อีอูยอนที่กินข้าวเสร็จตั้งแต่แรกแล้วหันไปเท้าคางและมองตรงที่ชเวอินซอบอยู่
“ก็น่าจะให้เขาถ่ายรูปไปสักรูปสิ ไม่ใช่เรื่องที่ขอให้ใช้แรงขนาดนั้นซะหน่อย”
อีอูยอนถามว่า “ทำไมล่ะครับ”
“ทำไมน่ะเหรอ ก็เขามีเด็กอยู่ด้วยน่ะสิ”
“หัวหน้าทีมครับ”
อีอูยอนยิ้มโชว์ฟันที่เรียงตัวสวย
‘…ฉันเกลียดเวลาที่หมอนั่นยิ้มแบบนั้นมากเลย’
กรรมการผู้จัดการคิมที่มาส์กหน้าพร้อมกับดูโทรทัศน์ไปด้วยเอ่ยแบบนั้นอย่างกะทันหัน โฆษณากาแฟของอีอูยอนกำลังฉายอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์
‘ฟันที่เรียงตัวสวยมากกับรูปปากที่ยิ้มมันสมบูรณ์แบบมาก จนน่าขนลุก’
‘…นั่นน่ะสิครับ’
เขานึกถึงความทรงจำที่ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย อีอูยอนพูดต่อพร้อมกับฉีกยิ้มที่สมบูรณ์แบบนั่น
“ไม่ใช่ว่าผมชอบผู้หญิงหรอกนะครับ แต่ผมเกลียดผู้หญิงที่ชอบผมมากกว่าครับ”
“…”
“แล้วจะเป็นไปได้เหรอครับที่ผมจะชอบผู้ชาย”
หัวหน้าทีมชาตั้งใจจะถามว่า …แล้วชเวอินซอบที่นายชอบเป็นอะไรกันแน่ล่ะ แล้วก็ปิดปากสนิท
“แต่ยังไงเขาก็เป็นเด็กเล็กๆ นะ ไอ้นี่หนิ”
หัวหน้าทีมชาใจอ่อนกับเด็กและสัตว์เป็นพิเศษบ่นพึมพำ อีอูยอนหัวเราะดังฮ่าๆ เบาๆ
“เพราะผมไม่เลือกชอบอายุที่เฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษไงครับ”
“…นายก็แค่ไม่ชอบคนเลยนั่นแหละ”
“เป็นไปได้เหรอครับ”
สายตาของอีอูยอนที่พูดแบบนั้นยังจ้องอินซอบอยู่เหมือนเดิม พออินซอบที่กำลังคุยโทรศัพท์สบตากับอีอูยอน เขาก็ตื่นตระหนกจนทำตัวไม่ถูก และรีบก้มหัวขอโทษ
“ฮ่าๆๆๆ”
อีอูยอนหัวเราะเสียงดัง ราวกับรู้สึกมีความสุขจริงๆ
“…อ่า แม่ง จะทำให้เป็นบ้าจริงๆ สินะ”
อีอูยอนใช้มือปิดปากพลางพึมพำ
“เหลือเวลาอีกเท่าไรกว่าการถ่ายทำจะเริ่มครับ”
“หือ? อ๋อ เหลืออีกสามถึงสี่ชั่วโมงน่ะ…อย่าคิดอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เลย นี่เป็นวันแรกนะ”
“ผมคิดอะไรเหรอครับถึงพูดแบบนั้น”
อีอูยอนเท้าคางและยิ้มตาหยีพลางเอ่ยตอบ หัวหน้าทีมชาที่ฟังเรื่องที่ต่ำช้าและหยาบคายเป็นอย่างมากจากอีอูยอนอยู่เมื่อสักครู่นี้ก็พูดอย่างกลัดกลุ้มใจ
“นี่เป็นบทที่คุณอินซอบเลือก เพราะฉะนั้นห้ามทำให้เสียและได้โปรดทำให้ดีหน่อยเถอะ”
บทที่อีอูยอนได้รับคราวนี้เป็นบทของศัลยแพทย์อัจฉริยะที่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง ตอนที่ได้ฟังเรื่องเล่า หัวหน้าทีมชาก็คิดว่า ถ้ามีจิตสำนึกก็ไม่ควรเล่นบทนี้หรือเปล่า เพราะเขารู้สึกว่าการที่คนแบบนั้นถือมีดผ่าตัดไว้ในมือช่างสวนทางกับจริยธรรมและกฎหมาย แม้บทจะดีจนยอมรับไว้ แต่กรรมการผู้จัดการคิมเองก็ไม่เต็มใจเล็กน้อยด้วยเหตุผลเดียวกัน แต่อีอูยอนกลับบอกว่าจะเล่นเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เหตุผลก็คือเพราะอินซอบแนะนำ
