงยิ้มออกมา ”ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว แต่อาวุธของข้านั้นออกจะแตกต่างไปจากอาวุธอื่นๆ ทีเดียว”
พอพูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยืนขึ้น แล้วปรายตามองไปยังบรรดาค้างคาวที่กำลังบินผ่านกระโจมของพวกนางไป
ทันใดนั้นนางก็ยกแขนซ้ายขึ้น ปืนสั้นที่นางถืออยู่ในมือขนานไปกับวิถีการมองของนาง นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทางของนางดูน่าประทับใจอย่างคาดไม่ถึง
ปัง!
เสียงปืนแทรกผ่านอากาศ!
ค้างคาวตัวหนึ่งร่วงลงมากองอยู่ที่ด้านหน้าของกระโจมทหาร รอยเลือดเปรอะไปทั่วร่างของมัน
ผู้อาวุโสเฮยตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อตาตัวเอง นางยิงค้างคาวตกลงมาทั้งที่อยู่ไกลถึงเพียงนี้ได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังใช้เพียงแค่เจ้าสิ่งเล็กจิ๋วนั่นด้วย ไม่ได้ใช้ธนูกับลูกธนูเลยด้วยซ้ำ
ชื่อเหยียนชำเลืองมองค้างคาวที่นอนอยู่หน้ากระโจม ค้างคาวตัวนั้นเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ อาวุธชนิดนั้นมีอานุภาพทำลายล้างสูงยิ่งนัก
ผู้อาวุโสเฮยมองมันด้วยความสงสัย แล้วถามว่า ”เวยเวย อาวุธลับชนิดนี้คือสิ่งใดหรือ” ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยสักครั้ง
“มันไม่ใช่อาวุธลับ แต่เป็นปืนสั้นต่างหาก อาวุธที่ข้าจะให้ส่งมาที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ปืนสั้นพวกนี้อย่างเดียวหรอกนะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดต่อ ใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ”ตัวอย่างเช่น ต้าสงที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธหนักในการต่อสู้นั่น ทันทีที่ข้าดัดแปลงอาวุธชุดนี้เสร็จสมบูรณ์ ข้าจะติดตั้งปืนใหญ่กราดยิงศัตรูให้กับเขาเป็นพิเศษ กระสุนเพียงนัดเดียวจากปืนใหญ่กระบอกนั้นสามารถทำลายกำแพงเมืองได้ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว”
“ทำลายกำแพงเมืองได้ถึงครึ่งหนึ่งเชียวหรือ” ผู้อาวุโสเฮยประหลาดใจเมื่อเขาได้ยินประโยคสุดท้ายที่นางพูด ”เจ้าของเล็กๆ พรรค์นี้มีอานุภาพรุนแรงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยชั่งน้ำหนักปืนในมือของนาง ก่อนจะตอบว่า ”มันยังต้องพัฒนาอีกมาก แต่หลังจากข้าดัดแปลงมันเรียบร้อยแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเช่นนั้น”
ในฐานะของเจ้าแม่แห่งอาวุธจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมรู้ดีว่าอาวุธเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อยุคสมัยที่มีแต่เพียงอาวุธจำพวกดาบและมีดเช่นนี้อย่างไร
นางต้องการมากกว่ากองกำลังลับ
นางต้องการคัดสรรทหารฝีมือดีที่สุดมาสร้างเป็นไพ่ตายอย่างหน่วยประจัญบานขึ้นในกองกำลังลับ
ทหารกลุ่มนี้จะต้องรวดเร็วยิ่งกว่าใคร และสามารถพลิกแพ้เป็นชนะได้ พวกเขาจะต้องไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับสิ่งใด สามารถพิชิตเมืองใหญ่ราวกับว่าเมืองนั้นเป็นเพียงดินแดนรกร้างที่ไร้มนุษย์คนใดได้
มันคงเป็นภาพที่น่าประทับใจจนพูดไม่ออกยิ่งนักตอนที่พวกเขาสาดกระสุนปืนและปืนใหญ่ใส่ทหารนับพันของฝั่งศัตรู
พวกเขาสามารถล้มทุกคนได้อย่างไร้ซึ่งความกลัวเกรงด้วยอาวุธปืนของนาง พวกเขายังสามารถรับภารกิจและสามารถทำเงินให้กับนางได้ด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ่งกว้างขึ้น
ในยุคโบราณนั้น การป้องกันเมืองนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การโจมตีเมืองกลับเป็นเรื่องที่ยากนัก ถ้าพวกนางมีกลุ่มคนฝีมือเยี่ยมเช่นนี้อยู่ละก็ จะต้องสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างแน่นอน!
ผู้อาวุโสเฮยย่อมรู้ว่าของสิ่งนี้ทรงพลังเพียงใด มือที่ประคองถ้วยชาอยู่นั้นถึงกับสั่นระริกเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
ใบหน้าด้านข้างอันคมคายของชื่อเหยียนหันมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือคว้าปืนสั้นที่เฮ่อเหลียนเวยเวยถืออยู่ในมือไป เขายกมันขึ้นมาใกล้ปลายจมูกพร้อมกับดมกลิ่นนั้น ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ”นี่มันกลิ่นดินปืนมิใช่หรือ”
“ใช่แล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ดวงตาเป็นประกายที่ต้องแสงจันทร์ของตนลง นางมีสีหน้าประทับใจเป็นอย่างมาก ”ดังนั้นท่านจึงจำเป็นต้องซื้อดินปืนเป็นจำนวนมาก รวมถึงโลหะทนความร้อนด้วย แต่เรื่องนี้ต้องทำกันอย่างเป็นความลับ”
ชื่อเหยียนมองนางด้วยสายตาเฉยเมย แล้วถามคำถามสำคัญกับเฮ่อเหลียนเวยเวย ”เจ้ารู้วิธีสร้างของสิ่งนี้ได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมไม่มีทางสารภาพออกมาแน่นอนว่านางข้ามเวลามา
พวกเขาคงได้พากันคิดว่านางถูกปีศาจเข้าสิง แล้วจับนางเผาทั้งเป็นแทน
นางจึงตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ”ข้าเองก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อเจ้าถามขึ้นมา เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก็แล้วกัน…”