“ฮ่าฮ่า อย่าห่วงไปเลยครับ เพราะผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดี”
อีอูยอนที่พูดแบบนั้นลุกขึ้นหลังจากตักข้าวในถ้วยข้าวของอินซอบออกมาเล็กน้อยและใส่ในหม้อเคลือบดินเผาสีดำของตัวเอง
“จะไปไหน”
“ผมมีเรื่องที่ต้องทำแป๊บหนึ่งน่ะครับ”
“จิ๊ อย่านะ เขากำลังคุยกับครอบครัวที่ไม่ได้คุยกันนานแล้วอยู่”
หัวหน้าทีมชารู้ได้ในทันทีว่าเรื่องที่จะทำคืออะไร เขาเดาะลิ้นพลางพูด
“ตั้งสิบเจ็บนาทีก็ควรจะเสร็จแล้วสิครับ จะคุยอะไรอีกล่ะครับ”
นายจับเวลาเรื่องนั้นด้วยเหรอ เฮ้อ น่ารังเกียจชะมัด
ในขณะที่หัวหน้าทีมชาถอนหายใจ อีอูยอนก็หยิบผ้าพันคอและเดินไปหาอินซอบที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก จากนั้นก็พันผ้าพันคอรวดเดียวให้ห่อใบหน้าของอินซอบไว้ พออินซอบที่การมองเห็นถูกปิดกั้นอย่างคาดไม่ถึงพยายามแกะผ้าพันคอออกอย่างตื่นตระหนก อีอูยอนก็จับปลายผ้าพันคอไว้ไม่ยอมปล่อย อีอูยอนที่สบตากับอินซอบที่ยื่นหน้าออกมานอกผ้าพันคอได้อย่างยากลำบากหัวเราะ
…ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันต้องมาเห็นภาพนั้นด้วย
หัวหน้าทีมชากินข้าวใส่ซุปที่เย็นหมดแล้วอย่างมูมมาม
“ขอโทษครับ ผมคุยโทรศัพท์นานไปหน่อย”
อินซอบที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามและเอ่ยขอโทษ
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร คุยโทรศัพท์กับน้องชายเหรอ”
“ครับ น้องชายคนที่สองน่ะครับ แอรอน”
“อ๋อ แอรอน อ๋อ ใช่แล้ว”
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกถึงความไม่เข้ากันทุกครั้งที่รู้ความจริงว่าอินซอบเป็นคนอเมริกาแบบนี้อยู่บ่อยๆ
“คุยโทรศัพท์กับพวกน้องๆ บ่อยไหม”
“ไม่บ่อยครับ คุยเป็นกันบ้างเป็นบางครั้งน่ะครับ”
อินซอบยิ้มอย่างเขินอายและพูดเสริม
“ช่วงนี้แอรอนคิดหนักเรื่องคนรักน่ะครับ น่ารักใช่ไหมล่ะครับ”
“ฮ่าๆๆ น้องชายที่ตัวโตคนนั้นน่ะเหรอ”
หัวหน้าทีมชานึกถึงรูปที่เคยเห็นในอดีตและหัวเราะเจื่อนๆ
“โตแค่ตัวเท่านั้นแหละครับ แต่ก็เหลือเชื่อมากเลยนะครับที่เด็กแบบนั้นนอนไม่หลับเพราะมีความรัก”
มีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเยอะเลยล่ะ อย่างแรกเลยคือการที่ไอ้คนที่อยู่ข้างๆ นายมีคนรักน่ะ ถูกรายงานในแวดวงวิชาการได้เลยนะ ฉันควรจะหยุดพูด
หัวหน้าทีมชาเคี้ยวกิมจิอย่างรุนแรง และทำมือสั่งให้อินซอบรีบกิน
“โอ๊ะ…”
อินซอบหยิบช้อนขึ้นมาและเบิกตาโตราวกับตกใจ
“ทำไมเหรอ”
“ผมประหลาดใจที่น้ำซุปไม่เย็นเลยสักนิดน่ะครับ จะทานแล้วนะครับ”
“นั่น…”
“ครับ?”
“…ไม่มีอะไร รีบกินเถอะ”
หัวหน้าทีมชาส่ายหน้า เขาไม่จำเป็นต้องช่วยยืนยันความรักที่อีอูยอนแสดงให้เห็นอย่างเปิดเผย
พอกินไปได้สักพัก เด็กที่วิ่งมาจากทางโน้นก็เสียหลักและล้มมาทางที่อินซอบอยู่ อินซอบรีบลุกขึ้นเพื่อช่วยจับเด็ก แต่ก็ล้มก้นกระแทกพื้นไปด้วย
“คุณอินซอบ เป็นอะไรไหม”
หัวหน้าทีมชารีบลุกขึ้นพลางเอ่ยถาม
“ผมไม่เป็นไรครับ บาดเจ็บหรือเปล่า”
อินซอบมองเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองและเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน เด็กที่ตกใจอ้ำอึ้งก่อนจะรีบหนีไป
“ดูเหมือนจะไม่เป็นไรนะครับ”
อินซอบหัวเราะเบาๆ และนั่งลงกับที่อีกครั้ง
“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
“ครับ แต่เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่แล้วล่ะครับ ถ้าโดนของร้อนๆ หกใส่ก็อาจจะบาดเจ็บได้”
ตอนนั้นเองหัวหน้าทีมชาถึงได้รู้เหตุผลที่อินซอบฝืนตัวลุกออกไปรับเด็ก
เพราะเป็นคนจิตใจดีแบบนั้น…เลยรับไอ้เวรอย่างอีอูยอนได้สินะ
“ยังไงก็ระวังตัวด้วย ถ้าหัวไปกระแทกที่ไหนแล้วความจำเสื่อม…”
…นายจะถูกขังไว้
“ความจำเสื่อมเหรอครับ”
อินซอบถามซ้ำด้วยความตกใจเพราะคำพูดที่กะทันหัน
‘ผมจะพาคุณอินซอบที่ความจำเสื่อมไปที่ที่ไม่มีใครอยู่ แล้วก็หลอกว่าตัวเองเป็นน้องชายแท้ๆ จากนั้น’ หัวหน้าทีมชานึกถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปและตัวสั่น
“มะ ไม่มีอะไรหรอก เพราะมันจะเป็นเรื่องใหญ่น่ะ ฮ่าฮ่า ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้อาการความจำเสื่อมเป็นที่นิยมน่ะ ยังไงก็ระวังตัวไว้เถอะ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ในขณะที่อินซอบกำลังครุ่นคิดอยู่ว่ามีช่วงที่ความจำเสื่อมเป็นที่นิยมด้วยเหรอ เด็กชายก็เดินเข้ามาหาอินซอบอย่างประหม่า
“รีบขอบคุณพี่เขาเร็ว”
ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นแม่ตบหลังเด็กเบาๆ เด็กชายจึงยื่นลูกอมที่อยู่ในมือให้อินซอบและรีบวิ่งไปหาแม่
“ขอบคุณนะ จะกินให้อร่อยเลย”
“ขอโทษนะคะ ลูกของฉันคงจะก่อเรื่องขึ้นในระหว่างที่ฉันละสายตาไปแป๊บหนึ่งเมื่อสักครู่นี้สินะคะ”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”
“ลูกควรจะขอบคุณสิจ๊ะ”
“ขอบคุณคับ”
พอเด็กชายขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่เขินอาย อินซอบก็ยิ้มกว้างให้
“ดูเหมือนจะชอบเด็กนะ”
“ครับ”
อินซอบตอบอย่างไม่ลังเล
“ก็พวกเขาน่ารักนี่ครับ”
อินซอบตอบพร้อมกับโบกมือให้เด็กชายที่โบกมือให้ตัวเองจากไกลๆ พอนึกถึงไอ้คนที่เหมือนปีศาจที่เกลียดทุกคนโดยไม่แบ่งแยกกับอคติเรื่องเพศและวัยแล้ว หัวหน้าทีมชาก็เจ็บบริเวณขอบตา
…ควรจะรีบคบคนดีๆ ได้แล้ว
“นี่ คุณอินซอบ จะแต่งงานเมื่อไรเหรอ”
อินซอบที่กำลังตักข้าวใส่ซุปเข้าปากสำลักเบาๆ
“ค่อยๆ กิน เอ้า นี่ น้ำ”
“…ขอบคุณครับ”
อินซอบดื่มน้ำและลงมือกินข้าวอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร ใบหน้าของเขาแดงและแดงไปจนถึงต้นคอ
“ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานไว้เหรอ”
“…ผะ ผมยังไม่เคยคิดเลยครับ”
“แม้การที่ตาลุงที่อายุเยอะและหย่ามาแล้วพูดเรื่องแบบนี้จะน่าหัวเราะไปสักหน่อย แต่การแต่งงานก็ไม่แย่นะ ถึงจะดูเหมือนเป็นเรื่องในโลกอื่นเพราะคุณอินซอบตอนนี้อายุยังน้อยก็เถอะ”
“…เอ่อ ครับ…ฮ่าฮ่า”
“บอกว่าชอบเด็กนี่ ถ้าเป็นคุณอินซอบละก็ คงจะเลี้ยงได้ดีมากแน่ๆ การมีลูกและได้ดูเขาเติบโตน่ะดีมากเลยนะ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะมีคนรักยังไง แต่การแต่งงานน่ะต้องคบกับคนดีๆ ก่อนแล้วค่อยแต่งนะ คนดีๆ น่ะ”
“…ครับ ขอบคุณที่แนะนำครับ”
อินซอบตอบโดยไม่เงยหน้า
“ถูกปากไหมครับ”
อีอูยอนที่กลับมาเมื่อไรไม่รู้นั่งลงข้างๆ อินซอบพลางเอ่ยถาม
“ครับ อร่อยครับ”
“ดีครับ กินอันนี้เป็นของหวานนะครับ”
อีอูยอนวางถุงกระดาษเล็กๆ ลงบนโต๊ะ
“ขนมลูกวอลนัต[1]เหรอ ฉันขออันหนึ่งสิ”
หัวหน้าทีมชาที่ชอบของหวานยื่นมือมา อินซอบรีบหยิบขนมลูกวอลนัตออกมาจากถุงและยื่นให้หัวหน้าทีมชา
“แปลกเนอะ ปกติไม่ได้นึกถึงเลย แต่ถ้ามาจุดพักรถก็จะอยากกินเจ้านี่”
“กินเยอะๆ เลยครับ”
อินซอบเอียงถุงขนมลูกวอลนัตไปทางหัวหน้าทีมชาและยิ้ม
“ขอบใจ ต่างกับใครบางคนที่ไม่ชวนกินสักครั้งเลยนะ”
“แหม หัวหน้าทีมชาก็ขอให้กรรมการผู้จัดการคิมซื้อให้ได้นี่ครับ”
อีอูยอนตอบโต้อย่างหน้าด้านหน้าทนโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด หัวหน้าทีมชาหัวเราะเยาะและเคี้ยวขนมลูกวอลนัตอย่างรุนแรง
“ว่าแต่กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ”
“หือ? เรื่องอะไรล่ะ”
หัวหน้าทีมชาถามกลับ
“ก่อนที่ผมจะมาน่ะครับ ที่คุยกันสองคน ผมเห็นว่าคุณอินซอบหน้าแดงและทำอะไรไม่ถูก”
“มะ ไม่มีอะไรครับ ไม่ได้คุยเรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ”
อินซอบรีบกุเรื่องขึ้นมา
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอครับ ไม่ได้คุยเรื่องสำคัญอะไร คนที่จิตใจดีต้องคบกับคนที่จิตใจดีด้วยกันถึงจะแต่งงานและมีความสุข เรื่องอะไรทำนองนี้น่ะครับ”
อีอูยอนส่งเสียงในลำคอและยกมุมปากขึ้นยิ้มให้กับเรื่องที่มีความหมายแอบแฝง
“อ๋อ เพราะอย่างนั้นกรรมการผู้จัดการคิม…”
พออีอูยอนพูดอย่างกำกวม หัวหน้าทีมชาที่ไม่สามารถเอาชนะความอยากรู้อยากเห็นของคนที่จะทำให้ตายได้ก็ถามว่า “อะไร”
“ถึงได้จัดการเรื่องผู้หญิงที่คบมาทั้งหมดและมาคบกับหัวหน้าทีมชาสินะครับ”
“ว่าไงนะ”
“ก็พวกคุณเป็นคนจิตใจดีทั้งคู่นี้ครับ ใช่ไหมครับ คุณอินซอบ”
“อ๋อ ครับ ทั้งสองคนเป็นคนดีครับ”
อินซอบที่ไม่เข้าใจบริบทของบทสนทนาดีรีบตอบ อีอูยอนจึงพูดว่า “ถึงจะสายไปมาก แต่ก็โชคดีนะครับที่มีความสุข” และแจกรอยยิ้มคนดีให้
‘ฉันเอาชนะหมอนั่นด้วยคำพูดไม่ได้เลยไอ้บ้านั่นไปเรียนภาษาเกาหลีมาจากไหนกันแน่ โอ๊ย ให้ตายเถอะ’
คำพูดที่กรรมการผู้จัดการคิมพูดไปเคี้ยวปลาหมึกไปตอนที่ดื่มเหล้าด้วยกันปรากฏในหัว หัวหน้าทีมชากัดฟันกรอด
ใจจริงเขาอยากใช้หม้อเคลือบดินเผาฟาดหัวหมอนั่นสักครั้ง…
วินาทีนั้นเขาก็สบตากับอีอูยอนที่กำลังยิ้ม หัวหน้าทีมชาจึงรีบหันหน้าหนี แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะหมอนั่นด้วยคำพูดได้
“ว่าแต่คุณอินซอบจะแต่งงานเหรอครับ”
อินซอบที่สำลักเพราะคำถามที่กะทันหันเริ่มไอด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน อีอูยอนจึงอุทานและยื่นน้ำให้
“ดื่มนะครับ”
“เอ่อ…ครับ ขอบ…”
อินซอบรีบดื่มน้ำ หลังจากการไอเบาลงแล้ว อินซอบก็ทำสีหน้าที่บอกว่าหมายความว่าอะไรกันแน่
“เห็นบอกว่าต้องคบกับคนที่จิตใจดีด้วยกันนี่ครับ คุณอินซอบจิตใจดีนี่น่า”
“…ไม่ดีครับ”
อินซอบตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ดีครับ”
“…”
เป็นลักษณะการพูดที่เหมือนจะถามว่าทำไมถึงจิตใจดีกันล่ะ
“เพราะแบบนั้นเลยจะคบกับคนที่จิตใจดีเหรอครับ มีคนที่จิตใจดีอยู่ในใจแล้วเหรอครับ”
“มะ ไม่มีครับ คนแบบนั้นน่ะ”
อีอูยอนแกล้งเตะขาของอินซอบใต้โต๊ะ ราวกับสั่งให้ระบุถึงตัวเอง
“ไม่มีเหรอครับ สักคนก็ไม่มีเหรอครับ”
“…”
อินซอบไม่สามารถพูดว่าคุณก็จิตใจดีได้ และได้แต่ลูบแก้วน้ำ
“คุณไม่มีคนที่จิตใจดีอยู่ในใจเลย ทำยังไงดีล่ะครับ งั้นคุณคงต้องคบคนไม่ดีและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วล่ะ”
“…”
“…”
ทั้งสองคนลืมคำที่จะพูดไปหมด
ถ้าขาดความมีเหตุผลอย่างรุนแรงขนาดนั้นก็สมควรจะโดนฟ้องแล้วนะ
ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังเอะอะจากตรงประตูทางเข้า จากนั้นผู้หญิงที่สวมแว่นกันแดดก็ทำเป็นรู้จักและเดินมาทางนี้
[1] ขนมลูกวอลนัต เป็นคุกกี้ชนิดหนึ่งของเกาหลี มีลักษณะคล้ายลูกวอลนัต ตัวแป้งทำมาจากวอลนัตผสมกับแป้ง และสอดไส้ด้วยถั่วแดงบด